ขอความร่วมมือ พิธีกร ศิลปิน และสื่อทั้งหลาย ควรจริงจังกับคำพูดตัวเองให้มากกว่านี้ไหมคะ?

ดิฉันไม่ได้ติดตามรายการทางโทรทัศน์มานานมากพอสมควรค่ะ
มักตามแต่ทางฝั่งตะวันตก พวกอเมริกา อังกฤษ รองลงมาก็เกาหลี
ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสดูรายการ I can see your voice และ The mask singer
ของค่าย work point ดูแล้วก็ติดเลยค่ะ สนุกดีเลยได้ไปย้อนดูใน Youtube
แต่แล้วดิฉันก็รู้สึกเบื่อมันอย่างรวดเร็ว และเลิกดูในที่สุด

อย่างแรกที่เบื่อคือการพนันขันต่อของคุณนุ้ยใน i can see your voice
มันเกิดขึ้นบ่อยและมักให้ผลเดิมๆคือแพ้และโดนลงโทษ
จนรู้สึกน่าเบื่อมากกว่าขำขัน

แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันเลิกดูในที่สุดและมาเขียนในกระทู้นี้
ซึ่งล่าสุดได้เกิดขึ้นในรายการของ The mask singer
เมื่อคุณเสนาหอย ถามคำถามไปยังคุณตั๊ก ลีลา ด้วยคำถามเช่น

คุณมีลูกเป็นผู้ชาย แต่กำลังจะเป็นตุ๊ด ใช่ไหมครับ

ไม่เป็นไร เก็บเงินไว้ แปลงเพศให้ลูก


เกิดความขบขันในสตูดิโอ มันชัดเจนว่าทั้งตัวผู้พูดและผู้ขำ
ได้ยอมรับในเซนส์ความขำบนเพศสภาพของคนอื่น
ซึ่งในที่นี้คือเด็กวัยรุ่นและพ่อแม่ของเขา

ดิฉันจำได้ว่าคุณตั๊กเองเป็นคนหนึ่งที่เคยมีความคิด
ไปในทางติดลบกับการที่ลูกเป็นเพศหลากหลาย
(สัมภาษณ์ในรายหนึ่งก่อนจะมีข่าวเรื่องลูกเขานะคะ)

ดิฉันมีความเข้าใจกับคนเป็นพ่อแม่หรือคนที่เป็นเพศหลากหลาย
ยิ่งเมื่อสิบปีก่อนหรือนานกว่านั้นเป็นเรื่องที่แสนอึดอัดสำหรับใครหลายคน
หลายคนถูกเพื่อนล้อ หลายคนถูกแม่พ่อต่อต้าน
เป็นช่วงชีวิตที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับใครหลายคน

พ่อแม่เองบางทีก็ไม่ได้เกลียดกลัวในความเป็นเพศหลากหลายของลูก
หากแต่กลัวว่าเขาจะอยู่ในสังคมไม่ได้ เพราะในสายตาพวกเขา
ยังมองว่าเพศหลากหลายไม่ได้มีที่ยืนเฉกเช่นเดียวกับเพศหญิงชาย
กลัวการถูกล้อ ถูกนินทาจากสังคม และนั่นทำให้เขาหันไปกดดันลูกตัวเอง

นี่จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เราควรใส่ใจและจริงจังกับมันมากยิ่งขึ้น
ตัวคุณเสนาหอยเอง หรือไม่ว่าใครควรตระหนักว่า
แม้นั่นจะเป็นการหยอกล้อกันในฐานะมิตรระหว่างคุณกับคุณตั๊ก
แต่เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณะนั่นไม่ใช่แค่คุณหอย-คุณตั๊ก
แต่เป็นคำพูดคุณหอยต่อสังคม โดยเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งที่พวกคุณกำลังขบขันกันอยู่


แต่ไม่ใช่แค่ประเด็นเพศหลากหลายเท่านั้น ดิฉันยังได้พบการล่วงเกิน
ผู้เข้าร่วมรายการจำนวนมาก มีอยู่เทปหนึ่งที่คุณดีเจนุ้ยเล่นมุข
แสดงความหวาดกลัวต่อการแต่งกายของผู้เข้าร่วมคนหนึ่ง
ซึ่งแต่งกายในลักษณะเป็นผู้หญิงข้ามเพศ มีหนวดเครา

หรือดูถูกผู้เข้าร่วมท่านหนึ่งซึ่งมีสีผิวดำ ว่าเป็นโจร เป็นผู้ร้าย
หรือกระทั่งมุขจากคุณเสนาลิงว่า เหมือนโจรลากคนไปข่มขืน

และนี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอในสองรายการนี้ และที่จริงพบเห็นได้ทั่วไป
ในรายการบันเทิงไทย ละครไทย ภาพยนตร์ไทย และเพจเฟสบุ๊คไทย
ดิฉันเองเป็นคนที่เติบโตมาที่เมืองไทยเช่นกัน
ดิฉันเข้าใจอย่างดีเลยว่าการเหยียดหยามภายใต้หน้ากากของคำว่าการล้อเลียน
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย

สมัยเป็นนักเรียนมัธยมดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สนุกสนานกับการล้อเลียนหน้าตา/รูปร่างคนอื่น
ดิฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนชอบล้อเขาว่าเหมือนสัตว์ชนิดหนึ่ง
ซึ่งสร้างความขบขันให้กับตัวเองและเพื่อนร่วมห้องอย่างมาก
ในขณะที่เจ้าตัวเองก็ทำท่าเหนียมอายจิ๊ปาก แต่ก็ดูยิ้มอยู่
ดิฉันกระทำสิ่งเหล่านี้มาเป็นปี เพราะสนุก คนอื่นก็สนุก

แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งคุณครูให้เราออกไปเปิดใจหน้าห้องเรียน
เพื่อนคนนี้ที่ถูกดิฉันและคนทั้งห้องล้อเลียน(ตามดิฉัน)
กำลังร้องไห้ออกมาตรงนั้น เธอพูดไปสะอื้นไป
เธอไม่ได้มีความสนุกกับสิ่งที่พวกดิฉันกระทำเลย
เธออยากให้ทุกคนหยุด

และนั่นทำให้ดิฉันรู้สึกผิดและเรียนรู้มาจนถึงทุกวันนี้

เราคงเคยเจอในชีวิตประจำวันกันบ้างใช่ไหมคะ
ที่เจอคนรู้จักกันมักทักว่า อ้วนขึ้นป่ะ สิวเยอะจัง
หน้าไปทำอะไรมา ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันเจอน้อยมากๆ
เมื่อมีเพื่อนเป็นชาวตะวันตก เป็นความแตกต่างกับคนไทยอย่างมาก
(คนไทยบางส่วนก็ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ค่ะ)

นั่นคือสังคมเราแตกต่างกับสังคมตะวันตกอย่างมากที่ในเรื่องคุณค่า
เรื่องความเป็นส่วนตัว และความเป็นปัจเจก (Individualism)
สังคมไทยชมชอบการล้อเลียนผู้คนจากรูปลักษณ์ เชื้อชาติ ฐานะ เพศสภาพ ฯลฯ
ส่วนหนึ่งมันทำให้หลายคนรู้สึกสนิทขึ้น ส่วนหนึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้ผู้ถูกล้อ
และมักปล่อยผ่านไปถ้ามันไม่ได้มีปัญหาทางกายภาพหรือโดนบ่อยๆ

เพราะส่วนหนึ่งสังคมไทยเราไม่ชอบการปะทะซึ่งหน้า
และลดทอนปัญหาให้เป็นเพียงแค่การล้อเลียนเท่านั้น
คนที่ประท้วงเพื่อสิทธิตัวเองก็จะถูกสังคมมองอย่างกล่าวหา
ว่า เรื่องเยอะ คิดมากเกินไป
หลายคนจึงยอมเงียบเพื่อละลายตัวเองให้เข้ากับสังคมนั้นไปโดยปริยาย

จึงอยู่ที่ว่าสังคมเราพัฒนามาได้ระดับหนึ่งแล้ว
ไม่ว่าจะการยอมรับเพศหลากหลาย การเคารพความเป็นส่วนตัวคนอื่น
การเคารพชาติพันธุ์ รูปร่าง หน้าตา สีผิว ที่ไม่ได้อยู่ในความงามกระแสหลัก
แต่เราก็ยังเห็นปัญหานี้กลับซ่อนรูปอย่างแนบเนียนขึ้น
ภายใต้การนำเสนอของสื่อ ภายใต้คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ความจริงแล้วคุณได้ถ่ายทอดคุณค่าบางอย่างสู่สาธารณะ

ดิฉันอยากจะย้ำตรงนี้ว่า การล้อเลียน นัยหนึ่งคือการเหยียดหยามที่ถูกลดทอน
ไม่ว่าจะเป็นกับร่างกาย รูปร่าง สีผิว หน้าตา ชาติพันธุ์ หรือเพศสภาพ
มันเป็นสิ่งที่กระทำบนเรือนร่างหรือชีวิตคนหนึ่ง โดยที่เขาไม่ได้กระทำผิดอะไร
(แตกต่างจากการวิจารณ์หรือด่าความคิด การกระทำ ความเชื่อ)
อย่างที่บอกไปว่าเวลาคุณกำลังล้อเลียนสิ่งเหล่านี้กับใครในรายการของคุณ
มันไม่ได้หมายถึงแค่คุณกับคนนั้น แต่มันหมายถึงคุณกับสังคมทั้งหมด้วย

เราถึงได้มีสังคมที่คลั่งความขาวเพราะเราขำขันกับสีผิวคนอื่น
ล้อเลียนหน้าตาคนอื่น ซึ่งท้ายสุดมันได้กลายเป็นการสถาปนา
ความงามกระแสหลักขึ้นมาเพียงรูปแบบเดียว
หลายคนเลยดิ้นรนเพื่อเปลี่ยนสีผิว เปลี่ยนหน้าตา
บางอาชีพก็กีดกันคนผิวดำออกไป เช่น งานพริตตี้

หรืออย่างเพศหลากหลายเช่น ผู้หญิงข้ามเพศ กะเทย เกย์
มักมีบทตามสื่อต่างๆด้วยภาพคนตลก หมกหมุ่นเรื่องผู้ชาย
ทั้งๆที่ในชีวิตเพศเหล่านี้เขาก็มีตัวตนเหมือนหญิงชาย
แต่บทละครที่เราเห็นมีกี่ % ที่ไม่ใช่แบบนี้?
ซิทคอมดังๆบ้านนี้มีรัก ยังมีพ่อสอนลูกว่าเพศเหล่านี้ผิดปกติเลย
หรือเป็นต่อที่ทรีตความตลกกับกะเทย ผู้หญิงข้ามเพศมาไม่รู้กี่ตอน
รายการต่างๆที่เพศเหล่านี้ไปทำก็ไม่พ้นแนวเดิม
ยิ่งมุขให้คนขำขันบนการแต่งตัวบ้าง เรือนร่างบ้าง ท่าทางบ้าง

สังคมซึมซับเอาไปแล้วว่า กะเทย = ตลก
มีหลายคนมาบ่นกับดิฉันว่าเขาถูกสังคมรอบข้างคาดหวังความตลกกับตัวเขา
บางคนก็ถูกลวนลาม (ซึ่งก็ตลกร้ายอีกที่ผู้ชายบางคนก็ถูกกระทำเช่นกัน)
บางคนก็กระอักกระอวนใจเมื่อเจอคำว่า ระเบิดถังขี้ สายเหลืองนี่หว่า
มันอาจดูไม่มีอะไรใช่ไหมคะ แต่บางคนไม่ใช่
และถ้าพูดกันแล้วทำไมมันต้องเซอร์ไพรส์?
ทีกับการร่วมเพศหญิงชายเราไม่เห็นต้องตกใจเลย?

อ้อ มีเทปหนึ่งดิฉันเห็นคุณหนึ่งในรายการ I can see you voice
บอกว่าผู้เข้าร่วมคนหนึ่งน่าจะเป็นชายแท้ ไม่น่าใช่เพศที่สาม
เพราะเพศที่สามต้องแร่ดกว่านี้
นี่แหล่ะอีกหนึ่งตัวอย่างการสเตอริโอไทป์ต่อเพศสภาพนี้

เราชอบบอกว่าโลกอยู่ยากเมื่อเห็นผู้หญิงข้ามเพศสวย
คือมันเป็นอะไรถ้าเขาจะสวย ดิฉันจะพยายามเข้าใจว่าสังคมเรายังใหม่
เห็นของแบบนี้ก็คงตื่นตาตื่นใจเป็นธรรมดา
แต่วงการบันเทิงก็น่าจะชินนะคะ สังคมบันเทิงควรปฏิบัติกับเขาอย่างปกติเถอะค่ะ

ผู้หญิงก็กลายเป็นเหยื่อด้วยพอเจอผู้หญิงข้ามเพศสวยๆ
ต้องถูกบอกว่าผู้หญิงต้องอาย เอามดลูกกูไปเถอะ
ทั้งๆที่คุณไม่มีอะไรต้องอาย และคุณค่าผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่มดลูกเลย

ผู้หญิงยังถูกทำให้เป็นเพศที่มีปัญหากับความโสด
ถูกล้อเรื่องไม่มีผัว เรื่องคาน หรือการพยายามแย่งชิงว่าคนนั้นผัวชั้น
ผู้หญิงยังถูกทำให้เป็นมนุษย์ที่ไร้เหตุผล ใช้อารมณ์
(เช่นบางเพจที่ชอบทำ) และทำให้เพศชายเป็นเพศที่มีเหตุผล
แข็งแกร่ง

ซึ่งเรื่องเพศหญิงชายเองก็เป็นปัญหามานาน
ผู้หญิงถูกคาดหวังต้องเป็นแม่บ้านแม่เรียน
ต้องเรียบร้อย ต้องสงวนตัว ต้องง๊องแง๊งดูบ้องแบ๊ว

แต่เรื่องพวกนี้ถูกลดทอนจากการเหยียดหยามเป็นเพียงเรื่องขำขัน
เป็นเรื่องล้อเลียนที่สนุกสนานโดยที่บางครั้งผู้ถูกล้อก็ไม่รู้สึกอะไร
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนรู้สึก ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันได้ส่งต่อคุณค่าบางอย่างลงไป
ตามที่ได้เขียนข้างบน

จริงๆสิ่งเหล่านี้มันควรหายไปเมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
รู้จักที่จะเคารพตัวตนคนอื่น แต่กลับพบว่าสื่อ วงการบันเทิง
กลับเป็นตัวการที่ผลิตซ้ำและแพร่ขยายการเหยียดหยามนี้ให้มากขึ้น
ดิฉันจึงอยากขอให้คนในวงการและทุกคน มีความรับผิดชอบ
และตระหนักถึงผลกระทบถึงเกิดขึ้นให้จริงจังกว่านี้ค่ะ

ย้ำอีกครั้งว่า แม้คนที่คุณจะล้อนั้นเป็นเพื่อน เขาอาจจะรู้สึกพึงพอใจกับมัน
แต่เมื่อมันสู่สาธารณะ การล้อเลียนนั้นจะกลายเป็นคุณค่าหนึ่งที่จะส่งผลต่อสังคมอย่างปริยาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่