[CR] Review : Assassin’s Creed (แหม่ เกือบแล้วเชียว)

Review : Assassin’s Creed (แหม่ เกือบแล้วเชียว)

ผู้กำกับ : Justin Kurzel (The Snowtown Murders, Macbeth)

ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/

คำสาปของหนังจากเกมนั้นมีการกล่าวถึงมาสักระยะหนึ่งแล้วครับ ว่าหนังที่สร้างมาจากเกมจะต้องห่วยเสมอ แต่สำหรับผมนั้น หลายเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับห่วยอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้ดีจนโดดเด่นว่าเป็นหนังที่ทำลายคำสาปลงได้ครับ (แต่บางเรื่องก็ห่วยจริงน่ะละ Tekken งี้ DOA งี้) และสำหรับปีนี้ก็มีหนังที่หาญกล้าจะทำลายคำสาปนี้อยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ Warcraft ซึ่งสำหรับผมมันไม่ใช่หนังห่วยนะ แต่ก็ไม่ดีพอที่จะทำลายคำสาปลงได้ ส่วนอีกเรื่องที่เพิ่งเข้าฉายที่จะรีวิวกันในวันนี้คือ Assassin’s Creed ครับ



โลกของ Assassin’s Creed เป็นโลกที่มีการทำสงครามระหว่างฝ่าย Templar ผู้ต้องการจะควบคุมทุกสิ่ง และฝ่าย Assassin ผู้รักอิสระมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษ ตัวเอกของเรา Callum Lynch (Michael Fassbender) เป็นอาชญากรที่กำลังจะรับโทษประหาร และได้หมดสติไป แต่เมื่อตื่นขึ้นเขาก็พบว่า เขาอยู่ในศูนย์วิจัย Abstergo ของฝ่าย Templar ซึ่ง Sofia (Marion Cotillard) ต้องการให้เขามาเข้าโครงการ Animus ที่สามารถย้อนดูอดีตของ Aguilar Assassin ที่เป็นบรรพบุรุษของเขาได้ เพื่อหาที่ซ่อนของ Apple of Eden โบราณวัตถุที่มีพลังลึกลับที่ Aguilar ได้ซ่อนเอาไว้ พวก Templar ต้องการมันไปทำอะไร Cal จะยอมช่วยพวก Templar ง่ายๆอย่างนี้หรือ ติดตามได้ใน Assassin’s Creed ครับ



และ Assassin’s Creed ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมที่ผมต้องขอใช้คำว่า “ไปไม่ถึงฝั่งฝัน” ครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าเสียดายมากเลย เพราะมัน “เกือบดี” แล้ว หลายอย่างมาถูกทางแล้วเช่น ฉากต่อสู้ต่างๆที่ทำท่วงท่าออกมาได้สวยงามดีทีเดียว หลายอย่างที่เป็น Fanservice ให้กับแฟนเกมนั้นก็ทำมาได้ดีมาก ผมคิดว่าถ้าแฟนเกมมาดูนั้นต้องแอบอมยิ้มให้กับหลายฉากเลยครับ แต่ หนังกลับตกม้าตายในประเด็นที่คล้ายๆกับข้อเสียของเกมต้นฉบับของมัน คือ เรื่องราวในยุคปัจจุบันครับ ซึ่งจังหวะการเล่าเรื่องในส่วนนี้ทำได้ค่อนข้างน่าเบื่อ ในขณะที่ส่วนย้อนอดีตนั้นไปไวมากๆ จนรู้สึกว่าขาดการปูพื้นทั้งด้านประวัติศาสตร์เนื้อเรื่องและด้านตัวละครครับ (แอบรู้สึกว่าอยู่กับยุคปัจจุบันนานเกินจำเป็นไปด้วย) เหตุผลในการตามหา Apple of Eden นั้นก็เปลี่ยนไปจากในเกมพยายามจะเล่นประเด็นเป็นปรัชญา แต่ทำได้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ดูตลกๆมากกว่าครับ การเขียนบทนั้น นอกจากจะเล่นโทนซีเรียสโดยแทบจะไม่มีมุกตลกเลยทั้งเรื่องแล้ว หนังยังพยายามยัดบทพูดเป็นประโยคเท่ๆเข้าปากตัวละครโดยที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เข้ากับเรื่องหรือช่วยเพิ่มอะไรให้เนื้อหาสักเท่าไหร่เลย บางฉากนี่จะกลายเป็นหนังไทยเน้นคำคมอยู่แล้วครับ



สำหรับงานภาพนั้นทำได้สวยใช้ได้ทีเดียว ผมชอบการออกแบบซีนและการเคลื่อนกล้องตอนตัวเอกย้อนอดีตโดยใช้เครื่อง Animus ครั้งแรกมากครับ ทัศนียภาพต่างๆในช่วงย้อนอดีตก็สวยงามดี ตัวเครื่อง Animus แบบใหม่ที่ออกแบบมาไม่เหมือนในเกมก็ทำได้น่าสนใจดีครับ ดนตรีประกอบก็โออยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ไพเราะอะไรมากแต่ก็สร้างบรรยากาศลุ้นระทึกได้ดี ส่วนการแสดงนั้น Michael Fassbender เล่นได้โออยู่ แต่ก็รู้สึกว่าไม่โดดเด่นเท่าผลงานอื่นๆของเขา Marion Cotillard นางเอกของเรานี่เฉยๆแฮะ แต่ขอบ่นอย่างนึงเถอะ การแต่งหน้าและคอสตูมออกมาไม่สวยเลยยยย ดูเป็นป้านักวิทยาศาสตร์โทรมๆธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น (หรือตั้งใจให้เป็นงี้นะ) ทั้งๆที่ดูเธอในตัวอย่างเรื่อง Allied ก็ออกจะสวยดีแท้ๆครับ

สรุป : แฟนเกมก็ดูเถอะครับ คงมีฉากให้อมยิ้มอยู่บ้าง ส่วนถ้าไม่เคยเล่นเกมมาก่อนนี่ก็เป็นหนังปกติธรรมดาทั่วไปครับ ดูฉากสู้สวยๆเพลินๆก็พอได้ แต่อย่าหวังอะไรมากกว่านั้นครับ

คะแนน : 7.2/10 (B), ไม่ชอบ ครับ
ชื่อสินค้า:   Assassin's Creed Movie
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่