"คำแช่งชักและหักหาญ ดนตรีกาลจะคงอยู่
กูเขียนไว้ให้ล่วงรู้ ให้โลกดูแม้กูตาย
ท่วงทำนองที่ร้องขาน สอดประสานด้วยเสียงพราย
พยาบาทมิเหือดหาย ชีวีวายไม่ลืมเลือน"


แคสนักแสดง
ยชต์ ... พระเอก ทายาทครูดนตรีไทย มีร้านขายเครื่องดนตรีไทย
เมญากร ... นางเอกมือซอสามสายต้องไว้ผมสั้นด้วย
พวงแพร ...  เพื่อนนางเอก นักร้องของวง
โฉมยงค์ ...   ผู้คุมวงดนตรีไทย ลูกสาวครูมาโนช ผู้ก่อตั้งวิชาดนตรีไทยของมหาวิทยาลัย
ครูมาโนช ... เป็นนักแสดงรับเชิญเพราะไม่มีบท หรืออาจให้มีน้อยมาก
อิงอร ...  เลขาของยชต์
ปกรณ์ ... ทายาทของกล้า หน้าตาอัปลักษณ์จากอุบัติเหตุ เป็นแฟนของอิงอร

เรื่องย่อ
การเปลี่ยนโจทย์เพลงที่จะใช้ประกวดในงานสังคีตศิลป์ถิ่นไทย
ทำให้ โฉมยงค์ ผู้ดูแลวงดนตรีของมหาวิทยาลัยต้องไปพบศิษย์เก่าอย่างยชต์
เพื่อของนำเพลง พรายคลั่ง ที่ครูพุก ตาทวดของยชต์ประพันธ์ไว้มาใช้
วันหนึ่งโฉมยงค์ได้รับจดหมายปริศนาเตือนว่าห้ามยุ่งกับเพลงพรายคลั่ง
แต่หล่อนไม่เชื่อ กลับนำเพลงนี้มาร้องในคืนวันเพ็ญ ก่อนขาดใจตายในห้องดนตรีไทย!
ต่อมา พวงแพร นักร้องสาวของวงก็ตายคาเวทีประกวดขณะร้องเพลงพรายคลั่ง
สองสาวตายด้วยลักษณะอาการเดียวกัน  คือมีเลือดออกจากทวารทั้งเก้า
เงื่อนงำนี้ทำให้ เมญากร นักดนตรีซอสามสาย ต้องช่วยยชต์ค้นหาคำตอบ
ทั้งคู่พบว่าคนที่แต่งบทร้องพรายคลั่ง แท้จริงไม่ใช่ครูพุก แต่เป็นครู เทิด
ความลับที่ไม่เคยมีใครรู้คือเขาฝังความพยาบาทไว้ในบทเพลง
และบทเพลงนี้ หากใครรินำมาร้อง ...มันต้องแลกด้วยความตาย!
ทางเดียวที่จะยับยั้งคำสาปได้ คือทำลายบทร้องพรายคลั่งให้สิ้นซาก
ไม่มีทางเลือก ยชต์และเมญากรพยายามหาหนทางหยุดความตายที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
แต่แล้วจู่ๆ กลับมีหญิงลึกลับขโมยบทร้องเพลงพรายคลั่งออกไปจากห้องดนตรี
ท่ามกลางความน่าสะพรึงกลัวที่ควรหลีกหนี...ไม่มีใครล่วงรู้ว่าหายนะครั้งนี้จะจบลงที่ใด!