ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะทำละครเรื่องขุนช้างขุนแผนแต่อย่างใดนะครับ คือพอดีผมได้อ่านเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ฉบับบทเสภาอ่านแรกๆ ก็ง่วงๆ อยู่แต่อ่านๆ ไปก็รู้สึกว่านี่มันนิยายชัดๆ คือไม่ต่างอะไรกับนิยายสมัยปัจจุบัน อีกทั้งถ้าจะใครที่ชอบสืบเสาะเก็บเกร็ดเคล็ดลับอะไรของคนโบราณล่ะก็บอกได้เลยว่าในขุนช้างขุนแผนนี่มีเพียบ ที่นำมายกไว้นี่คืออย่างหนึ่งผมมองว่าขุนช้างขุนแผนนี่ควรคู่ที่จะเป็นวรรณคดีเอกของไทยจริงๆ เพราะอย่างแรกเลยคือมันแฝงไปด้วยความเป็นไทยหลายๆ อย่าง เช่น นิสัยคนไทย การตั้งถิ่นฐานของคนไทย อาชีพ ความเป็นอยู่ ระบบราชการ การเมืองการปกครอง ประเพณี การสาธารณสุขของไทยสมัยโบราณ วิธีคิดของคนโบราณ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งผมคิดว่าเราคนไทยทุกคนควรมีความรู้ในสิ่งเหล่านี้ประดับติดตัวไว้เป็นพื้นฐานความรู้ไม่มากก็น้อย

          สำหรับเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้นเดิมเอาไว้ใช้ขับเสภา อาจมีการนำเอาไปแสดงเป็นละครของชาวบ้านบ้าง ในเพลงฉ่อยบ้าง มีละครเวทีอย่างที่เป็นบทประพันธ์ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชและอีกหลายๆ ที่ที่เคยเอามาแสดง หรือที่เคยสร้างมาเป็นละครช่อง 3 ปี 2542 ที่ได้ทอม Room39 และขวัญ อุษามณี มาเป็นคู่พระนางในวัยเด็ก ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าดังมากน้อยแค่ไหน ต่อมามีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ปี 2545 ที่ได้คุณวัชระ ตังคะประเสริฐ และตั๊ก บงกช มาเป็นคู่พระนาง พอดูแล้วก็นับว่าสนุกใช้ได้นะแต่ก็ยังไม่สู้จะโด่งดังสักเท่าไหร่ ยังจำได้ว่ามียุคหนึ่งที่จ๊ะทิงจาเอาขุนแผนมาทำเป็นการ์ตูนก็ยังจำได้ว่าตอนนั้นเด็กๆ ยังติดกันเลยแต่กระแสน่าจะน้อยกว่าสุดสาคร

          เมื่อเป็นดังนี้ในใจผมก็นึกเสียดายว่า เนื้อเรื่องถ้าไปอ่านจริง ๆ มันสนุกมากและอีกอย่างคือน่าจะถูกจริตกับคนไทย ตามปกติแล้วเราๆ จะชอบอะไรที่แปลกใหม่ แต่เรื่องนี้ถึงจะเป็นเรื่องเก่าแต่น้อยคนนัก (เด็กยุคใหม่) ที่จะรู้รายละเอียดถ้วนถี่ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เด็กน้อยชั้นประถมมัธยมถ้าเล่าเรื่องนี้ในวิชาเรียนให้ฟังก็ยังชอบใจกันที่จะฟัง หรือว่าเรื่องนี้เหมาะที่จะเล่ามากกว่านำมาแสดงก็ไม่รู้นะครับ สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่ามีผลต่อกระแส อย่างแรกคือนักแสดง ในส่วนขุนแผน นางวันทอง อะไรต่างๆ นานานี้ไม่น่ามีปัญหาเพราะคนงามๆ ในวงการพร้อมพรั่งอยู่แล้ว แต่ขุนช้างนี่สิ ผมคิดอยู่นานว่าถ้าจะนำมาแสดงจริงๆ จะหาใครมาเป็นขุนช้างได้ ปกติแล้วพระรองหรือคู่แข่งของพระเอกในละครไทยหรือแม้แต่ของเกาหลีก็เถอะ อย่างน้อยก็ต้องหล่อสูสีพระเอก บางเรื่องหล่อกว่าด้วยซ้ำ เราว่าเรามองกันที่การแสดงแต่เอาเข้าจริงรูปลักษณ์หน้าตาคนแสดงกับบทบาทที่ได้รับมันต้องมีความสัมพันธ์และถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นปัญหาว่าใครจะเป็นขุนช้างประการที่หนึ่ง เลยนึกถึงซี่รี่ย์เกาหลีเรื่องที่นางเอกอ้วน หรืออย่างละครเรื่องนิมิตมารที่เคยดูเขาก็ใช้เอฟเฟกแต่งได้ จะเป็นไปได้มั้ยว่าจะเอาคนที่หล่อๆ มาแสดงเป็นขุนช้าง น่าจะเรียกกระแสได้ อีกประการหนึ่งคือเรื่องของการตีความ เดี๋ยวนี้ถ้าจะรื้อของเก่าเอามาทำให้บูมก็ควรจะเสริมการตีความแบบใหม่เข้าไปด้วย ข้อนี้แหละที่ต้องระวัง เพราะของเก่าหลายเรื่อง (เช่นละครไทย) เอามาตีความใหม่แล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า การตีความในที่นี้หมายถึงว่า ผู้เขียนบทจะต้องรู้จุดประสงค์ของเรื่องขุนช้างขุนแผนของต้นฉบับว่าเขาต้องการสื่ออะไร และพยายามปรับบทให้สามารถแสดงอารมณ์นั้นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเอะอะจะเปลี่ยนใหม่หมดอย่างเดียว แต่ถ้าอันไหนที่คิดว่าเปลี่ยนแล้วเหมาะสมกว่าก็เปลี่ยนได้ แต่สำหรับผมถ้าเรื่องมันเคยเป็นกระแสแสดงว่าโครงเรื่องเดิมมันดีอยู่แล้ว การไปเปลี่ยนมันก็เท่ากับลบเสน่ห์ของหนังเช่นที่เคยทำในละครรีเมกบางเรื่อง และอีกอย่างคือละครพีเรียดนี่สำคัญมากอยู่ที่รายละเอียดความสมจริง ถ้าขาดข้อนี้ไปก็ตายลูกเดียว

          ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลนี้อย่าหาว่าเรียกร้องให้ทำเลยนะครับ เพราะเข้าใจว่าถ้าทำจริงๆ ก็น่าจะยากอยู่เพราะคงเป็นฟอร์มใหญ่ และอีกอย่างคือไม่แนะนำให้ทำเป็นภาพยนตร์ เพราะคิดว่าภาพยนตร์ส่วนใหญ่ตลาดจะนิยมอะไรที่แปลกใหม่จริงๆ ไอเดียพรั่งเพริศอะไรแบบนั้นหรือใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันมากกว่า แต่อะไรที่ต้องการสร้างความผูกพัน ใกล้ชิดกับตัวละคร ต้องการสร้างอารมณ์ความลึกซึ้งก็น่าจะทำเป็นละครมากกว่าเพราะดูง่าย ๆ ที่บ้านและก็มีเป็นตอนๆ หลายตอนด้วย อุปสรรคอีกอย่างคือแต่ก่อนเรารู้สึกว่าละครพีเรียดเป็นละครฟอร์มยักษ์นานๆ มาที แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ามีถี่เกินไปจนบางทีคนดูก็คงเอียนอะไรที่โบราณนะผมว่า แต่ในขณะที่ถ้าเรื่องไหนเป็นกระแสก็ดังขึ้นมาเลย ดังนั้นผมก็เลยคิดว่าถ้าหากเราใส่อะไรให้มันแปลกใหม่ให้เข้าหรือเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง อย่างนาคีนี่เขาก็ไปเน้นที่เอฟเฟกและเพลงประกอบเพราะๆ ฉากสวยๆ และภาษาถิ่นก็สามารถสร้างกระแสให้กับละครได้เป็นอย่างดี พวกแนวพีเรียดนี่ผมว่าเรื่องแบบนี้เน้นความสวยงามและประณีตมากนะ ถ้าขาดส่วนนี้ไปมากอารมณ์ก็ขาดสะบั้นทันทีเลย อย่างไรก็ตามหากสามารถทำได้อย่างที่ว่านี้ ผมก็คิดว่าวรรณคดีไทยน่าจะกลับมาเป็นกระแสของสังคมได้อีกครั้งเหมือนกัน หากใครมีความเห็นอย่างไรก็แลกเปลี่ยนกันบ้างนะครับ ^^