มุกตะวัน....ฉัน(ตำรวจ)ได้มาเยือนแล้วนะจ๊ะ....



เมื่อวานซืน...ใครติดตามข่าวธรรมกาย คงร้อง “ฮ้ายยยย... เอาแล้วหล่าวเหอ!”    
ครับ เพราะภาษาใต้มันหมายถึง  “อีกแล้วเหยอ” อะไรประมาณนี้

เพราะข่าว ท่านศรีวราห์ นำทัพบุกเกาะยาวน้อยด้วยตัวเอง...หลังจากโตงเตงเรื่องที่ชาวบ้านเกาะยาวเค้าร้องมาตั้งแต่ต้นปีว่ามีสำนักจานบินมาบุกรุกป่าสงวน และยึดครองที่ไม่มีเอกสิทธิเปิดศูนย์ปฎิบัติธรรมมานาน

เกาะยาวน้อย...เกาะงามแห่งอันดามัน จังหวัดพังงา ถือเป็นบ้านเกิดของคนมุสลิมส่วนใหญ่ที่ทำมาหากินมานานชั่วลูกหลาน  ทำนาทำสวนทำประมงมานานแสนนาน  แต่วันดีคืนดี เพราะความงามมันต้องตา..ใครเห็นก็ต้องอยากมา..อยากพักผ่อน

คนสายตาไกล... ไม่เฉพาะฆราวาสนักธุรกิจหัวดำหัวทอง     ขนาดห่มเหลืองหัวโล้นก็ยังไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสนี้ให้หลุดมือ

รีสอร์ทงามริมชะง่อนผา... มุมดี..วิวสวย....แสนสบาย กลายเป็นรีสอร์ทปฎิบัตินามว่า “มุกตะวัน”

เฉพาะเกาะเดียวมีสามมุก... แต่ละมุกล้วนสะดวกสบาย  หากพร้อมจ่ายเพื่อเข้าไปปฎิบัติธรรม
เห็นอาคารสวย ๆ ริมทะเล ตัดกับชุดขาว ๆ  หงิม ๆ .... แต่ที่ไหนได้พวกเล่นผิดกฎหมายมันครบทั้ง “สามมุก”

ก่อนหน้าชาวบ้านเค้าร้องบอก...เค้าอยู่มานาน อาศัยน้ำจืดที่เป็นน้ำไหลจากเขาลงมาใช้สอยกันมาแต่รุ่นปู่ย่า
สำนักนี้มา..เล่นขุดบ่อล่อน้ำไว้ใช้ซะเอง   .. ..ชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนเริ่มเซ็ง เลยร้องหน่วยงานให้ตรวจสอบ

พล.ต.อ ศรีวราห์ ท่านตรวจร่วมกับทีมงานสรุปได้ว่า  ความงามที่เห็นผ่านโฆษณาให้คนมีตังค์และฝรั่งมังค่าไปอุดหนุนนั้น ล้วนผิดกฎหมายทั้งสิ้น

เพราะผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมมุกตะวัน 1 มีพื้นที่ทั้งหมด 137 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ 40 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 21 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าไม้ 19 ไร่ มูลนิธิธรรมกายเป็นผู้ถือครอง โดยมีพระธัมมชโยเป็นประธานมูลนิธิฯ
ศูนย์ปฏิบัติธรรมมุกตะวัน 2 มีถือครองพื้นที่ทำประโยชน์ 162 ไร่ มีชื่อ นายเพชร์ แก่นทรัพย์ เป็นผู้ครอบครอง แต่ตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวม 82 ไร่

และสุดท้ายศูนย์ปฏิบัติธรรมมุกตะวัน 3 มีการยึดครองพื้นที่ทำประโยชน์ 100 ไร่ ตรวจสอบพบว่าไม่มีเอกสารสิทธิ และอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 44 ไร่!

เบ็ดเสร็จสรตะ พวกบุกรุกทั้งหมด 166 ไร่ นี่ไม่นับรวมผิดที่มีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกต่างหาก!


อืมมม ยิ่งนึก..ก็ยิ่งรู้สึกว่า ตำรวจไทยนี่  เวลาเอาจริงเอาจัง..เค้าก็มีกลเม็ดเด็ดพรายไม่น้อย

ใครอ่านสามก๊กมาคงรู้ว่า กลยุทธ์ "ฝานเจี้ยนจี้" หรือแปลไทยประมาณ “ป่วนไส้(ศึก)ให้แตก” นี่มันเจ๋งชะมัด
นี่แค่เริ่มเบาะๆ...ก็เล่นซะสามพระ...หลายโยมเอียงกระเท่ไปไม่เป็นซะแล้ว

พระเดชพระคุณที่ซุ่มในอาคารใต้ร่มไม้นั่นท่านต้องคิดหนัก...เพราะนับแต่มือขวาอย่างหลวงตาทัตตชีโว...มายันหลวงน้าสุธรรม ไม่นับศิษย์รัก หลายคนล้วนกำลังชิตังเมไม่ออก.... เพราะชนักทีเรียกว่า “หมายจับ” มันกำลังชี้ตายเข้าไปทุกทีแล้ว

หลวงน้าสุธรรมพอท่านรู้ว่าตำรวจโอนให้ไปขอประกันตัวที่ศาลเอาเอง....ท่านก็มีญานทัศนะรู้ว่าแล้วว่า   “งานเข้าซะแหล่ว”   

ดังนั้น ..จากนี้  ด้วยฝานเจี้ยนจี้  กลยุทธ์ป่วนไส้นี้จะเริ่มทำให้คนข้างในกระสับกระส่าย....มองหน้าตากันไม่ค่อยติด

เพราะหลวงพี่หลวงอาอีกหลายรูปที่ยังเดินกันเหลืองเต็มวัด เดิมท่านคงเคยคิดว่า เรื่องของท่านอาตมันไม่เกี่ยว  

มาวันนี้....เริ่มชัดว่า  ไม่นานมันจะเกี่ยวทุกรูปทุกคนในที่สุด!

เมื่อหลวงน้าสุธรรม.... ไม่ยอมทำตามนัด   หมายจับก็กลายเป็น  “หมายเจ็บ”
และที่สุดคงเดือดร้อนเจ้าคณะตำบลที่ต้องควานหาอาสา ................”นิมนตฺ์รูปต่อไป”

รูปต่อไปขึ้นปั๊ป...ก็ร่วงปุ๊ป เพราะตำรวจก็ขอให้ส่งตัวผู้ต้องหามา....ส่งก็ไม่ได้ มันก็ขึ้นร่วงๆ  ดูแล้วอาการหยั่งกะพระสัปหงกในมหาธรรมกายเจดีย์   ..ขืนเป็นแบบนี้  สถานการณ์ภายในอาจ “ไม่ค่อยดี”

หลายรูปรำเรียนเขียนอ่านมาได้เปรียญสูง ๆ  ... ดันมาตกม้าตายกลายเป็น   “นาย” กันทีละคนสองคนแบบนี้
เพื่อการอยู่รอด ....ต้องแนะนำเป็นเด็ดขาดนิมนต์ให้ท่านห่างออกจากวัดนี้  ...ไปจาริกแสวงธรรมที่อื่นซักพักเถอะครับ

เพราะขืนถ้าไม่ตัดไฟ(ธัมมชโย) แต่ต้นลม... เวลาที่มันล้มทั้งองคาพยพ อย่ามาโกรธ..มาโทษกันนะว่า

“ตูไม่น่าเชื่อเจ้มันเล้ยยย!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่