พอดีช่วงนี้ผมมีปัญหาหลายอย่างกำลังรุมล้อมอยู่ ซึ่งแต่ละปัญหาค่อนข้างใหญ่และซับซ้อน ส่งผลให้ผมมีปัญหาความเครียดสะสมมาระยะหนึ่งแล้วโดยปกติผมก็จะเล่าให้เพื่อนสนิทฟังบ้าง แต่เนื่องจากหลากหลายปัญหาที่ค่อนข้างหนักทำให้เพื่อนสนิทของผมก็ทำได้แค่ให้กำลังใจ ซึ่งผมเองก็รู้สึกขอบใจเพื่อนมากๆแต่มันก็ทำให้ผมคลายความเครียดต่างๆที่กำลังรุมเร้าผมได้แค่เล็กน้อย
จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนสนิทของผมได้นัดเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนและกลุ่มเพื่อนซึ่งทุกคนก็เป็นเพื่อนที่ผมรู้จักอยู่แล้ว มีคุยกันบ้างแต่ไม่ได้สนิทมาก แต่เพื่อนสนิทของผมติดธุระด่วนที่ต่างประเทศ มันจึงตกลงกับแฟนของมันว่าจะส่งผมไปเป็นตัวแทนของมันในการเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งผมกับแฟนของเพื่อนก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะไปกันหลายคน ผมก็เลยตกลงเอารถของผมไป กับรถของกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยอีกหนึ่งคัน โดยคันของผมก็มีผมและแฟนเพื่อนไปด้วยกันแค่สองคนเนื่องจากเป็นรถ SUV และใช้ขนของไปเที่ยว
ระหว่างที่ออกเดินทางก็มีโทรศัพท์ก็โทรเข้าหาผมหลายสายเกี่ยวซึ่งเป็นเรื่องราวที่ล้วนแต่สร้างความเครียดให้เพิ่มขึ้น จนผมลืมไปว่ากำลังขับรถไปเที่ยวโดยที่มีแฟนของเพื่อนไปด้วย บรรยากาศในรถตอนนั้นก็เงียบมากผมก็เลยรู้สึกผิดที่อาจจะทำให้แฟนเพื่อนผิดหวัง เพราะนอกจากจะไม่ได้เที่ยวกับเพื่อนสนิทผมแล้ว ยังต้องมาเจออะไรแบบผมตั้งแต่เริ่มเดินทาง (ผมเดินทางไปเที่ยวทะเลที่ภาคใต้เลยทำให้ต้องเดินทางนาน) ผมก็เลยเอ่ยปากขอโทษแฟนของเพื่อนสนิทซึ่งผมจะเรียกแทนชื่อเธอว่า M
ซึ่งหลังจากผมได้เอ่ยปากขอโทษไปแล้วผมก็พยายามหาทางพา M พูดคุย เพื่อไม่ให้ M เครียด แต่เธอก็นั่งยิ้มให้เรื่องที่ผมโม้ให้ฟังได้สักพัก แล้ว M ก็มีหน้าตาจริงจังแล้วก็บอกผมประมาณว่า
M : "เรื่องที่เธอกำลังเครียดอยู่น่ะ เล่าให้เราฟังได้เต็มที่เลยนะ ถ้าเธอเก็บไว้แล้วไม่เล่าให้เราฟังอ่ะ เราก็เที่ยวไม่สนุกนะ ไม่ใช่ว่าเราโกรธหรือรำคาญหรอก แต่เราเป็นห่วง"
ซึ่งด้วยความที่ผมกำลังอยู่ในช่วงที่เครียดมากและผมก็ไม่รู้ว่า M จะรับฟังจริงหรือเปล่า แต่ด้วยระยะทางเดินทางที่ไกล ผมก็ได้เล่าเรื่องราวความเครียดและปัญหาชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นกับผมซึ่งมีเยอะมากๆ แต่ M ก็รับฟังและให้คำปรึกษาได้ดีมากๆ จนผมยังรู้สึกตกใจว่ากลายเป็น M ที่เป็นคนที่เข้าใจปัญหาของตัวผมและให้คำปรึกษาได้ดีกว่าทุกคนที่ผมเคยเล่าให้ฟังทั้งหมด จนกระทั่งตลอดการเดินทาง และการท่องเที่ยวเหมือนผมกับ M นั้น เที่ยวแยกกลุ่มกับเพื่อนๆที่เหลือไปเลย และในช่วงเวลาว่างระหว่างโปรแกรมการท่องเที่ยว M ก็จะขอให้ผมพูดคุยเล่าปัญหาประสบการณ์ชีวิตของผมด้วยความสนใจ จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวของ M และอาจจะเริ่มรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้โดยไม่รู้ตัว
พอหลังจากกลับมาจากการเที่ยวทะเลที่ใต้แล้ว และได้แยกย้ายกันกลับ ผมรู้สึกเหงาใจเปล่าเปลี่ยวมากที่จะต้องกลับมาสู่โลกของตัวเองอีกครั้งและต้องมาเจอกับปัญหาต่างๆ เหมือนเดิม จนในที่สุดเพื่อนสนิทผมได้กลับมาจากต่างประเทศ ผมจึงตัดสินใจชวนทั้งเพื่อนสนิทและ M มากินข้าวร่วมกัน ซึ่งสาเหตุหลักเพราะอาจจะเป็นผมที่รู้สึกคิดถึง M มาก และในระหว่างการกินข้าวกัน ผมได้ตัดสินใจบอกกับเพื่อนสนิทของผมว่า ถ้าผมจะขอรู้จักกับ M ในฐานะเพื่อนสนิทจะได้ไหม ตอนแรกผมก็กังวลใจมากว่าเพื่อนผมจะรู้สึกยังไง แต่ด้วยความไว้ใจที่เพื่อนสนิทมีให้กับผมมันก็ตอบตกลงไม่มีปัญหา โดยที่ M ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอดีใจมาก แต่ในตอนนั้นเองกลับเป็นตัวผมเองที่รู้สึกไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะห้ามความรู้สึกที่กำลังเริ่มเกิดขึ้นกับ M ได้รึป่าว
ด้วยความที่ผมไม่อยากให้เพื่อนสนิทรู้สึกไม่ดี ผมจึงสร้างกรุ๊ปไลน์ที่มี ผม เพื่อนสนิท และ M ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมที่เข้ามาระบายความเครียด และก็จะเป็น M ที่คอยตอบไลน์ หรือแม้แต่บางครั้งผมโทรไลน์กรุ๊ป ก็จะเป็น M ที่คอยคุยไลน์กับผม ทุกๆวัน และหลายเวลา จนกระทั่งผมเพิ่งนึกได้ว่า วันๆนึง M แทบจะคุยกับผมมากกว่ากับเพื่อนสนิทผม และ หากนัดกันกินข้าวสามคน ก็แทบจะเป็นผมกับ M ที่คุยกันอยู่สองคน โดยที่เพื่อนผมได้แต่นั่งยิ้มเล็กๆ ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมในช่วงเวลานี้ดีขึ้นมากเพราะมี M เป็นคนคอยให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ อยู่ตลอด รวมถึงเพื่อนสนิทผมในบางครั้ง และผมรู้สึกว่ารักผู้หญิงคนนี้แล้ว และรักมากขึ้นๆ ทุกๆวัน โดยที่ผมกับเพื่อนสนิท ก็เริ่มคุยกันน้อยลงๆ ทุกวัน จนผมรู้สึกว่า M กับผมจะเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่าซะอีก
ผมยอมรับกับความรู้สึกตัวเองตรงๆว่าผมรักผู้หญิงคนนี้แล้ว การได้เห็นเธอ ได้พูดคุยกับเธอ เห็นกริยาท่าทาง รอยยิ้ม คำปรึกษาจากเธอ มันทำให้ผมห้ามใจที่จะไม่รักผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆ แม้ว่า M จะเป็นแฟนของเพื่อนสนิทของผม แต่ในส่วนลึกๆ ในใจก็บอกผมว่าไม่ควรไปปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าหากผมยังเคารพในตัวเพื่อนผม และ M อยู่
แต่ในที่สุดผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มเข้าไปวุ่นวายในชีวิตคู่ของเพื่อนสนิทกับ M มากไป ผมจึงได้ตัดสินถามกับเพื่อนผมตรงๆ ว่า ที่ผมกำลังเข้ามาพัวพันกับชีวิตคู่ของพวกเขามันทำให้ตัวเพื่อนสนิทของผมมีปัญหากับ M ไหม และผมควรจะทำตัวเช่นไร คือตัวผมเองก็เริ่มทำใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องหยุดการกระทำตัวเองในตอนนี้ก่อนที่ตัวผมจะเข้าไปพังชีวิตคู่ของเพื่อนกับ M และถ้าเพื่อนผมต้องการให้ผมต้องห่าง ผมก็ต้องเตรียมใจยอมรับแม้จะรู้สึกว่าจะต้องปวดใจมากๆ
แต่คำตอบของเพื่อนผมกลับไม่เป็นอย่างที่คิด โดยเพื่อนผมก็สารภาพมาเหมือนกันว่าตัวมันเองก็รู้สึกผิดที่ระหว่างที่รู้จักกันกับผมมานาน ก็จะมีแต่ผมที่คอยช่วยเหลือมัน แต่มันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรผมได้เลยแม้แต่คำปรึกษาก็ยังช่วยเหลือผมไม่ได้ แม้แต่ในระหว่างที่ตัวมันคบกับ M มันก็ยังไม่เคยเห็น M สดใสเท่าตอนที่ M เริ่มสนิทกับผม และก็เป็นผมที่คอยเติมเต็มชีวิตคู่ของมันกับ M ทำให้มันได้รู้จักตัวตนของ M ที่ลึกขึ้น จนทำให้มันไม่รู้สึกหึง M เลยในเวลาที่อยู่กันสามคนกับผม กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ผมทำให้มันกับ M มีความสุขมากขึ้น โดยที่ในใจของมันลึกๆ มันก็กลัวว่า M จะรู้สึกกับมันน้อยลงๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะยอมและไม่โกรธผมและ M เพราะมันบอกว่าผมกับ M มีบุญคุณกับมันมากกว่าความรู้สึกส่วนตัวของมัน และมันบอกว่าให้ความรู้สึกของทั้งสามคนเป็นตัวตัดสิน อย่าไปอัดอั้นหรือเก็บความรู้สึกไว้ ให้ปล่อยให้เป็นไปตามความจริง และมันก็จะเสียใจมากหากผมจะออกไปจากชีวิตมันกับ M ตัวมันเองก็คงทำใจไม่ได้
ซึ่งคำตอบที่ได้มาจากเพื่อนแบบนี้ ทำให้ผมอึดอัดใจมากกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวเอง มันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ถึงผมจะไม่ได้เครียดเรื่องส่วนตัวมากเหมือนแต่ก่อน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ผมสับสนนอนไม่หลับจนเริ่มจะเสียสุขภาพแล้ว จะว่ามีความสุขก็ไม่ใช่ เสียใจก็ไม่เชิง
ก็อยากจะให้เพื่อนๆที่มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาหน่อยครับ ว่าผมควรทำยังไงต่อ
ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองที่เกิดขึ้นกับแฟนของเพื่อนสนิท
จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนสนิทของผมได้นัดเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนและกลุ่มเพื่อนซึ่งทุกคนก็เป็นเพื่อนที่ผมรู้จักอยู่แล้ว มีคุยกันบ้างแต่ไม่ได้สนิทมาก แต่เพื่อนสนิทของผมติดธุระด่วนที่ต่างประเทศ มันจึงตกลงกับแฟนของมันว่าจะส่งผมไปเป็นตัวแทนของมันในการเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งผมกับแฟนของเพื่อนก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะไปกันหลายคน ผมก็เลยตกลงเอารถของผมไป กับรถของกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยอีกหนึ่งคัน โดยคันของผมก็มีผมและแฟนเพื่อนไปด้วยกันแค่สองคนเนื่องจากเป็นรถ SUV และใช้ขนของไปเที่ยว
ระหว่างที่ออกเดินทางก็มีโทรศัพท์ก็โทรเข้าหาผมหลายสายเกี่ยวซึ่งเป็นเรื่องราวที่ล้วนแต่สร้างความเครียดให้เพิ่มขึ้น จนผมลืมไปว่ากำลังขับรถไปเที่ยวโดยที่มีแฟนของเพื่อนไปด้วย บรรยากาศในรถตอนนั้นก็เงียบมากผมก็เลยรู้สึกผิดที่อาจจะทำให้แฟนเพื่อนผิดหวัง เพราะนอกจากจะไม่ได้เที่ยวกับเพื่อนสนิทผมแล้ว ยังต้องมาเจออะไรแบบผมตั้งแต่เริ่มเดินทาง (ผมเดินทางไปเที่ยวทะเลที่ภาคใต้เลยทำให้ต้องเดินทางนาน) ผมก็เลยเอ่ยปากขอโทษแฟนของเพื่อนสนิทซึ่งผมจะเรียกแทนชื่อเธอว่า M
ซึ่งหลังจากผมได้เอ่ยปากขอโทษไปแล้วผมก็พยายามหาทางพา M พูดคุย เพื่อไม่ให้ M เครียด แต่เธอก็นั่งยิ้มให้เรื่องที่ผมโม้ให้ฟังได้สักพัก แล้ว M ก็มีหน้าตาจริงจังแล้วก็บอกผมประมาณว่า
M : "เรื่องที่เธอกำลังเครียดอยู่น่ะ เล่าให้เราฟังได้เต็มที่เลยนะ ถ้าเธอเก็บไว้แล้วไม่เล่าให้เราฟังอ่ะ เราก็เที่ยวไม่สนุกนะ ไม่ใช่ว่าเราโกรธหรือรำคาญหรอก แต่เราเป็นห่วง"
ซึ่งด้วยความที่ผมกำลังอยู่ในช่วงที่เครียดมากและผมก็ไม่รู้ว่า M จะรับฟังจริงหรือเปล่า แต่ด้วยระยะทางเดินทางที่ไกล ผมก็ได้เล่าเรื่องราวความเครียดและปัญหาชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นกับผมซึ่งมีเยอะมากๆ แต่ M ก็รับฟังและให้คำปรึกษาได้ดีมากๆ จนผมยังรู้สึกตกใจว่ากลายเป็น M ที่เป็นคนที่เข้าใจปัญหาของตัวผมและให้คำปรึกษาได้ดีกว่าทุกคนที่ผมเคยเล่าให้ฟังทั้งหมด จนกระทั่งตลอดการเดินทาง และการท่องเที่ยวเหมือนผมกับ M นั้น เที่ยวแยกกลุ่มกับเพื่อนๆที่เหลือไปเลย และในช่วงเวลาว่างระหว่างโปรแกรมการท่องเที่ยว M ก็จะขอให้ผมพูดคุยเล่าปัญหาประสบการณ์ชีวิตของผมด้วยความสนใจ จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวของ M และอาจจะเริ่มรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้โดยไม่รู้ตัว
พอหลังจากกลับมาจากการเที่ยวทะเลที่ใต้แล้ว และได้แยกย้ายกันกลับ ผมรู้สึกเหงาใจเปล่าเปลี่ยวมากที่จะต้องกลับมาสู่โลกของตัวเองอีกครั้งและต้องมาเจอกับปัญหาต่างๆ เหมือนเดิม จนในที่สุดเพื่อนสนิทผมได้กลับมาจากต่างประเทศ ผมจึงตัดสินใจชวนทั้งเพื่อนสนิทและ M มากินข้าวร่วมกัน ซึ่งสาเหตุหลักเพราะอาจจะเป็นผมที่รู้สึกคิดถึง M มาก และในระหว่างการกินข้าวกัน ผมได้ตัดสินใจบอกกับเพื่อนสนิทของผมว่า ถ้าผมจะขอรู้จักกับ M ในฐานะเพื่อนสนิทจะได้ไหม ตอนแรกผมก็กังวลใจมากว่าเพื่อนผมจะรู้สึกยังไง แต่ด้วยความไว้ใจที่เพื่อนสนิทมีให้กับผมมันก็ตอบตกลงไม่มีปัญหา โดยที่ M ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอดีใจมาก แต่ในตอนนั้นเองกลับเป็นตัวผมเองที่รู้สึกไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะห้ามความรู้สึกที่กำลังเริ่มเกิดขึ้นกับ M ได้รึป่าว
ด้วยความที่ผมไม่อยากให้เพื่อนสนิทรู้สึกไม่ดี ผมจึงสร้างกรุ๊ปไลน์ที่มี ผม เพื่อนสนิท และ M ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมที่เข้ามาระบายความเครียด และก็จะเป็น M ที่คอยตอบไลน์ หรือแม้แต่บางครั้งผมโทรไลน์กรุ๊ป ก็จะเป็น M ที่คอยคุยไลน์กับผม ทุกๆวัน และหลายเวลา จนกระทั่งผมเพิ่งนึกได้ว่า วันๆนึง M แทบจะคุยกับผมมากกว่ากับเพื่อนสนิทผม และ หากนัดกันกินข้าวสามคน ก็แทบจะเป็นผมกับ M ที่คุยกันอยู่สองคน โดยที่เพื่อนผมได้แต่นั่งยิ้มเล็กๆ ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมในช่วงเวลานี้ดีขึ้นมากเพราะมี M เป็นคนคอยให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ อยู่ตลอด รวมถึงเพื่อนสนิทผมในบางครั้ง และผมรู้สึกว่ารักผู้หญิงคนนี้แล้ว และรักมากขึ้นๆ ทุกๆวัน โดยที่ผมกับเพื่อนสนิท ก็เริ่มคุยกันน้อยลงๆ ทุกวัน จนผมรู้สึกว่า M กับผมจะเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่าซะอีก
ผมยอมรับกับความรู้สึกตัวเองตรงๆว่าผมรักผู้หญิงคนนี้แล้ว การได้เห็นเธอ ได้พูดคุยกับเธอ เห็นกริยาท่าทาง รอยยิ้ม คำปรึกษาจากเธอ มันทำให้ผมห้ามใจที่จะไม่รักผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆ แม้ว่า M จะเป็นแฟนของเพื่อนสนิทของผม แต่ในส่วนลึกๆ ในใจก็บอกผมว่าไม่ควรไปปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าหากผมยังเคารพในตัวเพื่อนผม และ M อยู่
แต่ในที่สุดผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มเข้าไปวุ่นวายในชีวิตคู่ของเพื่อนสนิทกับ M มากไป ผมจึงได้ตัดสินถามกับเพื่อนผมตรงๆ ว่า ที่ผมกำลังเข้ามาพัวพันกับชีวิตคู่ของพวกเขามันทำให้ตัวเพื่อนสนิทของผมมีปัญหากับ M ไหม และผมควรจะทำตัวเช่นไร คือตัวผมเองก็เริ่มทำใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องหยุดการกระทำตัวเองในตอนนี้ก่อนที่ตัวผมจะเข้าไปพังชีวิตคู่ของเพื่อนกับ M และถ้าเพื่อนผมต้องการให้ผมต้องห่าง ผมก็ต้องเตรียมใจยอมรับแม้จะรู้สึกว่าจะต้องปวดใจมากๆ
แต่คำตอบของเพื่อนผมกลับไม่เป็นอย่างที่คิด โดยเพื่อนผมก็สารภาพมาเหมือนกันว่าตัวมันเองก็รู้สึกผิดที่ระหว่างที่รู้จักกันกับผมมานาน ก็จะมีแต่ผมที่คอยช่วยเหลือมัน แต่มันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรผมได้เลยแม้แต่คำปรึกษาก็ยังช่วยเหลือผมไม่ได้ แม้แต่ในระหว่างที่ตัวมันคบกับ M มันก็ยังไม่เคยเห็น M สดใสเท่าตอนที่ M เริ่มสนิทกับผม และก็เป็นผมที่คอยเติมเต็มชีวิตคู่ของมันกับ M ทำให้มันได้รู้จักตัวตนของ M ที่ลึกขึ้น จนทำให้มันไม่รู้สึกหึง M เลยในเวลาที่อยู่กันสามคนกับผม กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ผมทำให้มันกับ M มีความสุขมากขึ้น โดยที่ในใจของมันลึกๆ มันก็กลัวว่า M จะรู้สึกกับมันน้อยลงๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะยอมและไม่โกรธผมและ M เพราะมันบอกว่าผมกับ M มีบุญคุณกับมันมากกว่าความรู้สึกส่วนตัวของมัน และมันบอกว่าให้ความรู้สึกของทั้งสามคนเป็นตัวตัดสิน อย่าไปอัดอั้นหรือเก็บความรู้สึกไว้ ให้ปล่อยให้เป็นไปตามความจริง และมันก็จะเสียใจมากหากผมจะออกไปจากชีวิตมันกับ M ตัวมันเองก็คงทำใจไม่ได้
ซึ่งคำตอบที่ได้มาจากเพื่อนแบบนี้ ทำให้ผมอึดอัดใจมากกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวเอง มันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ถึงผมจะไม่ได้เครียดเรื่องส่วนตัวมากเหมือนแต่ก่อน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ผมสับสนนอนไม่หลับจนเริ่มจะเสียสุขภาพแล้ว จะว่ามีความสุขก็ไม่ใช่ เสียใจก็ไม่เชิง
ก็อยากจะให้เพื่อนๆที่มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาหน่อยครับ ว่าผมควรทำยังไงต่อ