สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งนะคะ ช่วงนี้พอดีได้อ่านกระทู้สยองขวัญก็เยอะเลยคิดว่า เอ๊ะ ตัวเองก็เคยเจอเรื่องทำนองนี้นี่ 55555555 ลองมาแชร์ดีกว่า เอารวดเดียวจบเลยนะคะ
ย้อนไปเมื่อน่าจะซักสามสี่ปีที่แล้วนะคะ น่าจะเป็นช่วงที่อยู่ปีหนึ่งค่ะ
บ้านเดิมของเราอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นค่ะ แต่ได้มีโอกาสมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยอยู่ที่ย่านบางนา ปีนึงจะได้กลับบ้านก็แค่สองสามครั้งเองค่ะ ช่วงที่เกิดเรื่องขึ้นเราก็กลับบ้านค่ะ
ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นคนเปลี่ยนเฟสบุ้ค และเบอร์โทรศัพท์ค่อนข้างบ่อย ทำให้เพื่อนที่โรงเรียนเก่าติดต่อเราไม่ค่อยได้ แต่วันดีคืนดีก็ได้ไปเจอเพื่อนเก่าสมัยประถมที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน (เพื่อนคนนี้เราไม่ค่อยสนิท และก็ไม่ค่อยได้เจอกันด้วย) เลยได้มีการทักทายคุยกันนิดหน่อยตามประสา
เพื่อน : ทำไมติดต่อยากจังวะ นี่คนเค้าพยายามติดต่อให้ไปงานศพ น กัน
เรา : ฮะ งานศพใครนะ
เพื่อน : น ไง น อะ มันเสียมาได้สามสี่เดือนแล้ว แต่เค้าติดต่อไม่ได้เลย จะชวนไปงานศพกัน
เราขออนุญาติใช้ตัวย่อเพื่อนคนนั้นชื่อ น นะคะ เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงค่ะ เป็นผู้หญิงเรียบร้อย นิสัยน่ารัก เป็นคนที่เขียนเฟรนด์ชิพแต่เรื่องดีๆ ยังเก็บไว้อยู่เลยค่ะ 555 เท่าที่จำความได้ เจอกันล่าสุดก็ตอนจบป.6 นู่น พอรู้ว่า น เสียแล้วก็ค่อนข้างจะตกใจค่ะ เพราะเรามีคนใกล้ตัวที่เสียไปน้อยมาก เลยคิดในใจว่า อยากไปเยี่ยม ในหัวก็วนเวียนคิดแต่เรื่องนี้ ทราบมาว่า ณ ตอนนั้นเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ น นั่งไปกับพ่อแม่และน้องสาวทั้งหมด 4 คน แต่มี น คนเดียวที่เสียชีวิต ที่เหลือรอดหมด
พอได้กลับบ้านที่ขอนแก่นเราก็ตั้งใจว่าจะสวดมนตร์ใหญ่ให้ น เราก็เข้าไปที่ห้องพระของบ้าน ก่อนสวดก็นึกในใจว่า เออ อยากได้ไรก็มาบอกนะ แล้วเราก็เริ่มสวดมนตร์ค่ะ ที่แปลกคือ ระหว่างสวดมนตร์เนี่ย หมาหอนดังมาก หลายตัวด้วย เวลานั่งสวดเนี่ยก็รู้สึกเหมือนโดนทับขาอยู่ จนขาชาค่ะ จนเป็นเหน็บ ตอนนั้นก็คิดว่าสงสัยไม่ได้สวดมนตร์นาน ให้มานั่งสวดมนตร์เป็นเวลานานๆ ขาคงไม่ไหว พอสวดเสร็จก็นั่งพักค่ะ แต่ขานี่กว่าจะหายเหน็บนี่ใช้เวลานานมาก เป็นชั่วโมงเลยค่ะ รู้สึกหนักขาตลอด ในตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คำนึงไปถึงเรื่องผีเลยค่ะ
หลังจากสวดมนตร์เราก็เข้าห้องนอนค่ะ ก็เล่นมือถืออะไรไป พอจนตีสามเราก็เข้านอน เรื่องมันน่ากลัวตรงนี้แหละค่ะ พอเราปิดไฟเนี่ย ปกติเวลาคนเราอยู่ในความมืด ซักพักตามันก็จะโฟกัสได้ใช่มั้ยคะ ก็จะเห็นว่า นั่นตู้นะ นี่เก้าอี้นะ นี่โต๊ะนะ แต่วันนั้นแปลกมาก โฟกัสอะไรไม่ได้เลยค่ะ มืดมาก แล้วภาพเพดานห้องที่เห็นนี่ก็รู้สึกมันขยับไปมา (คือเหมือนมีความโลกหมุนเวลาดื่มเหล้า แต่คืนนั่นเราไม่ได้ดื่มค่ะเพราะกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างเคร่ง) หมาก็หอนดังมาก ดังจนกลัว ละก็รู้สึกหนาวมาก ตัวก็เลยเอื้อมไปหยิบรีโมทแอร์ที่วางไว้ข้างหมอนจะปิดซะ
ทีนี้แหละค่ะ ชัดเลย เราเห็นเป็นเงาคนดำๆนั่งก้มหน้ายองย่ออยู่ข้างเตียง (เตียงเราไม่สูงมาก) ตอนแรกก็คิดว่านี่ตาฝาดไปปะวะ ไม่มั้งงง ไม่จริงงง ก็เลยเพ่งเลยค่ะ มันอะไรวะ แล้วเงานั้นก็เริ่มโยกตัว โยกแบบโยกหน้าโยงหลัง โยกแรงมากๆ
กลัวค่ะ หมาก็หอนไม่เลิก เสียงดังมากด้วย เราปิดตาค่ะ ไม่มอง อยู่อย่างนั้นเกือบสิบห้านาที หมาก็ยังหอนอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมง เราก็คิดละว่าไม่ไหวละ อยู่งี้ทั้งคืนตายพอดี เลยหันไปดูอีกทีค่ะ
ยังโยกอยู่!!!
ทีนี้กรี๊ดเลยค่ะ จำได้ว่ากรี๊ดดังมาก กรี๊ดแบบสุดเสียง กลับไปปิดตาอีกครั้ง คิดว่าไม่ไหวแล้ว จะลงไปนอนกับแม่ (ช่วงนั้นพี่สาวไปเวิร์คทราเวลอยู่เมกาค่ะ คุณแม่จะเฟสไทม์กับพี่สาวกันดึกมาก ยังไม่นอน) ตัดสินใจได้ หยิบมือถือละโกยเลยค่ะ วิ่งเร็วมากเข้ามาในห้องนอนแม่ แม่ก็ถามว่าเป็นอะไร แต่เราก็กลัวที่จะพูด นอนกลางเลยค่ะระหว่างแม่กับพ่อ จนหลับไป
เช้ามาก็คุยกับแม่ถึงเรื่องที่เจอเมื่อคืน น่าแปลกค่ะคุณแม่ไม่ได้ยินเลยค่ะ ทั้งเสียงเรากรี๊ด และเสียงหมาหอน ทั้งๆที่ห้องนอนคุณแม่อยู่ชั้นสอง เราอยู่ชั้นสาม ตำแหน่งเตียงตรงกัน และหมาหอนดังมาก ยังไงก็น่าจะได้ยิน พอมานั่งนึกดูถึงคิดว่า น่าจะเป็น น นั่นแหละ เพราะเราไปบอกเค้าเอาไว้ว่าอยากได้ไรให้มาบอก.
หลังจากนั้นเราก็ยังสวดมนตร์ต่อให้ น นะค่ะ แต่ไม่บอกแล้วว่าให้มาหา นับจากนั้นไม่เคยมีอาการเหน็บชา หรือมาให้เห็นแบบวันนั้นอีกเลย
ก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนคนนั้นจะไปสู่สุขติแล้วค่ะ
เรื่องนี้เป็นเหมือนเรื่องที่จุดชนวนเลยค่ะ หลังจากเรื่องนี้เลยกลายเป็นว่าเป็นคนที่มีเซ้นส์ไปเลยค่ะ ไว้วันหลังจะมาเล่าเรื่องอื่นให้ฟังนะคะ มีหลายเรื่อง ไว้ว่างๆ จะมานั่งพิมพ์เรื่องโดนผีเข้าให้อ่านกันค่ะ ยาวมากๆ ขอบคุณที่นั่งอ่านจนจบนะคะ
อย่าบอกให้คนตายมาหา
ย้อนไปเมื่อน่าจะซักสามสี่ปีที่แล้วนะคะ น่าจะเป็นช่วงที่อยู่ปีหนึ่งค่ะ
บ้านเดิมของเราอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นค่ะ แต่ได้มีโอกาสมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยอยู่ที่ย่านบางนา ปีนึงจะได้กลับบ้านก็แค่สองสามครั้งเองค่ะ ช่วงที่เกิดเรื่องขึ้นเราก็กลับบ้านค่ะ
ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นคนเปลี่ยนเฟสบุ้ค และเบอร์โทรศัพท์ค่อนข้างบ่อย ทำให้เพื่อนที่โรงเรียนเก่าติดต่อเราไม่ค่อยได้ แต่วันดีคืนดีก็ได้ไปเจอเพื่อนเก่าสมัยประถมที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน (เพื่อนคนนี้เราไม่ค่อยสนิท และก็ไม่ค่อยได้เจอกันด้วย) เลยได้มีการทักทายคุยกันนิดหน่อยตามประสา
เพื่อน : ทำไมติดต่อยากจังวะ นี่คนเค้าพยายามติดต่อให้ไปงานศพ น กัน
เรา : ฮะ งานศพใครนะ
เพื่อน : น ไง น อะ มันเสียมาได้สามสี่เดือนแล้ว แต่เค้าติดต่อไม่ได้เลย จะชวนไปงานศพกัน
เราขออนุญาติใช้ตัวย่อเพื่อนคนนั้นชื่อ น นะคะ เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงค่ะ เป็นผู้หญิงเรียบร้อย นิสัยน่ารัก เป็นคนที่เขียนเฟรนด์ชิพแต่เรื่องดีๆ ยังเก็บไว้อยู่เลยค่ะ 555 เท่าที่จำความได้ เจอกันล่าสุดก็ตอนจบป.6 นู่น พอรู้ว่า น เสียแล้วก็ค่อนข้างจะตกใจค่ะ เพราะเรามีคนใกล้ตัวที่เสียไปน้อยมาก เลยคิดในใจว่า อยากไปเยี่ยม ในหัวก็วนเวียนคิดแต่เรื่องนี้ ทราบมาว่า ณ ตอนนั้นเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ น นั่งไปกับพ่อแม่และน้องสาวทั้งหมด 4 คน แต่มี น คนเดียวที่เสียชีวิต ที่เหลือรอดหมด
พอได้กลับบ้านที่ขอนแก่นเราก็ตั้งใจว่าจะสวดมนตร์ใหญ่ให้ น เราก็เข้าไปที่ห้องพระของบ้าน ก่อนสวดก็นึกในใจว่า เออ อยากได้ไรก็มาบอกนะ แล้วเราก็เริ่มสวดมนตร์ค่ะ ที่แปลกคือ ระหว่างสวดมนตร์เนี่ย หมาหอนดังมาก หลายตัวด้วย เวลานั่งสวดเนี่ยก็รู้สึกเหมือนโดนทับขาอยู่ จนขาชาค่ะ จนเป็นเหน็บ ตอนนั้นก็คิดว่าสงสัยไม่ได้สวดมนตร์นาน ให้มานั่งสวดมนตร์เป็นเวลานานๆ ขาคงไม่ไหว พอสวดเสร็จก็นั่งพักค่ะ แต่ขานี่กว่าจะหายเหน็บนี่ใช้เวลานานมาก เป็นชั่วโมงเลยค่ะ รู้สึกหนักขาตลอด ในตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คำนึงไปถึงเรื่องผีเลยค่ะ
หลังจากสวดมนตร์เราก็เข้าห้องนอนค่ะ ก็เล่นมือถืออะไรไป พอจนตีสามเราก็เข้านอน เรื่องมันน่ากลัวตรงนี้แหละค่ะ พอเราปิดไฟเนี่ย ปกติเวลาคนเราอยู่ในความมืด ซักพักตามันก็จะโฟกัสได้ใช่มั้ยคะ ก็จะเห็นว่า นั่นตู้นะ นี่เก้าอี้นะ นี่โต๊ะนะ แต่วันนั้นแปลกมาก โฟกัสอะไรไม่ได้เลยค่ะ มืดมาก แล้วภาพเพดานห้องที่เห็นนี่ก็รู้สึกมันขยับไปมา (คือเหมือนมีความโลกหมุนเวลาดื่มเหล้า แต่คืนนั่นเราไม่ได้ดื่มค่ะเพราะกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างเคร่ง) หมาก็หอนดังมาก ดังจนกลัว ละก็รู้สึกหนาวมาก ตัวก็เลยเอื้อมไปหยิบรีโมทแอร์ที่วางไว้ข้างหมอนจะปิดซะ
ทีนี้แหละค่ะ ชัดเลย เราเห็นเป็นเงาคนดำๆนั่งก้มหน้ายองย่ออยู่ข้างเตียง (เตียงเราไม่สูงมาก) ตอนแรกก็คิดว่านี่ตาฝาดไปปะวะ ไม่มั้งงง ไม่จริงงง ก็เลยเพ่งเลยค่ะ มันอะไรวะ แล้วเงานั้นก็เริ่มโยกตัว โยกแบบโยกหน้าโยงหลัง โยกแรงมากๆ
กลัวค่ะ หมาก็หอนไม่เลิก เสียงดังมากด้วย เราปิดตาค่ะ ไม่มอง อยู่อย่างนั้นเกือบสิบห้านาที หมาก็ยังหอนอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมง เราก็คิดละว่าไม่ไหวละ อยู่งี้ทั้งคืนตายพอดี เลยหันไปดูอีกทีค่ะ
ยังโยกอยู่!!!
ทีนี้กรี๊ดเลยค่ะ จำได้ว่ากรี๊ดดังมาก กรี๊ดแบบสุดเสียง กลับไปปิดตาอีกครั้ง คิดว่าไม่ไหวแล้ว จะลงไปนอนกับแม่ (ช่วงนั้นพี่สาวไปเวิร์คทราเวลอยู่เมกาค่ะ คุณแม่จะเฟสไทม์กับพี่สาวกันดึกมาก ยังไม่นอน) ตัดสินใจได้ หยิบมือถือละโกยเลยค่ะ วิ่งเร็วมากเข้ามาในห้องนอนแม่ แม่ก็ถามว่าเป็นอะไร แต่เราก็กลัวที่จะพูด นอนกลางเลยค่ะระหว่างแม่กับพ่อ จนหลับไป
เช้ามาก็คุยกับแม่ถึงเรื่องที่เจอเมื่อคืน น่าแปลกค่ะคุณแม่ไม่ได้ยินเลยค่ะ ทั้งเสียงเรากรี๊ด และเสียงหมาหอน ทั้งๆที่ห้องนอนคุณแม่อยู่ชั้นสอง เราอยู่ชั้นสาม ตำแหน่งเตียงตรงกัน และหมาหอนดังมาก ยังไงก็น่าจะได้ยิน พอมานั่งนึกดูถึงคิดว่า น่าจะเป็น น นั่นแหละ เพราะเราไปบอกเค้าเอาไว้ว่าอยากได้ไรให้มาบอก.
หลังจากนั้นเราก็ยังสวดมนตร์ต่อให้ น นะค่ะ แต่ไม่บอกแล้วว่าให้มาหา นับจากนั้นไม่เคยมีอาการเหน็บชา หรือมาให้เห็นแบบวันนั้นอีกเลย
ก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนคนนั้นจะไปสู่สุขติแล้วค่ะ
เรื่องนี้เป็นเหมือนเรื่องที่จุดชนวนเลยค่ะ หลังจากเรื่องนี้เลยกลายเป็นว่าเป็นคนที่มีเซ้นส์ไปเลยค่ะ ไว้วันหลังจะมาเล่าเรื่องอื่นให้ฟังนะคะ มีหลายเรื่อง ไว้ว่างๆ จะมานั่งพิมพ์เรื่องโดนผีเข้าให้อ่านกันค่ะ ยาวมากๆ ขอบคุณที่นั่งอ่านจนจบนะคะ