ตามหัวข้อเลยค่ะ เราเคยคิดว่าเพราะอะไร เป็นเพราะตอนแม่มีเราเค้ายังไม่แก่มากเลยเลี้ยงลูกได้ไม่ดีมาก นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เราฝังใจจากแม่
- ตอนเด็กประมาณประถม เราชอบแต่งนิยายเหมือนเค้าแอบมาอ่านก็เลยรู้ แล้ววันนั้นเราทำการบ้านภาษาอังกฤษอยู่กับพ่อจนเกือบห้าทุ่ม ครั้งนั้นเป็นครั้งที่นอนดึกมากเรากลัวแม่ด่าเรามาก พอเราเข้าไปนอนแม่ก็พูดกับเราว่า "ไปแต่งนิยายให้พ่อเมิงฟังไป" เราก็นอนร้องไห้เลย
- มีอีกครั้งตอนประถมเช่นเดียวกัน วันนั้นแม่นอนอยู่เราไม่รู้นึกสนุกอะไร กระโดดลงนอนบนที่นอน แม่เหนื่อยๆอยู่โดนปลุกตอนดึกก็คงอารมณ์เสีย ตีเข้าหลังเราแรงมาก แบบสะเทือนไปทั้งตัวเราก็ขยับออกแล้วก็นิ่งกลัวค่ะ หายใจยังพยายามหายใจเบาๆ
- ตอนประถมเช่นเดียวกัน แม่นั่งหาเพลงเพื่อเอาไปใส่แผ่นซีดี แล้วนึกชื่อคนร้องได้แต่เขียนไม่ถูกก็เลยถามพ่อ พี่สาว แล้วก็เรา เราก็พูดเล่นๆว่า "แค่นี้ก็เขียนไม่ได้" แม่ก็สวนกลับมาว่า แล้วเขียนยังไง เราก็หัวเราแล้วบอกว่าเขียนไม่เป็น แม่ด่าเราว่า "โง่อย่าอวดฉลาด" เราก็นิ่งไปอีกค่ะ
- มีครั้งหนึ่งตอนป1 เราไปถ่ายรูปสติ๊กเกอร์กัน แล้วเราไม่ยิ้ม เราโดนแม่หยิก เพราะว่าเราถ่ายรูปไม่ยิ้ม จากนั้นตอนที่แม่ถ่ายรูปให้เรายิ้มมาตลอด ครั้งนี้เราตั้งคำถามว่า ทำไม
- ตอนนี้ที่เราจำไม่ลืม นี่เป็นช่วงปิดเทอมเราต้องมาอยู่กับแม่นานพอสมควร เราก็คุยกันดีๆมีเรื่องอะไรก็คุยแล้วมาถึงวันที่เราต้องให้แม่พาไปสมัครเข้าม4 เราพูดกับเค้าว่าอยากให้แม่แต่งตัวแบบนี้ไปกับหนูเดี๋ยวซื้อให้ แม่ก็ยิ้มคุยกันสนุก แต่วันที่ไปสมัครเราย้อมผมไป ใช่ค่ะเราผิดเอง เค้าเลยไม่ให้สมัครต้องไปย้อมผมกลับก่อน แต่วันนั้นคือวันสุดท้าย แม่ก็ด่าเราที่ลานจอดรถจิกผมตีเรา บอกว่าอย่าเอานิสัยพ่อมาใช้ เมิงโง่อย่างนั้นโง่อย่างนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเราก็คุยกันดีๆได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพราะพอแม่เลิกกับพ่อเค้าก็ย้ายออกไป
- เค้าชอบถามเราว่ากินเป็นมั้ย ทั้งๆที่อะไรเราก็กินได้หมด
- เราถักเปียให้น้าแต่เราทำไม่สำเร็จ แม่พูดว่าทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างพูดแบบหยิ่งๆใส่เรา
- เรากลายเป็นคนที่ไม่ร่าเริงเวลาอยู่กับเค้า เราไม่กล้าพูดกล้าแสดง
- คุยกันนับคำได้ในแต่ละวัน
- เวลาเราจะทำอะไรเราไม่กล้าทำเพราะเค้าจะพูดว่า ทำแบบนี้ทำเป็นมั้ย ทำอะไรเป็นมั่ง เหมือนกับเราทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเราเลยไม่กล้าแสดงความสามารถอะไรให้เค้าเห็น
จนเราย้ายมาอยู่กับเค้า เหมือนเราเป็นส่วนเกินของบ้าน แม่จะคุยกับพี่ส่วนเราก็จะเงียบกินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้อง เราทำให้บ้านมันก่อยซึมๆ เราไม่อยากเป็นแบบนั้น
เราไม่สนิทกับแม่
- ตอนเด็กประมาณประถม เราชอบแต่งนิยายเหมือนเค้าแอบมาอ่านก็เลยรู้ แล้ววันนั้นเราทำการบ้านภาษาอังกฤษอยู่กับพ่อจนเกือบห้าทุ่ม ครั้งนั้นเป็นครั้งที่นอนดึกมากเรากลัวแม่ด่าเรามาก พอเราเข้าไปนอนแม่ก็พูดกับเราว่า "ไปแต่งนิยายให้พ่อเมิงฟังไป" เราก็นอนร้องไห้เลย
- มีอีกครั้งตอนประถมเช่นเดียวกัน วันนั้นแม่นอนอยู่เราไม่รู้นึกสนุกอะไร กระโดดลงนอนบนที่นอน แม่เหนื่อยๆอยู่โดนปลุกตอนดึกก็คงอารมณ์เสีย ตีเข้าหลังเราแรงมาก แบบสะเทือนไปทั้งตัวเราก็ขยับออกแล้วก็นิ่งกลัวค่ะ หายใจยังพยายามหายใจเบาๆ
- ตอนประถมเช่นเดียวกัน แม่นั่งหาเพลงเพื่อเอาไปใส่แผ่นซีดี แล้วนึกชื่อคนร้องได้แต่เขียนไม่ถูกก็เลยถามพ่อ พี่สาว แล้วก็เรา เราก็พูดเล่นๆว่า "แค่นี้ก็เขียนไม่ได้" แม่ก็สวนกลับมาว่า แล้วเขียนยังไง เราก็หัวเราแล้วบอกว่าเขียนไม่เป็น แม่ด่าเราว่า "โง่อย่าอวดฉลาด" เราก็นิ่งไปอีกค่ะ
- มีครั้งหนึ่งตอนป1 เราไปถ่ายรูปสติ๊กเกอร์กัน แล้วเราไม่ยิ้ม เราโดนแม่หยิก เพราะว่าเราถ่ายรูปไม่ยิ้ม จากนั้นตอนที่แม่ถ่ายรูปให้เรายิ้มมาตลอด ครั้งนี้เราตั้งคำถามว่า ทำไม
- ตอนนี้ที่เราจำไม่ลืม นี่เป็นช่วงปิดเทอมเราต้องมาอยู่กับแม่นานพอสมควร เราก็คุยกันดีๆมีเรื่องอะไรก็คุยแล้วมาถึงวันที่เราต้องให้แม่พาไปสมัครเข้าม4 เราพูดกับเค้าว่าอยากให้แม่แต่งตัวแบบนี้ไปกับหนูเดี๋ยวซื้อให้ แม่ก็ยิ้มคุยกันสนุก แต่วันที่ไปสมัครเราย้อมผมไป ใช่ค่ะเราผิดเอง เค้าเลยไม่ให้สมัครต้องไปย้อมผมกลับก่อน แต่วันนั้นคือวันสุดท้าย แม่ก็ด่าเราที่ลานจอดรถจิกผมตีเรา บอกว่าอย่าเอานิสัยพ่อมาใช้ เมิงโง่อย่างนั้นโง่อย่างนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเราก็คุยกันดีๆได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพราะพอแม่เลิกกับพ่อเค้าก็ย้ายออกไป
- เค้าชอบถามเราว่ากินเป็นมั้ย ทั้งๆที่อะไรเราก็กินได้หมด
- เราถักเปียให้น้าแต่เราทำไม่สำเร็จ แม่พูดว่าทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างพูดแบบหยิ่งๆใส่เรา
- เรากลายเป็นคนที่ไม่ร่าเริงเวลาอยู่กับเค้า เราไม่กล้าพูดกล้าแสดง
- คุยกันนับคำได้ในแต่ละวัน
- เวลาเราจะทำอะไรเราไม่กล้าทำเพราะเค้าจะพูดว่า ทำแบบนี้ทำเป็นมั้ย ทำอะไรเป็นมั่ง เหมือนกับเราทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเราเลยไม่กล้าแสดงความสามารถอะไรให้เค้าเห็น
จนเราย้ายมาอยู่กับเค้า เหมือนเราเป็นส่วนเกินของบ้าน แม่จะคุยกับพี่ส่วนเราก็จะเงียบกินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้อง เราทำให้บ้านมันก่อยซึมๆ เราไม่อยากเป็นแบบนั้น