ปัจจุบัน จขกท. เป็นผู้ชาย เกือบจะ 35 แล้วครับ เมื่อต้นปีเพิ่งเลิกกันแฟนที่ คบมา 5 ปี
ตอนคบกันรักกันมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทะเลาะกันบ่อยผ่านทั้งทุกข์ ทั้งสุขร่วมกันมา เคยคิดว่าอยากแต่งงานกับเค้า แต่สุดท้ายเนื่องจากเข้ากันไม่ได้จริงๆ จึงต้องเลิกรา
ช่วงที่เลิกกันใหม่ๆ เหมือนชีวิตขาดอะไรไป เพราะปกติโทรคุยกันทุกวัน เจอกันทุกอาทิตย์ บางช่วงแทบทุกวันเลยด้วยซ้ำ เหงามาก จนบางครั้งรู้สึกอยากหาแฟนใหม่ แต่จขกท.เป็นคนที่ไม่ค่อยดิ้นรนเรื่องการมีคู่จึงไม่ได้แสวงหาคนใหม่
ช่วงนั้นอยากมีคนรับฟังเราระบายความทุกข์มากแต่เพื่อนสนิทที่สุด 3 คน ของ จขกท. คนนึงอยู่ ต่างประเทศ คนนึงแต่งงานมีลูกเล็กๆ 2 คน อีกคนแม่ป่วยหนักอยู่ รพ. ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน ไม่ได้ระบายความทุกข์ให้ใครฟังเลย
ช่วงแรกที่เลิกกับอดีตตแฟน จขกท. รู้สึกว่าพอว่างแล้วมันจะฟุ้งซ่าน เลยหาอะไรทำ อันดับแรกคืออ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งพอได้อ่านแล้ว ทำให้เราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เข้าใจความทุกข์ของการยึดมั่นในสิ่งต่างๆ นอกจากอ่านหนังสือธรรมะแล้วยังอ่านประวัติศาสตร์ วิทยาศาตร์ และที่ชอบมากคือหนังสือที่เกี่ยวกับหุ้นการลงทุนทั้งหลาย
จกขท.ก็ไม่ได้อ่านหนังสืออย่างเดียวครับ แต่ใช้เวลาทำอย่างอื่นซึ่งในช่วงที่มีแฟนตัวเองไม่สามารถทำได้เพราะอดีตแฟนไม่ชอบ เช่น ไปเดินพิพิธภัณฑ์คนเดียว, ไปทำบุญไหว้พระรอบ กทม. (9 วัดไม่ไหวไป แค่ 5 พออดีตแฟนชอบทำบุญครับแต่ขอแค่วัดเดียวเธอกลัวร้อน) ไปออกกำลังกายคนเดียวตามสวนสาธารณะ, ไปท่องเที่ยวถ่ายรูปตามที่ต่างๆ, ไปกินร้านอาหารที่ชอบคนเดียว, ดูหนังซีรีย์ที่เราอยากดูเช่นพวก CSI,Criminal Mind, ดูหนังที่ชอบคนเดียว
น่าแปลกพอผ่านไปซัก 3-4 เดือนเรากลับรู้สึกมีความสุขที่อยู่คนเดียว เหมือนเราสามารถเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเองได้ แม้ว่าบางช่วงจะเหงาบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงามากมายอะไร จนต้องดิ้นรนหาคนอื่นมาเติมเต็ม
พอสังเกตชีวิตคนอื่นๆ รอบตัวจขกท. พบว่าหลายคนไม่ได้ต้องการมีชีวิตคู่ แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆมากกว่า เพื่อน ผู้หญิง จขกท. คนนึง ได้รับทุนไปเรียนต่อเมืองนอก การศึกษาดี การงานดี เคยเป็นอดีตแอร์ แต่จนปัจจุบันยังไม่มีแฟนทั้งที่ มีคนจีบเยอะมาก เธอให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่า (เมื่อก่อนมักมาปรึกษาจขทก.เรื่องงานบ่อยๆ) เพื่อนผู้หญิงอีกคนเป็นลูกคนรวยอายุเท่า จขกท. เรียนจบป.โทที่เดียวกัน ตอนเรียนทั้งตรีและโทมีคนมาจีบเยอะมาก แต่จนปัจจุบัน ไม่มีแฟนเธอให้เหตุผลว่ามีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันอยู่แล้ว เธอมีพี่น้อง 4 คนพี่ 2 คนแต่งงานไปแล้วและมีลูก เธอชอบเลี้ยงหลานมากกกว่าจะมีลูกของตนเอง
ทั้ง 2 คนดูมีความสุขกับชีวิตดีไม่ดิ้นรนไม่แสวงหาใครมาเติมเต็ม อยู่กับปัจจุบัน
ในขณะที่มีรุ่นพี่ จขกท. คนนึง เป็นผู้ชาย อายุ 41 เกิดมาไม่เคยมีแฟน พี่เค้าดิ้นรนจะมีคู่มาก พยายามดิ้นรนหาแฟนทุกวิถีทาง ส่งผลให้บางครั้งเมื่อมีผู้หญิงมาคุยด้วยเค้าก็จะพยายามแสดงความรักออกมามากจนมันเกินพอดีโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ส่งผลให้ผู้หญิงอึดอัดและปฏิเสธเค้า
พี่คนนี้ดูไม่มีความสุขกับชีวิตเลยบ่นว่าเหงา พยายามหาคนคุย หาคนมาเติมเต็ม ตลอดเวลา ปัจจุบันยังพยายามหาคู่อยู่
ชีวิตคู่ในทางธรรม มันเป็นเรื่องของ กรรมแต่ละคู่ที่ทำร่วมกันมา (กรรมลิขิต) ในทางวิทยาศาสตร์มันเป็นสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ ในทางสังคมวิทยาเนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงต้องการอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นครอบครัว
โดยพื้นฐานแล้ว จขกท.เชื่อว่าทุกคนต้องการมีคู่ครอง มีความรัก อย่างไรก็ตาม จขกท. เชื่อว่าการมีคู่มีความรักไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตครับ นอกจากเรื่องการมีคู่ครองหรือคนรักที่ดีแล้ว คนเราสามารถมีความสุขได้ในด้านอื่นๆอีกเยอะครับ เช่น ศิลปินที่ความสุขกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ, นิโคลา เทสลา นักวิทยาศาสตร์ ที่เลือกที่จะไม่มีภรรยาเพื่อทุ่มเทให้กับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์, พระอริยเจ้าที่บรรลุธรรมมีความสุขกับความสงบ
สำหรับคนในห้องบางรักผมเห็นว่าหลายๆ คนยังดงดิ้นรนค้นหา ความรักกันเหลือเกินเลยอยากให้ลองทบทวนชีวิตดูในหลายๆมุมครับชีวิตเราไม่ได้มีแค่ความรักกับชีวิตคู่ครับ ลองหยุดแสวงหาความสุขจากภายนอกอยู่กับตัวเอง ให้มาก บางครั้งเราอาจพบความสุขจากภายในตัวเราเอง ซึ่งมันสุขมากกว่าการที่เอาหัวใจเราไปผูกกับคนอื่นครับ
เพิ่มเติม ผมไม่ได่ปฏิเสธการมีความรักนะครับแต่เห็นว่าคนเราไม่ควรดิ้นรนอยากมีคู่จนเกินพอดี
ปล.สุดท้ายผมอยากเตือนทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายๆคนในห้องบางรักครับ ว่าการนัดเจอหรือสร้างสัมพันธ์กับคนในพันทิพให้ระวังนิดนึง โดยเฉพาะผู้หญิงครับเพราะมีผู้ชายบางคนชอบทำตัวโสดหลอกฟันผู้หญิงที่เหงาและจิตใจอ่อนไหว เลวร้ายกว่านั้นบางคนก็เป็นพวกจิ้งจอกสังคมครับ หวังข่มขืนเลยก็มี เวลาจะนัดเจอ ผมแนะนำนะครับว่าให้นัดเจอในที่สาธารณะ ที่มีคนเยอะๆ จะปลอดภัยกว่าที่สำคัญไม่ควรขึ่นรถส่วนตัวของฝ่ายชายนะครับอาจถูกพาไปข่มขืนหรือลวนลามได้
ถึงคนโสดที่มีอายุ 35+ เคยคิดกันไหมครับว่าความรัก การมีคู่ ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ตอนคบกันรักกันมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทะเลาะกันบ่อยผ่านทั้งทุกข์ ทั้งสุขร่วมกันมา เคยคิดว่าอยากแต่งงานกับเค้า แต่สุดท้ายเนื่องจากเข้ากันไม่ได้จริงๆ จึงต้องเลิกรา
ช่วงที่เลิกกันใหม่ๆ เหมือนชีวิตขาดอะไรไป เพราะปกติโทรคุยกันทุกวัน เจอกันทุกอาทิตย์ บางช่วงแทบทุกวันเลยด้วยซ้ำ เหงามาก จนบางครั้งรู้สึกอยากหาแฟนใหม่ แต่จขกท.เป็นคนที่ไม่ค่อยดิ้นรนเรื่องการมีคู่จึงไม่ได้แสวงหาคนใหม่
ช่วงนั้นอยากมีคนรับฟังเราระบายความทุกข์มากแต่เพื่อนสนิทที่สุด 3 คน ของ จขกท. คนนึงอยู่ ต่างประเทศ คนนึงแต่งงานมีลูกเล็กๆ 2 คน อีกคนแม่ป่วยหนักอยู่ รพ. ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน ไม่ได้ระบายความทุกข์ให้ใครฟังเลย
ช่วงแรกที่เลิกกับอดีตตแฟน จขกท. รู้สึกว่าพอว่างแล้วมันจะฟุ้งซ่าน เลยหาอะไรทำ อันดับแรกคืออ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งพอได้อ่านแล้ว ทำให้เราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เข้าใจความทุกข์ของการยึดมั่นในสิ่งต่างๆ นอกจากอ่านหนังสือธรรมะแล้วยังอ่านประวัติศาสตร์ วิทยาศาตร์ และที่ชอบมากคือหนังสือที่เกี่ยวกับหุ้นการลงทุนทั้งหลาย
จกขท.ก็ไม่ได้อ่านหนังสืออย่างเดียวครับ แต่ใช้เวลาทำอย่างอื่นซึ่งในช่วงที่มีแฟนตัวเองไม่สามารถทำได้เพราะอดีตแฟนไม่ชอบ เช่น ไปเดินพิพิธภัณฑ์คนเดียว, ไปทำบุญไหว้พระรอบ กทม. (9 วัดไม่ไหวไป แค่ 5 พออดีตแฟนชอบทำบุญครับแต่ขอแค่วัดเดียวเธอกลัวร้อน) ไปออกกำลังกายคนเดียวตามสวนสาธารณะ, ไปท่องเที่ยวถ่ายรูปตามที่ต่างๆ, ไปกินร้านอาหารที่ชอบคนเดียว, ดูหนังซีรีย์ที่เราอยากดูเช่นพวก CSI,Criminal Mind, ดูหนังที่ชอบคนเดียว
น่าแปลกพอผ่านไปซัก 3-4 เดือนเรากลับรู้สึกมีความสุขที่อยู่คนเดียว เหมือนเราสามารถเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเองได้ แม้ว่าบางช่วงจะเหงาบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงามากมายอะไร จนต้องดิ้นรนหาคนอื่นมาเติมเต็ม
พอสังเกตชีวิตคนอื่นๆ รอบตัวจขกท. พบว่าหลายคนไม่ได้ต้องการมีชีวิตคู่ แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆมากกว่า เพื่อน ผู้หญิง จขกท. คนนึง ได้รับทุนไปเรียนต่อเมืองนอก การศึกษาดี การงานดี เคยเป็นอดีตแอร์ แต่จนปัจจุบันยังไม่มีแฟนทั้งที่ มีคนจีบเยอะมาก เธอให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่า (เมื่อก่อนมักมาปรึกษาจขทก.เรื่องงานบ่อยๆ) เพื่อนผู้หญิงอีกคนเป็นลูกคนรวยอายุเท่า จขกท. เรียนจบป.โทที่เดียวกัน ตอนเรียนทั้งตรีและโทมีคนมาจีบเยอะมาก แต่จนปัจจุบัน ไม่มีแฟนเธอให้เหตุผลว่ามีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันอยู่แล้ว เธอมีพี่น้อง 4 คนพี่ 2 คนแต่งงานไปแล้วและมีลูก เธอชอบเลี้ยงหลานมากกกว่าจะมีลูกของตนเอง
ทั้ง 2 คนดูมีความสุขกับชีวิตดีไม่ดิ้นรนไม่แสวงหาใครมาเติมเต็ม อยู่กับปัจจุบัน
ในขณะที่มีรุ่นพี่ จขกท. คนนึง เป็นผู้ชาย อายุ 41 เกิดมาไม่เคยมีแฟน พี่เค้าดิ้นรนจะมีคู่มาก พยายามดิ้นรนหาแฟนทุกวิถีทาง ส่งผลให้บางครั้งเมื่อมีผู้หญิงมาคุยด้วยเค้าก็จะพยายามแสดงความรักออกมามากจนมันเกินพอดีโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ส่งผลให้ผู้หญิงอึดอัดและปฏิเสธเค้า
พี่คนนี้ดูไม่มีความสุขกับชีวิตเลยบ่นว่าเหงา พยายามหาคนคุย หาคนมาเติมเต็ม ตลอดเวลา ปัจจุบันยังพยายามหาคู่อยู่
ชีวิตคู่ในทางธรรม มันเป็นเรื่องของ กรรมแต่ละคู่ที่ทำร่วมกันมา (กรรมลิขิต) ในทางวิทยาศาสตร์มันเป็นสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ ในทางสังคมวิทยาเนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงต้องการอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นครอบครัว
โดยพื้นฐานแล้ว จขกท.เชื่อว่าทุกคนต้องการมีคู่ครอง มีความรัก อย่างไรก็ตาม จขกท. เชื่อว่าการมีคู่มีความรักไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตครับ นอกจากเรื่องการมีคู่ครองหรือคนรักที่ดีแล้ว คนเราสามารถมีความสุขได้ในด้านอื่นๆอีกเยอะครับ เช่น ศิลปินที่ความสุขกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ, นิโคลา เทสลา นักวิทยาศาสตร์ ที่เลือกที่จะไม่มีภรรยาเพื่อทุ่มเทให้กับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์, พระอริยเจ้าที่บรรลุธรรมมีความสุขกับความสงบ
สำหรับคนในห้องบางรักผมเห็นว่าหลายๆ คนยังดงดิ้นรนค้นหา ความรักกันเหลือเกินเลยอยากให้ลองทบทวนชีวิตดูในหลายๆมุมครับชีวิตเราไม่ได้มีแค่ความรักกับชีวิตคู่ครับ ลองหยุดแสวงหาความสุขจากภายนอกอยู่กับตัวเอง ให้มาก บางครั้งเราอาจพบความสุขจากภายในตัวเราเอง ซึ่งมันสุขมากกว่าการที่เอาหัวใจเราไปผูกกับคนอื่นครับ
เพิ่มเติม ผมไม่ได่ปฏิเสธการมีความรักนะครับแต่เห็นว่าคนเราไม่ควรดิ้นรนอยากมีคู่จนเกินพอดี
ปล.สุดท้ายผมอยากเตือนทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายๆคนในห้องบางรักครับ ว่าการนัดเจอหรือสร้างสัมพันธ์กับคนในพันทิพให้ระวังนิดนึง โดยเฉพาะผู้หญิงครับเพราะมีผู้ชายบางคนชอบทำตัวโสดหลอกฟันผู้หญิงที่เหงาและจิตใจอ่อนไหว เลวร้ายกว่านั้นบางคนก็เป็นพวกจิ้งจอกสังคมครับ หวังข่มขืนเลยก็มี เวลาจะนัดเจอ ผมแนะนำนะครับว่าให้นัดเจอในที่สาธารณะ ที่มีคนเยอะๆ จะปลอดภัยกว่าที่สำคัญไม่ควรขึ่นรถส่วนตัวของฝ่ายชายนะครับอาจถูกพาไปข่มขืนหรือลวนลามได้