[CR] (Review) Rogue One : A Star Wars Story (2016) :: นี่คือ Star Wars ที่ระห่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Rogue One : A Story Wars Story -  Gareth Edwards [Godzilla (2014)]

“ ไม่ว่าโลกนี้จะน่าสิ้นหวังสักเพียงใด จงอย่าหมดความหวัง ”

“ Rogue One คือ Star Wars ที่ระห่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา...”


เกริ่นนำ


          Star Wars คือ หนังมหากาพย์ไซไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในวงการภาพยนตร์โลกของ George Lucas มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสู้กันระหว่างฝั่งผู้รักในเสรีภาพ (กลุ่มกบฏ) และจักรวรรดิที่ครองอำนาจทั่วทั้งจักรวาล ปกครองดาวต่างๆอย่างกดขี่ (ในส่วนเนื้อหาถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติม ผมขออนุญาตแปะเนื้อหาจากเพจสรุป เอาไว้ให้อ่านกันนะครับ https://www.facebook.com/in.one.zaroop/posts/1817058535235961)

          Rogue One คือ ภาคแยกของ Star Wars ที่มีเนื้อหาคาบเกี่ยวระหว่างช่วงเวลาราวๆต้นภาค 4 กล่าวถึงเรื่องราววีรกรรมของ จิน เออโซ (Felicity Jones) ในการรวบรวมพรรคพวกของกลุ่มกบฏทำปฏิบัติภารกิจพิเศษในการช่วงชิงแผนผังเดธสตาร์ออกมา เพื่อที่ในภาค 4 ของเนื้อเรื่องหลัก ลุค สกายวอร์คเกอร์และผองเพื่อนจะได้ใช้แผนผังนี้ นำไปสู่การทำลายเดธสตาร์ ส่วนคำว่า "Rogue One" มาจากรหัสยานที่นำจินและพรรคพวกเข้าสู่ปฏิบัติการครั้งนี้



สงครามอันน่าหดหู่และความสิ้นหวัง


          ในเนื้อเรื่องภาคนี้ทำออกมาในรูปแบบของหนังแอ็คชันสงครามเต็มรูปแบบ เราจะได้ดูการต่อสู้ของผู้ถูกลืมกลุ่มหนึ่งในเนื้อหาหลัก กลุ่มผู้ปิดทองหลังพระกลุ่มนี้ได้เข้าไปปฏิบัติการพิเศษในภารกิจสุดอันตรายและจากภารกิจนี้เองก็ได้ก่อให้เกิดสมรภูมิรบขนาดหย่อมบนดาว Scarif เหล่ากบฏต้องสู้อย่างห้าวหาญท่ามกลางความสิ้นหวัง Rogue One จึงมีภาพหนังออกมาในโทนหดหู่ เครียดตลอดเวลา เข้มข้น ตึงทั้งเรื่อง แต่สนุกปนดราม่าแบบหนังสงคราม กลิ่นอายบรรยากาศผ่อนคลายแบบภาคก่อนๆ(ที่เน้นไปทางผจญภัยมากกว่า) ไม่ปรากฏให้เห็นมาก


          ในภาคนี้ หนังทำออกมาได้ค่อนข้าง Real สมจริง คือ เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงที่ควรจะเป็น เช่น ภาพลักษณ์กลุ่มกบฏที่ไม่ได้ขาวสะอาดเหมือนภาคก่อนๆ และมีความโหดเหี้ยมอยู่เหมือนกัน มีการใช้แผนสกปรกและอะไรที่มันไม่เท่เหมือนพระเอก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็สอดคล้องกับความเป็นจริงของกลุ่มกองกำลังรบที่อ่อนด้อยกว่าอีกฝ่าย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพระเอกตลอดเวลาท่ามกลางความเสียเปรียบและความสิ้นหวังขนาดนี้ (สรุปคือ เทาทั้งสองฝ่าย)



Rogue One คือ Star Wars ที่ระห่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา


          ในส่วนการดำเนินเรื่องจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ครึ่งแรกกับครึ่งหลัง ครึ่งแรกจะดูเนือยหน่อย (ไม่ถึงกับหลับ) เน้นไปที่ชีวิตของจิน เออโซ อันน่าปวดร้าวและปูเรื่อง ตัวละครต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่สงคราม ส่วนครึ่งหลัง คือ สิ่งที่ทุกคนรอคอย สงครามระเบิดภูเขาเผากระท่อมสุดมันส์ เข้มข้น เครียด ดราม่า เมื่อถึงฉากจบ หนังก็ส่งต่อไปยังเนื้อเรื่องหลักภาค 4 ได้อย่างเรียนเนียน สวยงามราบรื่นทันที


          Rogue One มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือ การเป็นหนังสงครามเต็มรูปแบบในฉบับระห่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมา ฉีกแนว Star Wars ทุกภาค ไม่มีเจได ไลท์เซเบอร์ แต่เป็นสงครามของกลุ่มกบฏคนธรรมดาที่เสียสละสู้เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง (ซึ่งก็ทำได้มันส์สุดยอด) ณ จุดๆนี้ เป็นจุดหนึ่งที่ผมคิดว่า แฟนหนังอยากจะดูมาก เพราะ ตั้งแต่ภาค 1-7 ก็ไม่มีฉากสงครามจริงๆ แนวๆ วิ่งถิอปืนสู้ตายท่ามกลางสมรภูมิรบให้เราได้ดูกันจริงๆจังๆ (อันที่จริงภาค 4-6 ก็มีนะครับ แต่ว่าเอฟเฟคตอนนั้นไม่ดีเหมือนตอนนี้ ส่วนภาค 1-3 เน้นไปทางเจไดมากกว่า) ดังนั้นภาคนี้จึงเหมือนกับการเอาฉากสงครามเต็มรูปแบบจากภาค 4-6 หุ่นยนต์ สงคราม ยานรบ มาจัดหนักจัดเต็มให้คนดูได้มันส์เต็มอิ่ม ระทึกใจไปตามกัน


          ในส่วนเอฟเฟคและโปรดักชัน ถือว่าหนังจัดเต็มมาก ทำได้มันส์ทะลุจอ เล่นเอาคนดูใจเต้นตุบๆ ลุ้นไปกับภารกิจ เราจะได้สัมผัสบรรยากาศของภาค 4-6 อีกครั้งในแบบสงครามสมจริง ระเบิดจริง เจ็บจริง ตายจริง ฉากดาวต่างๆ ทำได้งดงามเนียนตา CG ระดับสุดยอด ส่วนหนึ่งอาจเป็น เพราะ เน้นการใช้ของจริงเป็นหลักในการถ่ายทำแล้วใช้ CG เสริมประกอบให้เนียนตา (เห็นเบื้องหลังว่า ในฉากที่มีระเบิด ผู้กำกับพยายามจะพยายาม เน้นใช้ไฟจริง ระเบิดจริงมากที่สุด เพื่อความสมจริงของภาพยนตร์)



นักแสดง : ดอนนี่เยนแย่งซีน


ดอนนี่เยนและสตอร์มทรูเปอร์

          ในส่วนนักแสดง ผมคิดว่าโดยรวมทุกคนถือว่าแสดงได้โอเค ที่โดดเด่นแย่งซีน คงเป็นบทของดอนนี่ เยน (Chirrut Îmwe) และ K-2SO แย่งซีนไปหลายฉากและยังเล่นฮาไปหลายช็อต เกินความคาดหมาย (ปกติผมไม่คิดว่าฮอลลีวูดจะให้ความสำคัญและบทสำคัญกับนักแสดงเอเชียอย่างจีนสักเท่าไร ถ้าหนังเรื่องนั้นไม่ได้มีผู้สร้างเป็นคนจีนหรือทำออกแนวหนังจีน เดาว่าผู้สร้างคงต้องการสร้างฐานแฟนคลับจีนเลยดึงดาราดังจีนมาถึง 2 คน)


กลุ่มนักแสดงหลักในเรื่อง

          ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่ง คือ การปรากฏตัวของ Darth Vader ที่เปิดตัวได้อย่างทรงพลังและยิ่งไปกว่านั้น ที่ผมประทับใจคือฉาก Darth Vader กำลังไล่ชิงแผนผังคืนจากกลุ่มกบฏ Darth Vader ช็อตนั้นผมถือได้ว่า มาได้ถูกที่ถูกเวลามาก เล่นทำเอาคนดูหายใจไม่ทั่วท้อง เอาหนังทั้งเรื่องอยู่หมัดได้ทันที มีที่หนังเซอร์ไพร์สอีกอย่าง คือ การกลับมาของนักแสดงตำนาน 2 ท่านในฉบับ CGI คือ ปีเตอร์ คุชชิง (Grand Moff Tarkin) นายพลแห่งจักรวรรดิและ Carrie Fisher (Pincess Leia)


Darth Vader ปรากฏตัว


ดนตรีประกอบภาพยนตร์ : ดราม่าแต่ยังเคารพ Orginal ไว้เป็นอย่างดี


          Michael Giacchino เป็นผู้ประพันธ์บน Original Music ของ John Williams ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี มีรายละเอียดแตกต่างกัน แต่ก็ยังคงเคารพต่อ Original Music บรรยากาศโดยรวมของดนตรีทำออกมาในโทนตึงเครียด เข้ม ดราม่า แต่ก็ยังมีการนำ Main theme เอกลักษณ์ Star Wars อันโดดเด่นใส่แทรกไว้ตามจุดต่างๆ เอาไว้ ทำให้ยังคงกลิ่นอายของ John Williams ซึ่งเป็นกลิ่นอาย Star Wars Classic เอาไว้อยู่

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Michael Giacchino - A Long Ride Ahead (From "Rogue One: A Star Wars Story"/Audio Only)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Rogue One OST -  Jedha Arrival


สรุป


          “ ไม่ว่าโลกนี้จะน่าสิ้นหวังสักเพียงใด จงอย่าหมดความหวัง ” นี่คือสิ่งที่ Rogue One ต้องการสื่อออกมาให้คนดูได้ขบคิด เพราะ ไม่ว่าเราจะหมดกำลังใจ ท้อต่ออุปสรรคทุกสิ่ง มองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างข้างหน้า ก็จงอย่าหมดหวัง ตราบใดที่ยังสู้ เมื่อนั้นความหวังใดๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ

          สำหรับ Rogue One: A Star Wars Story ผมให้คะแนน 8.5/10 (ผมเป็นแฟนหนัง Star Wars ด้วย 555) หนังเติมเต็มสิ่งที่คนดูตามหามานานและยังกล้าฉีกแนวจากภาคก่อนๆอย่างสิ้นเชิง แถมยังทำได้ระห่ำสุดขีดเกินความคาดหมาย (ดู Trailer แล้วคิดไม่ถึงว่าจะสนุกขนาดนี้) เล่นคนดูลุ้นทุกนาทีไปกับหนัง พร้อมกับความรู้สึกอิ่มใจยามดูจบ จะมีที่หนังพลาดหน่อยก็แค่ช่วงแรกๆที่ยังดูเนือยๆเหมือนเครื่องยังไม่ติด แต่พอเครื่องติดแล้วก็พร้อมจะระเบิดพลังใส่คนดูเต็มพิกัด

          Rogue One: A Star Wars Story เหมาะกับแฟนหนัง Star Wars เป็นอย่างยิ่ง ส่วนคนที่ไม่เคยดูภาคก่อนๆมาก็ไม่ต้องกังวล เพราะ ภาคนี้เป็นภาคแยกที่เนื้อหาไม่ได้สัมพันธ์กับภาคก่อนหน้าเยอะแยะมากมายอะไร เพียงแต่หากอยากเพิ่มความอินเนื้อเรื่อง ผมแนะนำให้ดูภาค 3-4 มาก่อนจะทำให้อินกับหนังมากขึ้นหรือถ้ารู้พื้นเรื่องของหนังมาก่อน ก็จะทำให้ดูหนังได้สนุกยิ่งขึ้นครับ


May The Force Be With You.

"ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน"

8.5/10



----------------------------------------------------------------------

Rogue One: A Star Wars Story (2016)(Imdb)
The Rebel Alliance makes a risky move to steal the plans for the Death Star, setting up the epic saga to follow.
Director: Gareth Edwards
Writers: Chris Weitz (screenplay), Tony Gilroy (screenplay) | 3 more credits »
Stars: Felicity Jones, Diego Luna, Alan Tudyk | See full cast & crew »

----------------------------------------------------------------------

ปล.ส่วนตัวผมยังชอบ Rogue One มากกว่าภาค 7 อีกนะครับ รู้สึกมันได้ฟีลอารมณ์สงครามแบบภาค 4-6 ดี 555


ปล2.ขออนุญาตแปะสิ่งที่ควรรู้ก่อนดูอีกรอบนะครับ

#สรุป จักรวาลสตาร์วอร์ส เท่าที่จำเป็นต้องรู้ ก่อนไปดู Rogue One: A Star Wars Story (ไม่สปอยล์เนื้อหาหลัก)
https://www.facebook.com/in.one.zaroop/posts/1817058535235961


ป.ล.3 อีกหนึ่งช่องทาง หากชอบรีวิวหรืออยากติดตามพูดคุยกันนะครับ
ชื่อสินค้า:   Rogue One : A Star Wars Story
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่