ระวังจะเป็นแค่ "กองพลเทวทัต!"



มีสิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธ จะสารพัดนิกายอะไรต่างยอมรับกันถ้วนหน้ากับคำว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!”   นี่อาจเป็นเรื่องจริงที่  คนวัดพระธรรมกายจะได้เรียนรู้ ...และทำความเข้าใจเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับมันอย่างมี “สติ” อันใกล้นี้

กว่า 100 คดี  แม้นหลายคดีเป็นคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าหนทางข้างหน้าของวัดแห่งนี้ดูจะถึงเวลาถึงจุดต้อง “สังคายนา” กันครั้งใหญ่เสียที

เรื่อง เจ้าหัวบุญหน้าขาวจั๊วะ อย่างธัมมชโย ที่วันนี้กลายเป็น “หลวงพี่ล่องหน” เพราะมี่ที่ไหนขนาดพระในวัดด้วยกันยังออกมาส่ายหัวบอก “ไม่เคยเห็นชาร์มมิ่งของพระเดชพระคุณมาหลายเดือน!”    ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือแค่อิงมุสาวาทผ่านปากสมณะนั้น คงเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านที่จะรู้ได้เอง

แต่ข่าวหนาหูว่า บัดนี้ ศิษายนุศิษย์ปากกล้าอย่างนายองอาจ อาจมีใครบางคนพาไปเก็บไว้ในเซฟเฮ้าส์ เพื่อรอลู่ทางมุดรั้วหมู..ดูประตูลับอยู่   หากสบโอกาส

ดูเอาเถิด....นี่ขนาดลูกศิษย์เอกที่แค่ยังไม่กระพี้อภินิหาร...เจอหมายจับคดีเดียว พวกยังนั่งทางในแว่บเข้าอายตนิพพานไปแล้ว   ....ส่วนพระอาจารย์หัวแถว...... มีหรือจะนั่งรอตำรวจมาอารธนาไปศาลให้เครียดลงขาดำซะเปล่า ๆ

พิชัยยุทธสงครามว่าด้วยกลยุทธ์ “เลี้ยงสงคราม” ดูเหมือนจะได้ผล   
เพราะกระบวนการค่อยๆ นวดให้น่วม....แบบ  หลวงพี่ทำ(ผิดกฎหมาย)ตรงไหน....เกล้ากระผมจะตามไปจับตรงนั้น   ....แหม..ยิ่งพินิจยิ่งมันส์คนดู!

วัดพระธรรมกาย..อาจคุยได้ว่าใช้กระบวนท่า   "โลกจีวรห้อมล้อมประเทศ"....เอาพระเถรเณรชีสารพันไทยแขกองค์กรมาร่วมรุมยำประเทศไทย.
แต่ตำรวจไทยก็ใช้ย่อย......ตอบโต้ด้วย ยุทธศาสตร์   “คดีล้อมวัด” จัดให้เหล่าพระเดชพระคุณซะตรึม จน “ชิตังเม” ไม่ค่อยออก

อย่างสะพานเค้าเอาไว้ให้ชาวบ้านชาวช่องใช้ข้ามคลอง ...ใครจะไปเชื่อว่า นักข่าวถ่ายภาพ หลวงพี่แอบมุด...แอบเมี้ยน เอารถมาจอมคร่อมขวาง. ยก ๆย่าง ๆถือกล้องส่องทางไกลหยั่งกะทหารเข้าเวร....  แน่นอนทำแบบนี้ ท่านก็ต้องรับกรรม ...จัดไปอีกหนึ่งดอก...หนึ่งกระทง!

แต่สารพันคดีที่มันน่าเจ็บปวดไม่เท่า เรื่องการห้ามใช้สถานที่...เพราะมันเป็นสัญญานในการนำไปสู่การตรวจค้นอีกในหลาย ๆ บนพื้นที่ 2000 กว่าไร่ ที่ดูเหมือนจะสร้างกันโจ่งครึ่มแบบไม่สนกฎหมาย...

ใช่....กฎหมายเค้าเปิดทางให้วัดวา..สร้างโบสถ์อารามวิหาร ปฎิบัติธรรมได้ตามกำลัง  เพราะมองว่า วัดคือสมบัติสาธารณะ

แต่สำหรับ สำนักจานบินแห่งนี้  ใครลองกางโฉนดเอาแผนที่เอามาวง ๆ ดูซิว่า....  ไอ้ที่บอกว่าเป็นส่วนของวัดนั่นน่ะมันเท่าไหร่กัน!

ส่วนของวัดจริง ๆ มีแค่ 196 ไร่...ส่วนที่เหลืออีกบานตะไทเป็นพัน ๆ ไร่ละ พระคุณเจ้า...มันของใคร?

เหล่าเสนาสาวกทั้งหลายที่หลับหู..หลับตา สวดภาวนาไป 11 ล้านจบ....หมดไป 11 ล้านบาทนั่นน่ะ...จะรู้เรื่องกันบ้างมั้ย!?

ส่วนที่เหลือทั้งเงินบริจาค..ทั้งสินทรัพย์ต่างๆ  บ้านช่องหับ..สารพันการลงทุนเอาเงินปั่นไปหมุนในตลาดหลักทรัพย์ แบบ “จงรวยๆๆ “ นั่นน่ะ  ตกลงมันไปรวยเข้ากระเป๋าใครหรือ?

คนฉลาดเท่านั้นที่รู้ว่า ถ้าตัดคำว่า "เวรกรรมและมหานรกอเวจี" ทิ้งซะ  ก็เป็นที่รู้กันว่าทำธุรกิจกับวัดนั่นน่ะมัน โค-ตะ-ระ สะดวก และ   “รวย..รวย..รวย”   ได้จริง

ติ้งต่าง...วัดมีที่ดินที่เป็นของวัดเอง 15 ไร่ ที่เหล่านั้นและทรัพย์สินทุกอย่างก็ตกเป็นของสาธารณะตามกฎหมาย ...  
แต่สมีหัวหมอ..สมคบนายทุนไม่กลัวอเวจี ก็แอบซุบซิบๆ เมื่อได้เงินบริจาคมาก็ซื้อที่ดินมันรอบ ๆ วัดอีกเพียบนับร้อยไร่...แต่ขอโทษซื้อแล้วสมภารหัวหมอจะใส่ชื่อวัดหรือขอรับ....   ใส่ชื่อฝาก..ชื่อตัว...หรือจดเป็นมูลนิธิมิดีกว่ารึ...

เพราะเกิดวันดีฟ้าสว่าง...มีคนจับได้ไล่ทัน  อย่างน้อยสินทรัพย์มหาศาลก็ยังเหลือเก็บไว้บาน.....  

เมื่อเหตุเป็นฉะนี้...จึงเป็นที่มาฉะนั้นว่า เหตุใดสารพันสินทรัพย์อีกบานที่ไม่ได้อยู่ในอาณาขอบ 196 ไร่ กำลังจะเป็น “ต้นเหตุ..ต้นกรรม” ให้เรื่องนี้มันกลายเป็น   “เรื่องใหญ่ที่สุดในการการชำระศาสนาพุทธแห่งประเทศไทย” ในปี 2560

นี่...แค่เริ่ม ๆ ทางตำรวจท่านก็เริ่มตงิด ๆ   ทาง สำนักพุทธฯ ว่าเหตุใด องค์กรเหล่านี้ทำตัวเป็นไส้ตะเกียงจมน้ำ...เพราะจุดแล้วติด ๆ ดับๆ  ไม่ยอมขยับกันแบบที่ควร..

หรือเหนือไปกว่านั้น..... มีเหตุที่พุทธศาสนิกชนคนไทยทั้งประเทศ กำลังมองเพ่งเล็งเผ็งที่  พระเดชพระคุณทั้งหลายไล่ไปตั้งแต่ เจ้าคณะตำบล,จังหวัด ฯลฯ  ยัน มส. ว่าตกลงนิยามคำว่า “พระสังฆาธิการ” ที่เป็นพระปกครองนั้นมันยังใช่อยู่หรือไม่

เพราะมันชัดว่า พระสังฆาธิการที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ท่านมีหน้าที่ต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมายบ้านเมือง นั่นแปลว่า.... พระในปกครองรูปใดทำผิด..ทำชั่ว ก็ถูกจับสึก..เข้าคุกได้  นี่เป็นปกติ


มาถึงเวลานี้.....สถานการณ์ของสำนักจานบินถ้าว่ากันแบบสไตล์ “มวยตู้” เค้าเรียก  “มวยหมดราคา”  ขนาดชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้าแบบร้อยเอาหนึ่งก็ยังไม่มีใครกล้ารอง

สถานการณ์ยิ่งนับวัน...จะทำให้  กองพลจักรพรรดิ  ฯ   อาจได้ตาสว่างแบบที่พระเจ้าอชาตศัตรูท่านเห็นและถอยออกมาจากพระเทวทัต
พระเจ้าอชาตศัตรูท่านรอดธรณีสูบเพราะตาสว่าง...ส่วนเทวทัตที่ขืนขัดทำตัวเทียบชั้นพุทธองค์หนีบ่วงกรรมไม่พ้น..ถูกสูบไปต่อหน้าต่อตา!  
ว่ากันในคัมภีร์อรรถกถาว่า ท่านลงไปสู่มหานรกอเวจี..เสียนานโข


เล่าให้เหล่า ป้าๆ..น้าๆ กองพลฯ ได้อ่านกัน  

เพราะถ้ายังขืนหลับหูหลับตาเชียร์กันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู.......สวรรค์ทุกชั้นอาจปิดสนิทไม่ได้ข้ามแบบสะพานคลองสาม  และจากกองพลจักรรดิฯ...  ที่สุดอาจเป็นได้แค่ “กองพลเทวทัต..หัตถ์นรก..หมกอวิชชา”  กันนะจ๊ะ!.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่