สวัสดีค่ะ ขอกำลังใจหน่อย
คือเรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันคบกับผู้ชายคนนึงมา5ปีแล้วจะเข้าสู่ปีที่6 คบกันตั้งแต่ดิฉันอายุ14 แต่ดิฉันยังไม่ได้มีอะไรกับเขานะคะ
เราคบกันมาได้2ปี จนดิฉันตกลงปลงใจปล่อยเนื้อตัวให้เค้า เรามีอะไรกันตั้งแต่ดิฉันอายุ17(ก็ยังเด็กอยู่ดี)โดยที่ทางบ้านดิฉันรู้แค่ว่าเราคบกันเฉยๆยังไม่ถึงขั้นนี้
แต่ทำไงได้ล่ะคะก็รักไง ผู้ชายคนนี้อายุปัจจุบันจะ36แล้วค่ะ เรารักกันมากถึงขนาดที่ว่าดิฉันขอร้องแม่เรื่องที่เราจะแต่งงานกัน ใครจะด่าใครจะห้ามก็ไม่ฟังรักแบบไม่ลืมหูลืมตา
จนแม่ดิฉันยอมให้เราได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นดิฉันก็อายุ18 เราได้มาอยุ่ด้วยกัน คือไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด แฟนดิฉันก็ไม่เคยจะนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง เราไม่เคยทะเลาะกันเลยมีแค่งอลๆกันบ้าง เรากินอยู่ด้วยกันเกือบปีข่าวดีก็มา คือปลายปี2558 ดิฉันตั้งครรภ์ได้1เดือน จนต้นปี2559(เดือนมกราคม) ดิฉันได้ไปฝากครรภ์ที่คลินิกชื่อดังแห่งนึง ก็ฝากปรกตินะคะ คุณหมอก็ให้ตรวจเลือด ตอนนั้นดิฉันตรวจเลือดไป8อย่างด้วยกัน แต่จำไม่ได้นักว่าตรวจอะไรบ้างแต่ที่จำได้แน่ๆเลย คือตรวจหากรุ๊ปเลือด เลือดจาง(ธารัสซิเมีย) แล้วก็เอดส์แล้วก็ตรวจหาเชื้ออะไรอีกหลายอย่างเลย ตอนนั้นค่าตรวจก็เกือบ2,000 คุณหมอส่งไปตรวจที่กรุงเทพค่ะ3วันฟังผล พอถึงวันที่ฟังผล คือผลเลือดดิฉันปรกติทุกอย่าง เอชไอวีผลออกมาว่าดิฉันไม่ได้เป็น มีแค่อย่างเดียวคือเลือดจาง(ธารัสซิเมีย) ก็ไปตรวจซ้ำอีกรอบพร้อมแฟนค่ะ ค่าใช้จ่ายก็1,000กว่าบาทคุณหมอก็บอกว่าสามารถมีลูกได้ จนดิฉันตั้งครรภ์ได้5เดือนพอมาถึงเดือนมีนาคม2559 ดิฉันสังเกตุว่าลูกดิฉันไม่ดิ้นเลย ดิฉันก็เลยจะไปหาหมอ แต่พอดีวันนั้นคลินิกปิด ดิฉันเลยไป โรงบาล คุณหมอที่โรงบาลก็ซาวด์ให้ดู หมอบอกว่าลูกดิฉันหัวใจไม่เต้นแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบว่าโลกมันหยุดหมุน ตื้อไปหมด คุณหมอก็ให้กินยาขับลูกออก แล้วคุณหมอก็ให้คุมกำเนิดไปอีก6เดือน แต่ดิฉันก็ไม่ได้คุมนะคะ
จนมาเดือนสิงหาคม2559 ดิฉันก็ได้ตั้งครรภ์คนที่สอง ดีใจมากเลยตอนนั้น
ครั้งนี้ดิฉันตัดสินใจว่าดิฉันจะไปฝากครรภ์ที่โรงบาล เพราะไม่อยากไปเสียเงินอีกแล้ว(สมุดสีชมพูตอนที่แท้งที่โรงบาลก็ยึดไว้ไม่ได้ให้คืน ส่วนผลเลือดที่อยุ่กับดิฉันก็ทิ้งไปก่อนจะรู้ว่าท้องได้เดือนเดียว)
พอเดือนตุลาก็ไปฝากครรภ์โรงบาล พยาบาลก็ถามไปเรื่อยปรกติ แล้วก็ให้ตรวจเลือด ดิฉันก็คิดว่าชิวๆนะเพิ่งจะตรวจไปต้นปีเองแต่ก็แจ้งกับเค้านะว่าดิฉันเลือดจางแฟนดิฉันก็เลือดจางแต่คุณหมอคลินิกก็บอกว่ามีลูกได้ปรกติ พยาบาลก็โอเค ก็ให้ดิฉันเซ็นเอกสาร ที่เกี่ยวกับตรวจเอดส์ดิฉันก็ไม่ได้อ่านนะว่ามันเขียนว่าไรบ้างคือให้เซ็นก็เซ็นตามเค้าไป แล้วก็ไปเจาะเลือด
พยาบาลก็นัดฟังผลอีกที7วันหลังจากเจาะ วันนั้นไปโรงบาลแบบชิวมาก ยิ้มแย้ม พอถึงคิวเราพยาบาลก็เรียกเข้าห้องส่วนตัวเราก็งงๆนะว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นเรียกแบบนี้เลย พอเข้าไปพยาบาลก็แจ้งว่าผลเลือดทุกอย่างปรกติยกเว้นโรคเอดส์ ต้องให้เราไปตรวจซ้ำอีกที พยาบาลก็ถามนะว่าเราไปเสี่ยงอะไรมาไหม ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเลยคิดว่าผลเลือดมันมีปัญหา คือไม่รู้อะไรเลย ยังพูดขำกับพี่สาวเลยว่าพยาบาลมันถามว่าเราไปเสี่ยงไรมั้ย จนเราก็ไปเจาะเลือดอีกครั้งนึง พยาบาลนัดอีก3วัน
ดิฉันกลับบ้านไปยังไปแกล้งแซวแฟนเลยว่าไปเธอเป็นเอดส์รึป่าว คือตอนนั้นไม่ได้คิดจริงๆ
พอวันนัดมาถึงเราให้แม่ไปส่ง ถึงคิวเราพยาบาลคนเดิมก็เรียกเราเข้าห้องส่วนตัวอีกแล้วตอนนั้นใจเต้นแรงมาก คือคิดในใจว่าหวยตรูยังไม่ลุ้นเท่านี้เลย555+
พยาบาลก็ส่งซองสีน้ำตาลให้เราแกะเราก็แกะนะ แล้วก็ส่งคืนพยาบาลพยาบาลเอาไปดูก็มองหน้าเราแล้วก็พูดว่า"ผลเลือดออกมาสรุปว่าน้องมีเชื้อเอชไอวีอยุ่ในกระแสเลือดนะคะ"
พอสิ้นคำพูดนั้นปุ๊ป หูเรานี่วิ้งเลย หูอื้ออยู่ดีๆความคิดก็แว๊บขึ้นมาในสมองเองอัตโนมัติ ว่าจริงหรือเนี่ย คือสับสนไปหมด คืออยากตายมากคิดว่าเราจะทำยังไงให้ตายดียังไงก็ต้องตายให้ได้น้ำตาตกใน สักพักก็นึกหน้าแม่ที่รอหน้าห้องขึ้นมา ว่าถ้าเราตายแล้วแม่จะเสียใจแต่ไหน เพราะแม่จะพูดกับเราเสมอไม่ว่าจะมีปัญหาชีวิตมากเพียงไหนก็ขออย่าให้ฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเราคิดถึงแม่จับใจเราไม่ได้ฟังพยาบาลตรงหน้าเลย จนรู้สึกตัวอีกทีคือพยาบาลถามว่า เตรียมใจมาแค่ไหน เราก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้เตรียมใจมาเลย พยาบาลมันก็มองหน้าแล้วพูดว่า "อ้าว ก็วันนั้นพี่ก็พูดกับเราแล้วนะ" เราก็คิดในใจว่า บอกอะไรกูตอนไหนวะ แค่บอกว่าผลเลือดมีปันหา ผลเลือดไม่อ่าน คือให้กำลังใจกูมากเลยในวันนั้น
สักพักพยาบาลก็บอกว่าให้เอาแฟนมาตรวจด้วย แล้วให้เราตรวจหาค่าcd4 เราก็เออๆออไป เพราะตอนนั้นมันสับสนไปหมด คิดแต่ว่า เราเป็นจริงเหรอ เป็นได้ยังไง ทำไมต้นปีตรวจแล้วก็ไม่เจอ หรือโรงบาลตรวจผิด หรือคลินิกจะหลอกเงินเรา แต่ผลเลือดทุกอย่างก็ตรงกับที่คลินิกบอกทุกอย่าง หรือแฟนเราจะนอกใจก็ไม่นะ เราอยุ่ด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกันเลย
พอแฟนเรามาเจาะเลือดหาเชื้อ เราก็ตรวจcd4 อีก3วันหมอก็นัดอีก (คือว่าเข้าโรงบาลจนเหมือนบ้านแล้วอ่า)
พยาบาลนัดฟังผลตอน4โมงเย็น ผลก็ปรากฏว่าแฟนเราก็เป็น แต่ครั้งนี้เรานี่เตรียมใจมาไง ห่วงแต่ความรู้สึกแฟนว่าจะเครียดมั้ย คือแฟนเราสักเต็มตัวเลย(แต่ไม่เคยติดคุกน้า)
คือหลังจากที่แท้งตอนต้นปีเราก็ไปสักมานะ แฟนเราก็ไปสักให้คนอื่นด้วย ค่าcd4ของฉันอยู่ที่460 ส่วนของแฟนอยุ่ที่270 แต่หมอก็บอกว่าคือcd4ของแต่ละคนไม่แน่นอน ของแฟนเราอาจจะต่ำอยุ่แล้วก็ได้ อย่าคิดมาก ให้กินยาตรงเวลา ห้ามหยุดยา คุณหมอที่ดูแลแฟนเราใจดีมากเลย ให้กำลังใจดี ดูแลดี
แต่เราก็คิดมากอยุ่หลายวัน นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ ทะเลาะกับแฟนหาเรื่องแฟนว่าเธอมั่ว โทษแฟน แต่ตอนหลังๆเราก็ทำใจได้นะคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แม่เราพี่ชายเราก็ให้กำลังใจตลอดไม่เคยรังเกียจเราเลยกินน้ำแก้วเดียวกัน
(ดิฉันบอกกับแม่ดิฉันนะว่าดิฉันเป็นโรคนี้) จนตอนนี้ดิฉันก็ ทำใจได้แล้ว ไม่โทษใครทั้งนั้น เราเลือกเอง ก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้(แต่บางเวลาก็คอยแขวะสามีตลอดถามถึงเรื่องอดีต แต่มันก็ไม่เคยพูดสักครั้ง ถามทีไรก็เงียบใส่ตลอด) คิดอย่างเดียวว่าอีก5เดือนที่เหลือ ที่ลูกน้อยจะลืมตาดูโลก ขอให้อย่าเป็นอย่าเรา ขอให้มีอนาคตที่ดี
ใจนึงก็อยากจะไปตรวจที่โรงบาลเอกชนให้รู้แล้วรู้รอด เพราะอยากทราบว่า ทำไมตรวจตอนต้นปีไม่เจอ ไม่รู้ว่าคลินิกหรือโรงบาล สะเพร่า หรือเป็นเพราะเราที่ไปเอาเชื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ คิดอยุ่นานที่มาระบาย เพราะอึดอั้นตันใจมาก
ขอปรึกษา ปันหาเรื่องเอชไอวีหน่อยค่ะ เป็นตั้งแต่อายุ19
คือเรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันคบกับผู้ชายคนนึงมา5ปีแล้วจะเข้าสู่ปีที่6 คบกันตั้งแต่ดิฉันอายุ14 แต่ดิฉันยังไม่ได้มีอะไรกับเขานะคะ
เราคบกันมาได้2ปี จนดิฉันตกลงปลงใจปล่อยเนื้อตัวให้เค้า เรามีอะไรกันตั้งแต่ดิฉันอายุ17(ก็ยังเด็กอยู่ดี)โดยที่ทางบ้านดิฉันรู้แค่ว่าเราคบกันเฉยๆยังไม่ถึงขั้นนี้
แต่ทำไงได้ล่ะคะก็รักไง ผู้ชายคนนี้อายุปัจจุบันจะ36แล้วค่ะ เรารักกันมากถึงขนาดที่ว่าดิฉันขอร้องแม่เรื่องที่เราจะแต่งงานกัน ใครจะด่าใครจะห้ามก็ไม่ฟังรักแบบไม่ลืมหูลืมตา
จนแม่ดิฉันยอมให้เราได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นดิฉันก็อายุ18 เราได้มาอยุ่ด้วยกัน คือไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด แฟนดิฉันก็ไม่เคยจะนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง เราไม่เคยทะเลาะกันเลยมีแค่งอลๆกันบ้าง เรากินอยู่ด้วยกันเกือบปีข่าวดีก็มา คือปลายปี2558 ดิฉันตั้งครรภ์ได้1เดือน จนต้นปี2559(เดือนมกราคม) ดิฉันได้ไปฝากครรภ์ที่คลินิกชื่อดังแห่งนึง ก็ฝากปรกตินะคะ คุณหมอก็ให้ตรวจเลือด ตอนนั้นดิฉันตรวจเลือดไป8อย่างด้วยกัน แต่จำไม่ได้นักว่าตรวจอะไรบ้างแต่ที่จำได้แน่ๆเลย คือตรวจหากรุ๊ปเลือด เลือดจาง(ธารัสซิเมีย) แล้วก็เอดส์แล้วก็ตรวจหาเชื้ออะไรอีกหลายอย่างเลย ตอนนั้นค่าตรวจก็เกือบ2,000 คุณหมอส่งไปตรวจที่กรุงเทพค่ะ3วันฟังผล พอถึงวันที่ฟังผล คือผลเลือดดิฉันปรกติทุกอย่าง เอชไอวีผลออกมาว่าดิฉันไม่ได้เป็น มีแค่อย่างเดียวคือเลือดจาง(ธารัสซิเมีย) ก็ไปตรวจซ้ำอีกรอบพร้อมแฟนค่ะ ค่าใช้จ่ายก็1,000กว่าบาทคุณหมอก็บอกว่าสามารถมีลูกได้ จนดิฉันตั้งครรภ์ได้5เดือนพอมาถึงเดือนมีนาคม2559 ดิฉันสังเกตุว่าลูกดิฉันไม่ดิ้นเลย ดิฉันก็เลยจะไปหาหมอ แต่พอดีวันนั้นคลินิกปิด ดิฉันเลยไป โรงบาล คุณหมอที่โรงบาลก็ซาวด์ให้ดู หมอบอกว่าลูกดิฉันหัวใจไม่เต้นแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบว่าโลกมันหยุดหมุน ตื้อไปหมด คุณหมอก็ให้กินยาขับลูกออก แล้วคุณหมอก็ให้คุมกำเนิดไปอีก6เดือน แต่ดิฉันก็ไม่ได้คุมนะคะ
จนมาเดือนสิงหาคม2559 ดิฉันก็ได้ตั้งครรภ์คนที่สอง ดีใจมากเลยตอนนั้น
ครั้งนี้ดิฉันตัดสินใจว่าดิฉันจะไปฝากครรภ์ที่โรงบาล เพราะไม่อยากไปเสียเงินอีกแล้ว(สมุดสีชมพูตอนที่แท้งที่โรงบาลก็ยึดไว้ไม่ได้ให้คืน ส่วนผลเลือดที่อยุ่กับดิฉันก็ทิ้งไปก่อนจะรู้ว่าท้องได้เดือนเดียว)
พอเดือนตุลาก็ไปฝากครรภ์โรงบาล พยาบาลก็ถามไปเรื่อยปรกติ แล้วก็ให้ตรวจเลือด ดิฉันก็คิดว่าชิวๆนะเพิ่งจะตรวจไปต้นปีเองแต่ก็แจ้งกับเค้านะว่าดิฉันเลือดจางแฟนดิฉันก็เลือดจางแต่คุณหมอคลินิกก็บอกว่ามีลูกได้ปรกติ พยาบาลก็โอเค ก็ให้ดิฉันเซ็นเอกสาร ที่เกี่ยวกับตรวจเอดส์ดิฉันก็ไม่ได้อ่านนะว่ามันเขียนว่าไรบ้างคือให้เซ็นก็เซ็นตามเค้าไป แล้วก็ไปเจาะเลือด
พยาบาลก็นัดฟังผลอีกที7วันหลังจากเจาะ วันนั้นไปโรงบาลแบบชิวมาก ยิ้มแย้ม พอถึงคิวเราพยาบาลก็เรียกเข้าห้องส่วนตัวเราก็งงๆนะว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นเรียกแบบนี้เลย พอเข้าไปพยาบาลก็แจ้งว่าผลเลือดทุกอย่างปรกติยกเว้นโรคเอดส์ ต้องให้เราไปตรวจซ้ำอีกที พยาบาลก็ถามนะว่าเราไปเสี่ยงอะไรมาไหม ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเลยคิดว่าผลเลือดมันมีปัญหา คือไม่รู้อะไรเลย ยังพูดขำกับพี่สาวเลยว่าพยาบาลมันถามว่าเราไปเสี่ยงไรมั้ย จนเราก็ไปเจาะเลือดอีกครั้งนึง พยาบาลนัดอีก3วัน
ดิฉันกลับบ้านไปยังไปแกล้งแซวแฟนเลยว่าไปเธอเป็นเอดส์รึป่าว คือตอนนั้นไม่ได้คิดจริงๆ
พอวันนัดมาถึงเราให้แม่ไปส่ง ถึงคิวเราพยาบาลคนเดิมก็เรียกเราเข้าห้องส่วนตัวอีกแล้วตอนนั้นใจเต้นแรงมาก คือคิดในใจว่าหวยตรูยังไม่ลุ้นเท่านี้เลย555+
พยาบาลก็ส่งซองสีน้ำตาลให้เราแกะเราก็แกะนะ แล้วก็ส่งคืนพยาบาลพยาบาลเอาไปดูก็มองหน้าเราแล้วก็พูดว่า"ผลเลือดออกมาสรุปว่าน้องมีเชื้อเอชไอวีอยุ่ในกระแสเลือดนะคะ"
พอสิ้นคำพูดนั้นปุ๊ป หูเรานี่วิ้งเลย หูอื้ออยู่ดีๆความคิดก็แว๊บขึ้นมาในสมองเองอัตโนมัติ ว่าจริงหรือเนี่ย คือสับสนไปหมด คืออยากตายมากคิดว่าเราจะทำยังไงให้ตายดียังไงก็ต้องตายให้ได้น้ำตาตกใน สักพักก็นึกหน้าแม่ที่รอหน้าห้องขึ้นมา ว่าถ้าเราตายแล้วแม่จะเสียใจแต่ไหน เพราะแม่จะพูดกับเราเสมอไม่ว่าจะมีปัญหาชีวิตมากเพียงไหนก็ขออย่าให้ฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเราคิดถึงแม่จับใจเราไม่ได้ฟังพยาบาลตรงหน้าเลย จนรู้สึกตัวอีกทีคือพยาบาลถามว่า เตรียมใจมาแค่ไหน เราก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้เตรียมใจมาเลย พยาบาลมันก็มองหน้าแล้วพูดว่า "อ้าว ก็วันนั้นพี่ก็พูดกับเราแล้วนะ" เราก็คิดในใจว่า บอกอะไรกูตอนไหนวะ แค่บอกว่าผลเลือดมีปันหา ผลเลือดไม่อ่าน คือให้กำลังใจกูมากเลยในวันนั้น
สักพักพยาบาลก็บอกว่าให้เอาแฟนมาตรวจด้วย แล้วให้เราตรวจหาค่าcd4 เราก็เออๆออไป เพราะตอนนั้นมันสับสนไปหมด คิดแต่ว่า เราเป็นจริงเหรอ เป็นได้ยังไง ทำไมต้นปีตรวจแล้วก็ไม่เจอ หรือโรงบาลตรวจผิด หรือคลินิกจะหลอกเงินเรา แต่ผลเลือดทุกอย่างก็ตรงกับที่คลินิกบอกทุกอย่าง หรือแฟนเราจะนอกใจก็ไม่นะ เราอยุ่ด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกันเลย
พอแฟนเรามาเจาะเลือดหาเชื้อ เราก็ตรวจcd4 อีก3วันหมอก็นัดอีก (คือว่าเข้าโรงบาลจนเหมือนบ้านแล้วอ่า)
พยาบาลนัดฟังผลตอน4โมงเย็น ผลก็ปรากฏว่าแฟนเราก็เป็น แต่ครั้งนี้เรานี่เตรียมใจมาไง ห่วงแต่ความรู้สึกแฟนว่าจะเครียดมั้ย คือแฟนเราสักเต็มตัวเลย(แต่ไม่เคยติดคุกน้า)
คือหลังจากที่แท้งตอนต้นปีเราก็ไปสักมานะ แฟนเราก็ไปสักให้คนอื่นด้วย ค่าcd4ของฉันอยู่ที่460 ส่วนของแฟนอยุ่ที่270 แต่หมอก็บอกว่าคือcd4ของแต่ละคนไม่แน่นอน ของแฟนเราอาจจะต่ำอยุ่แล้วก็ได้ อย่าคิดมาก ให้กินยาตรงเวลา ห้ามหยุดยา คุณหมอที่ดูแลแฟนเราใจดีมากเลย ให้กำลังใจดี ดูแลดี
แต่เราก็คิดมากอยุ่หลายวัน นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ ทะเลาะกับแฟนหาเรื่องแฟนว่าเธอมั่ว โทษแฟน แต่ตอนหลังๆเราก็ทำใจได้นะคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แม่เราพี่ชายเราก็ให้กำลังใจตลอดไม่เคยรังเกียจเราเลยกินน้ำแก้วเดียวกัน
(ดิฉันบอกกับแม่ดิฉันนะว่าดิฉันเป็นโรคนี้) จนตอนนี้ดิฉันก็ ทำใจได้แล้ว ไม่โทษใครทั้งนั้น เราเลือกเอง ก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้(แต่บางเวลาก็คอยแขวะสามีตลอดถามถึงเรื่องอดีต แต่มันก็ไม่เคยพูดสักครั้ง ถามทีไรก็เงียบใส่ตลอด) คิดอย่างเดียวว่าอีก5เดือนที่เหลือ ที่ลูกน้อยจะลืมตาดูโลก ขอให้อย่าเป็นอย่าเรา ขอให้มีอนาคตที่ดี
ใจนึงก็อยากจะไปตรวจที่โรงบาลเอกชนให้รู้แล้วรู้รอด เพราะอยากทราบว่า ทำไมตรวจตอนต้นปีไม่เจอ ไม่รู้ว่าคลินิกหรือโรงบาล สะเพร่า หรือเป็นเพราะเราที่ไปเอาเชื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ คิดอยุ่นานที่มาระบาย เพราะอึดอั้นตันใจมาก