บ้านเราทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้วค่ะ ตอนเด็นๆทะเลาะกัน ถ้าเรากับพี่สาวไม่ฟังก็จะใช้คำพูดรุนแรงขึ้น( แม่ด่าแบบ กูไม่น่าเสียแรงคลอดมาเลยอีเด็กเ*ย, นรกส่งมาเกิดเป็นลูกกูหรอ,ถ้าไม่ฟังกูออกจากบ้านกูไปเลย หาแ*กเองให้รอดนะ) แล้วก็ทำร้ายร่างกาย แบบเบสิคคือตี สายไฟ ไม้แขวนเสื้อธรรมดา หลังๆมาเริ่มแรงขึ้น มีทำในที่สาธารณะ ด่าในที่สาธารณะไม่สนสถานที่ ขับรถกลับบ้านก็ด่าตลอดทาง ถ้าขึ้นเเท็กซี่ก็ด่าให้แท็กซี่ฟัง ส่วนพ่อไม่ห้ามค่ะ นั่งฟังออกความเห็นบางที(พ่อความคิดคล้ายแม่ค่ะ) แม่เคยไปอาละวาดในรร.ตอนประถม ให้เราหยุดเรียนมาซ้อมดนตรีทุกวันศุกร์(ผอ.ไม่ให้เพราะเวลาเรียนจะไม่พอให้เข้าห้องสอบ แม่ด่าผอ.เลยค่ะ ตอยนั้นเรากดดันมากๆ เพื่อนแบน ครูเมิน กลายเป็นเด็กเจ้าปัญหาเพราะแม่)
จบป.6แม่จับยัดเรียนกศน. เราไม่อยากเรียนแจ่เราทำอะไรไม่ได้เพราะแม่มีสถานะเป็นผู้ปกครอง เราไม่มีเพื่อนอีกเลย พี่สาวเราอยู่เป็นเลยเข้ากับแม่ได้ดี เราที่เป็นคนพูดตรงๆ สนเเค่ถูกผิด มีมารยาทในสังคม ถ้าแม่ถูกก็ว่าถูก แต่ถ้าแม่ถูก แล้วด่ากราดกลางห้างหรือตลาดนัดเราก็ไม่โอเค แม่เราเลยจะด่าเราบ่อยกว่าพี่ ฟีล้หมือนไม่ทำตามที่สั่ง แม่พาออกงานแสดงบ่อยค่ะ(บ้านจขกท.เล่นดนตรีทั้งบ้านค่ะ แต่แม่เรียนบริหาร) เราที่ไม่ชอบการแสดง แล้วเป็นคนค่อนข้างหน้านิ่งยิ่งโดนด่าหนักกว่าเดิม บางครั้งนั่งเฉยๆก็โดนด่าว่าทำหน้าเป็นศพตายซาก เพราะสันดานงี้เลยไม่อยากเลี้ยง ถ้าอยู่บ้านไม่มีงานแสดงเราก็ซ้อมอยู่กับห้องทั้งวัน แม่อยากเที่ยวก็ลากเราไปด้วยทั้งที่เราไม่ได้อยากไป ด่าเราอีก ด่าตลอดทาง เราไม่อยากให้ทริปมันกร่อย เลยไม่สนใจพยายามเอนจอย กลายเป็นเรากลับกลอก เราอยู่แบบนี้จนเข้ามหาลัย เราพยายามซ้อใดนตรีจสเข้าม.เขียวย่านบางเขนได้ ทั้งบ้านก็ดีใจมากที่เราได้ที่เรียนดีๆ
เราพึ่งมีสังคมจริงๆครั้งแรกเลยมั้งคะ เพราะประถมย้ายรร.บ่อย กศน.ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ซ้อมแต่ในห้อง เวลาเราเครียดเรื่องเรียนหรือเรื่องที่ม.เราก็จะปรึกษาแม่ เรามีแฟนตอนกลางๆปี1เทอม1 เราก็บอกแม่นะ แฟนมาบ้านปกติ แรกๆแม่เราอคติกับแฟนมากๆเพราะแฟนคนละศาสนา แต่เเฟนเราเป็นคนดี ไปเรื่อยๆแม่เราก็ใจอ่อน ตอนนั้นเราแฮปปี้กับชีวิตพอตัว แต่ไม่มากเพราะยังทะเลาะกับแม่อยู่ประจำ แม่ชอบทำแผลเป็นไว้ที่นอกร่มผ้า ล่าสุดหยิกเราเลือดออกแขน เป็นรอยแผลเป็น เลยต้องใส่แขนยาวถึงศอกตลอด ปี2ต้นเทอมที่ผ่านมาแม่เราไม่ค่อยโอเคกับแฟนเรา พี่สาวก็คอยใส่ไฟตลอด(ความคิดคล้ายๆกัน) พี่สาวมีคนคุยเป็นหมอ ซึ่งเราเป็นคนเจอพี่เขาก่อนแต่เรามองเป็นพี่ชาย แม่เราก็จะอวยตลอด ดีงั้นดีงี้ ละก็ด่าเราว่าถ้ามีเพื่อนมีแฟนแย่คุณภาพชีวิตจะต่ำตมก็เลิกคบไปซะให้หมด กลับเข้าบ้าน(ตอนเรียนเรานอนบ้านเพื่อนแม่ใกล้ๆม.) จนล่าสุดปลายเดือนกันยาที่ผ่านมา เรา เพื่อนสนิท แฟน พี่สาวเล่นคอนเสิร์ตด้วยกัน จบคอนเสิร์ตก็ไปรับซองของงาน แยกย้ายกลับบ้าน แม่พาเรากับพี่สาวไปหาก๋ง บรรยากาศมาคุมากๆเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะบ้านเราเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรานอนยาวจนถึงบ้านก๋งที่นครศรีธรรมราช ไปเยี่ยมก๋งแม่ทำตังแบบเดิม สั่งให้ทำนั่นนี่ตามที่แม่ต้องการแล้วถ่ายรูป ซึ่งเยอะมากๆ ก๋งเรา96ปีแล้ว เราคิดว่ามาเเยี่ยม ถ่ายรูปกับก๋งเล็กน้อยแล้งให้ก๋งพักดีกว่า ก๋งเหนื่อยมากๆ แม่เราก็ยังสั่งนู่นนี่ให้ก๋งนั่ง ป้าเราก็พาก๋งอาบน้ำ แม่ก็สั่งให้เราไปอาบน้ำก๋ง ป้าด่าแม่กลับแม่เลยยืนเงียบไปพักนึง หยิบทรศ.ขึ้นมาถ่ายงิดีโอตอนก๋งอาบน้ำ(ก๋งใส่กางเกงนะคะ ป้าช่วยแค่ที่ตัวส่วนบนกับขา ตรงสะโพกก๋งอาบเอง) จนอะไรเสร็จหมดกลับกทม.4โมงเย็น กลับมาเรื่อยๆถึงกทม.ตี5 เราก็ไปเรียนปกติ แยกย้ายกัน วันจันทร์ที่ผ่านมารุ่นพี่รับปริญญา เราก็ไปม. พอดีเป็นวันครบรอบ ช่วงเย็นๆกะจะไปเดินเล่นเดทกับซักหน่อย อยู่ๆช่วง10โมงแม่โทรมาถามว่าอยู่ที่ไหน กินข้าวกับใคร กินอะไร เรียนอะไรต่อ ซ้อมกับใคร เอกอะไร ข้าวเท่าไหร่ อยู่ตรงไหน ทำไมต้องไปกินกับแฟน เพื่อนล่ะ ซ้อใเพลงงานอะไร(แม่เราถามเยอะมาก จริงๆเยอะกว่านี้ค่ะ) ละก็ด่าเราแรงมาก แฟนเราก็นั่งอยู่ข้างๆก็หงุดหงิด เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าพูดในบ้าน เหมือนเลี่ยงปัญหา แม่เลยได้ใจทำแบบนี้มาตลอดเกือบ20ปี แม่เราก็บอกรอกูเลยนะ เดี๋ยวกูไปรับที่ม.ตอนนี้เลย ดูซิจะอยู่ม.จริงรึป่าว เรางงมากว่าเเม่เป็นอะไรอีก แต่ก็โอเค แฟนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พูดไปเลยว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่ สรุปแบบรวบรัดคือแม่จะให้เราเลิกกับแฟนให้ได้ ตัดเพื่อน,รุ่นพี่ทุกคนที่ม. กลับมาซ้อมที่บ้านอย่างเดียว ไม่มีเรียนไม่ต้องไป แต่เราไม่อยากเลิก เพราะ1ปีที่ผ่านมาแฟนเป็นคนฮีลเราจากแม่ ถึงจะมีทะเลาะ น้อยใจบ้าง เราก็ยังมีพลังบวกเพิ่มขึ้น มีคนคอยให้กำลังใจ
แม่พาเราไปตลาดดอกไม้แถวๆสะพานพุทธ แม่คุยกับเราว่า พี่สาวเล่าให้แม่ฟังเรื่องแฟนถึงวันแสดงคอนเสิร์ตตอนเซ็นรับซองหลังจบคอนฯ เราเซ็นเสร็จก่อนออกมายืนรอถ่ายรูปก่อนกลับ แฟน พี่สาว เพื่อนสนิทไปเซ็นพร้อมกัน แฟนเปิดซองตัวเองดูเห็นแบงค์เทา2ใบ เลยไปหยิบซองจากมือพี่สาวแล้วบอหพี่เราว่า "งานนี้ได้2พันครับ เดี๋ยวผมเก็บไว้ให้พี่1,000 พี่เอาให้แม่พี่1,000นะครับ เดี๋ยวผมช่วยเอง" ละหลังถ่ายรูปเสร็จแฟนเปิดซองอีกครั้งนึง เป็นแบงค์เทาพับครึ่งเลยเหมือนมี2ใบ แฟนพูดว่า "อ้าวได้พันเดียวเท่ากันหรอ" พี่สาวเรารับไม่ได้กับการที่แฟนเราทำแบบนี้ เลยมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าถ้าคบกับคนนี้อยู่เตรียมรับความ
ในชีวิตได้เลย ทำอะไรไม่รุ่ง แล้วจะทะเลาะกันไม่มีความสุขหรอก เรางงมากๆ เราเป็นคนกลาง เรารู้นิสัยทั้ง2ฝั่ง พี่สาวเราเป็นคนพูดไปเรื่อยแต่เด็ก แต่เรื่องนี้ก็ไม่น่าใช่เรืาองพูดเล่น ส่วนแฟนเราไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ ไม่เคยฉกเงินจากมือใคร เป็นคนมีมารยาท แต่ถ้าหงุดหงิดก็อาจมีพูดแรงๆบ้าง(ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่ชอบนิสัยคนในครอบครัวเรา) เราเลยไม่ออกความเห็นเรืาองนี้ แม่ก็เซ้าซี้ให้เราพูดความเห็นส่วนของเราเอง เราที่ไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง เลยได้แต่พูดว่าก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แม่ก็พูดเรืาองแย่ๆของแฟนจนเราเริ่มหงุดหงิดอีกคน ตอนนั้นเราไม่ได้จะเข้าข้างแฟน แต่แม่พูดเรื่องแฟนทำนิสัยที่แม่ไม่ชอบทั้งนั้น ซึ่งนิสัยที่แม่ชอบคือทำตามแม่ แม่บอกให้ไปก็ไป โดนด่าห้ามเถียง ซื้ออะไรให้ก็กิน ห้ามออกความเห็น สิ่งที่แม่เลือกดีที่สุดแล้ว ซึ่งบ้านแฟนเป็นบ้านที่มีอะไรคุยกันตรงๆ พูดคุยกันได้ ไม่ใช่อธิบายแล้วหาว่าเถียง ออกความคิดเห็นได้ ให้สิทธิ์เลือกเองถ้าผลออกมาแย่หรือไม่ดี ก็มานั่งคุยกัน มาสอนกันหลังจากได้เจอด้วยตัวเอง ซึ่งเราเห็นด้วยกับบ้านแฟนมากกว่า(มากๆเลยค่ะ) กลายเป็นเราเข้าข้างผู้ชาย ร่า* หิวค*ย เรายิ่งไม่โอเค ยิ่งแม่เราเป็นคนหัวแข็ง หัวโบราณเราเลยไม่อยากคุยกับแม่ บ่ายวันนั้นแม่พาเราไปวัดสุทัศน์ ไปสวดมนต์แผ่เมตตาตัดเวรตัดกรรมทุกภพทุกชาติ(ใจจริงตอนนั้นอยากตัดแม่ออกไปเลยค่ะแต่ออกจะดูเป็นลูกที่แย่ไปหน่อย5555) สวดเสร็จเราก็มีแอบแชทกับแฟนเรื่องนี้บ้าง แฟนบอกว่าแฟนไม่ได้เป็นคนพูด แล้วก็ไม่ได้เป็นคนหยิบซองจากมือพี่สาว ตอนนั้นแฟนมือเต็ม2ข้าง ถือของให้พี่สาวเราด้วย คนที่พูดว่าได้2,000คือเพื่อนสนิท เรารีบเก็บทรศ.เพราะแม่เดินมาแล้ว แม่ดูแฮปปี้เราเลยไม่ได้พูดอะไร มาตอนเย็นแม่พาไปบ้านที่สุวรรณภูมิ ห้ามเราแชทห้ามนู่นห้ามนี่ เข้าบ้านไปพ่อก็ด่าว่าไม่ทักไม่ทาย ซึ่งเราทักตั้งแต่รั้วแล้ว อาจจะไม่ได้ยิน เราไม่สนแล้วปล่อยผ่าน เก็บของนู่นนี่อาบน้ำซ้อมดนตรีต่อ ปม่วอกว่าจะให้เราดรอปเรียนรักษาสภาพนิสิต กลับมาซ้อมที่บ้าน เรียนสกิลอย่างเดียวพอ(เรียนสกิลของเด็กดนตรีคือเรียนกับครูส่วนตัว เรียนเทคนิคเพลงที่ใช้สอบต่างๆนานาๆ เรียนสกิลกับครูคนเดียวจนจบ4ปี) เรางงมาก เราอยู่ปี2แล้ว ใกล้จะเรียนจบทำไมอยู่ๆให้ดรอป ปกติก็จ่ายค่าเทอมได้ทั้งพี่ทั้งเรา แม่บอกให้พี่เรียนจบก่อน เราไม่ต้องรีบ ปี2พึ่งจะอายุ18 รีบจบทำไม แต่โดยส่วนตัวเราคิดว่า เรียนให้มันจบแล้วออกไปทำงาน ออกไปอยู่คนเดียวแล้วส่งเงินให้แม่ดูเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรากับแม่แล้ว เราไม่อยากดรอป ทะเลาะกับแม่ทั้งคืนได้ทางออกอีกทาง ประณีประนอมสุดๆแล้ว ได้มาว่าให้ลงเรียนต่อได้ แต่ลงแค่วิชาของครูสกิลเท่านั้น แล้วแม่จะไปคุยกับครูสกิลอีกที ให้เราซ้อมที่บ้าน ไม่ต้องไปแอคคอมใคร ไม่ต้องอองซอม(บรรเลงหมู่)กับใคร เอาตัวเองให้เก่งแล้วไปเรียนป.ตรีต่างประเทศเลย
ที่เราอยากปรึกษาคือ
1. ขอความเห็นเกี่ยวกับแม่ หรือทางออกที่ดีที่สุดของครอบครัวเรา
2. ตอนนี้เราตกลงกับแม่ว่าจะไม่พูดเรื่องแฟนในบ้านแล้ว เหมือนตัดขาดกันไปเลย แต่เรายังไม่เลิกกับแฟน แม่สั่งให้ลบมุกอย่าง ลบไบโอไอจี ลบรูปคู่แฟน ลบไฮไลต์สตอรี่ อันฟอลแฟน เราเลยสร้างแอคใหม่ไม่ให้แม่มายุ่ง เราแค่ต้องการพื้นที่ที่เราไม่โดนควบคุมยันการเคลื่อนไหวในโพสต์ คำถามคือ ถ้ามองไปเรื่อยๆ แม่จะใจอ่อนลงมั้ย เรารู้เรื่องทั้ง2ฝั่ง แต่มีการเข้าใจผิดกันอยู่ซึ่งแฟนอยากคุยกับแม่กับพี่สาว เคลียร์ให้รู้เรื่องเลย ทะเลาะทีเดียว แต่แม่เราไม่คุย ไม่ติดต่อไม่มองหน้า มันเลยค้างคาใจเราที่เป็นคนกลาง เราจะหาทางออกเรื่องแฟนยังไงดี (ส่วนตัวเรามองว่าทำอย่างที่ตัวเองต้องการได้แล้ว เราไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ต้องการเลย แม่ควบคุมมา18ปี พอเราทำแม่ก็จะลากคอกลับเข้าบ้านมาดัดนิสัยใหม่ตลอดเลย)
3. อันนี้เป็นเรื่องการเรียนต่อ เราจะหาข้อตกลงกับแม่เรื่องเรียนยังไง เรามีปรึกษาครูที่ปรึกษา ครูสกิล รุ่นพี่กับเพื่อนที่ไว้ใจ แฟน ทุกคนให้คำตอบมาทางเดียวกันคือ ลองชาเล้นจ์ตัวเองว่าเดือนนึงใช้เงินเท่าไหร่ ลองหาลู่ทางออหมาอยู่เองโดยที่ไม่พึ่งพาแม่ หางานพิเศษทำ(เคยลองแล้วแต่แม่ไปถึงที่ทำงานให้ลาออก) แล้วคำนวนการใช้จ่าย+สำรองต่อเดือนดู หรืออีกทางคือทำตามแม่ไป พัฒนาตัวเองแล้วออกไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างที่แม่ต้องการ หนีไปเรียนไกลๆ กลับมาถึงไทยครูสกิลมีงานให้รอทำแล้ว ออกมาอยู่คนเดียวได้เลย(เราคิดไปๆมาๆอย่างหลังดูน่าสนใจกว่าค่ะ)
เราคิดคไถามไม่ออกแล้วค่ะ ไว้คิดออกจะมาพิมเพิ่มนะคะะ
ปล.เราเข้าใจความเป็นห่วงของแม่นะ แต่เราอยากตัดสินใจเอง ผิดหวังด้วยตังเอง ไม่ใช่ไม่ผิดหวังเลยแต่ไม่ได้เลือกเองซักอย่าง😭
อึดอัดกับแม่จนอยากออกจากบ้าน ทะเลาะกันบ่อยมากๆ จะหาทางออกปัญหานี้ยังไงดีคะ เรื่องยาวมากๆ รบกวนออกความเห็นหน่อยค่ะะ
จบป.6แม่จับยัดเรียนกศน. เราไม่อยากเรียนแจ่เราทำอะไรไม่ได้เพราะแม่มีสถานะเป็นผู้ปกครอง เราไม่มีเพื่อนอีกเลย พี่สาวเราอยู่เป็นเลยเข้ากับแม่ได้ดี เราที่เป็นคนพูดตรงๆ สนเเค่ถูกผิด มีมารยาทในสังคม ถ้าแม่ถูกก็ว่าถูก แต่ถ้าแม่ถูก แล้วด่ากราดกลางห้างหรือตลาดนัดเราก็ไม่โอเค แม่เราเลยจะด่าเราบ่อยกว่าพี่ ฟีล้หมือนไม่ทำตามที่สั่ง แม่พาออกงานแสดงบ่อยค่ะ(บ้านจขกท.เล่นดนตรีทั้งบ้านค่ะ แต่แม่เรียนบริหาร) เราที่ไม่ชอบการแสดง แล้วเป็นคนค่อนข้างหน้านิ่งยิ่งโดนด่าหนักกว่าเดิม บางครั้งนั่งเฉยๆก็โดนด่าว่าทำหน้าเป็นศพตายซาก เพราะสันดานงี้เลยไม่อยากเลี้ยง ถ้าอยู่บ้านไม่มีงานแสดงเราก็ซ้อมอยู่กับห้องทั้งวัน แม่อยากเที่ยวก็ลากเราไปด้วยทั้งที่เราไม่ได้อยากไป ด่าเราอีก ด่าตลอดทาง เราไม่อยากให้ทริปมันกร่อย เลยไม่สนใจพยายามเอนจอย กลายเป็นเรากลับกลอก เราอยู่แบบนี้จนเข้ามหาลัย เราพยายามซ้อใดนตรีจสเข้าม.เขียวย่านบางเขนได้ ทั้งบ้านก็ดีใจมากที่เราได้ที่เรียนดีๆ
เราพึ่งมีสังคมจริงๆครั้งแรกเลยมั้งคะ เพราะประถมย้ายรร.บ่อย กศน.ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ซ้อมแต่ในห้อง เวลาเราเครียดเรื่องเรียนหรือเรื่องที่ม.เราก็จะปรึกษาแม่ เรามีแฟนตอนกลางๆปี1เทอม1 เราก็บอกแม่นะ แฟนมาบ้านปกติ แรกๆแม่เราอคติกับแฟนมากๆเพราะแฟนคนละศาสนา แต่เเฟนเราเป็นคนดี ไปเรื่อยๆแม่เราก็ใจอ่อน ตอนนั้นเราแฮปปี้กับชีวิตพอตัว แต่ไม่มากเพราะยังทะเลาะกับแม่อยู่ประจำ แม่ชอบทำแผลเป็นไว้ที่นอกร่มผ้า ล่าสุดหยิกเราเลือดออกแขน เป็นรอยแผลเป็น เลยต้องใส่แขนยาวถึงศอกตลอด ปี2ต้นเทอมที่ผ่านมาแม่เราไม่ค่อยโอเคกับแฟนเรา พี่สาวก็คอยใส่ไฟตลอด(ความคิดคล้ายๆกัน) พี่สาวมีคนคุยเป็นหมอ ซึ่งเราเป็นคนเจอพี่เขาก่อนแต่เรามองเป็นพี่ชาย แม่เราก็จะอวยตลอด ดีงั้นดีงี้ ละก็ด่าเราว่าถ้ามีเพื่อนมีแฟนแย่คุณภาพชีวิตจะต่ำตมก็เลิกคบไปซะให้หมด กลับเข้าบ้าน(ตอนเรียนเรานอนบ้านเพื่อนแม่ใกล้ๆม.) จนล่าสุดปลายเดือนกันยาที่ผ่านมา เรา เพื่อนสนิท แฟน พี่สาวเล่นคอนเสิร์ตด้วยกัน จบคอนเสิร์ตก็ไปรับซองของงาน แยกย้ายกลับบ้าน แม่พาเรากับพี่สาวไปหาก๋ง บรรยากาศมาคุมากๆเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะบ้านเราเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรานอนยาวจนถึงบ้านก๋งที่นครศรีธรรมราช ไปเยี่ยมก๋งแม่ทำตังแบบเดิม สั่งให้ทำนั่นนี่ตามที่แม่ต้องการแล้วถ่ายรูป ซึ่งเยอะมากๆ ก๋งเรา96ปีแล้ว เราคิดว่ามาเเยี่ยม ถ่ายรูปกับก๋งเล็กน้อยแล้งให้ก๋งพักดีกว่า ก๋งเหนื่อยมากๆ แม่เราก็ยังสั่งนู่นนี่ให้ก๋งนั่ง ป้าเราก็พาก๋งอาบน้ำ แม่ก็สั่งให้เราไปอาบน้ำก๋ง ป้าด่าแม่กลับแม่เลยยืนเงียบไปพักนึง หยิบทรศ.ขึ้นมาถ่ายงิดีโอตอนก๋งอาบน้ำ(ก๋งใส่กางเกงนะคะ ป้าช่วยแค่ที่ตัวส่วนบนกับขา ตรงสะโพกก๋งอาบเอง) จนอะไรเสร็จหมดกลับกทม.4โมงเย็น กลับมาเรื่อยๆถึงกทม.ตี5 เราก็ไปเรียนปกติ แยกย้ายกัน วันจันทร์ที่ผ่านมารุ่นพี่รับปริญญา เราก็ไปม. พอดีเป็นวันครบรอบ ช่วงเย็นๆกะจะไปเดินเล่นเดทกับซักหน่อย อยู่ๆช่วง10โมงแม่โทรมาถามว่าอยู่ที่ไหน กินข้าวกับใคร กินอะไร เรียนอะไรต่อ ซ้อมกับใคร เอกอะไร ข้าวเท่าไหร่ อยู่ตรงไหน ทำไมต้องไปกินกับแฟน เพื่อนล่ะ ซ้อใเพลงงานอะไร(แม่เราถามเยอะมาก จริงๆเยอะกว่านี้ค่ะ) ละก็ด่าเราแรงมาก แฟนเราก็นั่งอยู่ข้างๆก็หงุดหงิด เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าพูดในบ้าน เหมือนเลี่ยงปัญหา แม่เลยได้ใจทำแบบนี้มาตลอดเกือบ20ปี แม่เราก็บอกรอกูเลยนะ เดี๋ยวกูไปรับที่ม.ตอนนี้เลย ดูซิจะอยู่ม.จริงรึป่าว เรางงมากว่าเเม่เป็นอะไรอีก แต่ก็โอเค แฟนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พูดไปเลยว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่ สรุปแบบรวบรัดคือแม่จะให้เราเลิกกับแฟนให้ได้ ตัดเพื่อน,รุ่นพี่ทุกคนที่ม. กลับมาซ้อมที่บ้านอย่างเดียว ไม่มีเรียนไม่ต้องไป แต่เราไม่อยากเลิก เพราะ1ปีที่ผ่านมาแฟนเป็นคนฮีลเราจากแม่ ถึงจะมีทะเลาะ น้อยใจบ้าง เราก็ยังมีพลังบวกเพิ่มขึ้น มีคนคอยให้กำลังใจ
แม่พาเราไปตลาดดอกไม้แถวๆสะพานพุทธ แม่คุยกับเราว่า พี่สาวเล่าให้แม่ฟังเรื่องแฟนถึงวันแสดงคอนเสิร์ตตอนเซ็นรับซองหลังจบคอนฯ เราเซ็นเสร็จก่อนออกมายืนรอถ่ายรูปก่อนกลับ แฟน พี่สาว เพื่อนสนิทไปเซ็นพร้อมกัน แฟนเปิดซองตัวเองดูเห็นแบงค์เทา2ใบ เลยไปหยิบซองจากมือพี่สาวแล้วบอหพี่เราว่า "งานนี้ได้2พันครับ เดี๋ยวผมเก็บไว้ให้พี่1,000 พี่เอาให้แม่พี่1,000นะครับ เดี๋ยวผมช่วยเอง" ละหลังถ่ายรูปเสร็จแฟนเปิดซองอีกครั้งนึง เป็นแบงค์เทาพับครึ่งเลยเหมือนมี2ใบ แฟนพูดว่า "อ้าวได้พันเดียวเท่ากันหรอ" พี่สาวเรารับไม่ได้กับการที่แฟนเราทำแบบนี้ เลยมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าถ้าคบกับคนนี้อยู่เตรียมรับความในชีวิตได้เลย ทำอะไรไม่รุ่ง แล้วจะทะเลาะกันไม่มีความสุขหรอก เรางงมากๆ เราเป็นคนกลาง เรารู้นิสัยทั้ง2ฝั่ง พี่สาวเราเป็นคนพูดไปเรื่อยแต่เด็ก แต่เรื่องนี้ก็ไม่น่าใช่เรืาองพูดเล่น ส่วนแฟนเราไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ ไม่เคยฉกเงินจากมือใคร เป็นคนมีมารยาท แต่ถ้าหงุดหงิดก็อาจมีพูดแรงๆบ้าง(ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่ชอบนิสัยคนในครอบครัวเรา) เราเลยไม่ออกความเห็นเรืาองนี้ แม่ก็เซ้าซี้ให้เราพูดความเห็นส่วนของเราเอง เราที่ไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง เลยได้แต่พูดว่าก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แม่ก็พูดเรืาองแย่ๆของแฟนจนเราเริ่มหงุดหงิดอีกคน ตอนนั้นเราไม่ได้จะเข้าข้างแฟน แต่แม่พูดเรื่องแฟนทำนิสัยที่แม่ไม่ชอบทั้งนั้น ซึ่งนิสัยที่แม่ชอบคือทำตามแม่ แม่บอกให้ไปก็ไป โดนด่าห้ามเถียง ซื้ออะไรให้ก็กิน ห้ามออกความเห็น สิ่งที่แม่เลือกดีที่สุดแล้ว ซึ่งบ้านแฟนเป็นบ้านที่มีอะไรคุยกันตรงๆ พูดคุยกันได้ ไม่ใช่อธิบายแล้วหาว่าเถียง ออกความคิดเห็นได้ ให้สิทธิ์เลือกเองถ้าผลออกมาแย่หรือไม่ดี ก็มานั่งคุยกัน มาสอนกันหลังจากได้เจอด้วยตัวเอง ซึ่งเราเห็นด้วยกับบ้านแฟนมากกว่า(มากๆเลยค่ะ) กลายเป็นเราเข้าข้างผู้ชาย ร่า* หิวค*ย เรายิ่งไม่โอเค ยิ่งแม่เราเป็นคนหัวแข็ง หัวโบราณเราเลยไม่อยากคุยกับแม่ บ่ายวันนั้นแม่พาเราไปวัดสุทัศน์ ไปสวดมนต์แผ่เมตตาตัดเวรตัดกรรมทุกภพทุกชาติ(ใจจริงตอนนั้นอยากตัดแม่ออกไปเลยค่ะแต่ออกจะดูเป็นลูกที่แย่ไปหน่อย5555) สวดเสร็จเราก็มีแอบแชทกับแฟนเรื่องนี้บ้าง แฟนบอกว่าแฟนไม่ได้เป็นคนพูด แล้วก็ไม่ได้เป็นคนหยิบซองจากมือพี่สาว ตอนนั้นแฟนมือเต็ม2ข้าง ถือของให้พี่สาวเราด้วย คนที่พูดว่าได้2,000คือเพื่อนสนิท เรารีบเก็บทรศ.เพราะแม่เดินมาแล้ว แม่ดูแฮปปี้เราเลยไม่ได้พูดอะไร มาตอนเย็นแม่พาไปบ้านที่สุวรรณภูมิ ห้ามเราแชทห้ามนู่นห้ามนี่ เข้าบ้านไปพ่อก็ด่าว่าไม่ทักไม่ทาย ซึ่งเราทักตั้งแต่รั้วแล้ว อาจจะไม่ได้ยิน เราไม่สนแล้วปล่อยผ่าน เก็บของนู่นนี่อาบน้ำซ้อมดนตรีต่อ ปม่วอกว่าจะให้เราดรอปเรียนรักษาสภาพนิสิต กลับมาซ้อมที่บ้าน เรียนสกิลอย่างเดียวพอ(เรียนสกิลของเด็กดนตรีคือเรียนกับครูส่วนตัว เรียนเทคนิคเพลงที่ใช้สอบต่างๆนานาๆ เรียนสกิลกับครูคนเดียวจนจบ4ปี) เรางงมาก เราอยู่ปี2แล้ว ใกล้จะเรียนจบทำไมอยู่ๆให้ดรอป ปกติก็จ่ายค่าเทอมได้ทั้งพี่ทั้งเรา แม่บอกให้พี่เรียนจบก่อน เราไม่ต้องรีบ ปี2พึ่งจะอายุ18 รีบจบทำไม แต่โดยส่วนตัวเราคิดว่า เรียนให้มันจบแล้วออกไปทำงาน ออกไปอยู่คนเดียวแล้วส่งเงินให้แม่ดูเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรากับแม่แล้ว เราไม่อยากดรอป ทะเลาะกับแม่ทั้งคืนได้ทางออกอีกทาง ประณีประนอมสุดๆแล้ว ได้มาว่าให้ลงเรียนต่อได้ แต่ลงแค่วิชาของครูสกิลเท่านั้น แล้วแม่จะไปคุยกับครูสกิลอีกที ให้เราซ้อมที่บ้าน ไม่ต้องไปแอคคอมใคร ไม่ต้องอองซอม(บรรเลงหมู่)กับใคร เอาตัวเองให้เก่งแล้วไปเรียนป.ตรีต่างประเทศเลย
ที่เราอยากปรึกษาคือ
1. ขอความเห็นเกี่ยวกับแม่ หรือทางออกที่ดีที่สุดของครอบครัวเรา
2. ตอนนี้เราตกลงกับแม่ว่าจะไม่พูดเรื่องแฟนในบ้านแล้ว เหมือนตัดขาดกันไปเลย แต่เรายังไม่เลิกกับแฟน แม่สั่งให้ลบมุกอย่าง ลบไบโอไอจี ลบรูปคู่แฟน ลบไฮไลต์สตอรี่ อันฟอลแฟน เราเลยสร้างแอคใหม่ไม่ให้แม่มายุ่ง เราแค่ต้องการพื้นที่ที่เราไม่โดนควบคุมยันการเคลื่อนไหวในโพสต์ คำถามคือ ถ้ามองไปเรื่อยๆ แม่จะใจอ่อนลงมั้ย เรารู้เรื่องทั้ง2ฝั่ง แต่มีการเข้าใจผิดกันอยู่ซึ่งแฟนอยากคุยกับแม่กับพี่สาว เคลียร์ให้รู้เรื่องเลย ทะเลาะทีเดียว แต่แม่เราไม่คุย ไม่ติดต่อไม่มองหน้า มันเลยค้างคาใจเราที่เป็นคนกลาง เราจะหาทางออกเรื่องแฟนยังไงดี (ส่วนตัวเรามองว่าทำอย่างที่ตัวเองต้องการได้แล้ว เราไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ต้องการเลย แม่ควบคุมมา18ปี พอเราทำแม่ก็จะลากคอกลับเข้าบ้านมาดัดนิสัยใหม่ตลอดเลย)
3. อันนี้เป็นเรื่องการเรียนต่อ เราจะหาข้อตกลงกับแม่เรื่องเรียนยังไง เรามีปรึกษาครูที่ปรึกษา ครูสกิล รุ่นพี่กับเพื่อนที่ไว้ใจ แฟน ทุกคนให้คำตอบมาทางเดียวกันคือ ลองชาเล้นจ์ตัวเองว่าเดือนนึงใช้เงินเท่าไหร่ ลองหาลู่ทางออหมาอยู่เองโดยที่ไม่พึ่งพาแม่ หางานพิเศษทำ(เคยลองแล้วแต่แม่ไปถึงที่ทำงานให้ลาออก) แล้วคำนวนการใช้จ่าย+สำรองต่อเดือนดู หรืออีกทางคือทำตามแม่ไป พัฒนาตัวเองแล้วออกไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างที่แม่ต้องการ หนีไปเรียนไกลๆ กลับมาถึงไทยครูสกิลมีงานให้รอทำแล้ว ออกมาอยู่คนเดียวได้เลย(เราคิดไปๆมาๆอย่างหลังดูน่าสนใจกว่าค่ะ)
เราคิดคไถามไม่ออกแล้วค่ะ ไว้คิดออกจะมาพิมเพิ่มนะคะะ
ปล.เราเข้าใจความเป็นห่วงของแม่นะ แต่เราอยากตัดสินใจเอง ผิดหวังด้วยตังเอง ไม่ใช่ไม่ผิดหวังเลยแต่ไม่ได้เลือกเองซักอย่าง😭