ประสบการ์ณเกี่ยวกับวิญญาณ

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป เราขอใช้คำแทนตัวว่าเซ็นเตอร์เบอร์ 11 ก้แล้วกันนะ เรามีโอกาสได้อ่านเรื่องผีในกระทู้พันทิปมาก้หลายๆเรื่องแล้ว เรื่องที่เราชอบที่สุดก็คงจะเป็นเรื่อง ลูกพระนเรศ เพราะมีบางอย่าง บางเรื่องทีเราได้พบเจอมากับตัวที่คล้ายๆกัน แล้วก็เป็นแรงบันดาลใจที่ให้เราอยากมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผี หรือวิญญาณต่างๆ
    .........กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรานะ พิมตกบ้าง ผิดบ้าง ก็ขออภัยด้วย............
มาเข้าเรื่องเลย
    อันดับแรก เราต้องบอกก่อนนะว่าเราเป็นคนนึงที่เจอกับเรื่องแบบนี้มาทั้งชีวิต เจอมาจนเป็นเรื่องปกติเลยล่ะ ถามว่าชินมั้ย เราตอบแบบไม่คิดเลยค่ะ ว่าเราก้ยังไม่ชิน ถึงจะเจอบ่อย แต่ก็ต้องมีกลัวบ้าง ตกใจบ้าง ตามสภาพ เรามั่นใจเลยล่ะค่ะ ว่าเราน่าจะสัมผัสสิ่งเหล่านี้มาได้ตั้งแต่เกิดเลยล่ะมั้ง เท่าที่เจอมาก็มีหนักบ้าง เบาบ้าง เกือบถึงชีวิตก็มี มันอาจจะเกิดจากที่เราเคยตายมาหลายครั้งรึเปล่าก็ไม่รู้นะ เลยทำให้เราสัมผัสสิ่งกับสิ่งเหล่านี้ได้ เริ่มตั้งแต่ก่อนที่เราจเกิด เราก็เคยหัวใจหยุดเต้นตอนอยู่ในท้องแม่ จนหมอต้องผ่าเอาเราออกมา แต่เราก็รอดมาเฉยเลย ครั้งต่อมาก็เรได้ซักประมาณสามสี่เดือน ตอนนั้นเราเป็นไข้หนักมาก ตัวร้อน แถมร้องไห้ไม่หยุด เราร้องไห้จนชักค่ะแล้วเราก็ช้อด หัวใจหยุดเต้นไปอีกรอบ แต่หมอก็ช่วยกลับมาได้อีกแหละ อีกกครรั้งต่อมาก้ประมาณขวบกว่าๆค่ะ ที่หน้าบ้านเราช่วงนั้นเขากำรุงชุดท่อ แล้วก็ทำการวางท่อระบายนำ้กันค่ะ ด้วยความที่สมัยก่อน ก็ประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว วางท่อไม่เสดก็ปล่อยไว้แบบนั้น ไม่มีอะไรมาตั้งกั้นไว้หรอกค่ะ ช่วงเย็นแม่เราก็พาเราออกมาเดินเล่นตามปกติ ตามประสาเด็กกำลังตั้งไข่อ่ะ ก็จะซนๆหน่อย ไม่รู้ไปเดินอีท่าไหน ตกท่อซะงั้น หัวกระแทกปูนค่ะ คราวนี้ชักค่ะ ด้วยความที่บ้านเราห้างจากตัวอำเภอประมาณหกกิโล แล้วทางสทัยก่อนก็ไม่ค่อยจะดี แต่โชคดีหน่อยที่ย้านเรามีรถกระบะ กว่าจะไปถึง รพ. หัวใจเราหยุดเต้นไปแล้ว โดนปั้มค่ะงานนี้ แต่ดีที่ยังไม่ตาย แต่ครั้งนั้นโดนเย็บมาประมาณเจ็ดแปดเข็มอ่ะค่ะ ขนาดตอนนี้เราอายุ 19 แล้วนะ แผลนั่นยังอยู่หน้าผากเราอยู่เลย ดีนะเอาผมมาบังๆได้
     พอหลังจากเราออกจากโรงบาล แม่บอกว่าเราชอบร้องให้ตอนกลางคืนค่ะ แม่นี่ไม่ได้นอนเลย พอเริ่งช่วงหัวคำ่ เป็นช่วงที่คนต่างจังหวัดเรียกว่าผีตาากผ้าอ้อมนั่นแหละค่ะ เรานี้จะกกลับสนิทแค่ไหน เราก็ตื่นขึ้มาร้อง สดุ้งตกใจ ร้องไห้ทั้งคืน ผิดกับตอนกลางวันที่จะนอนตลอด แต่ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นตอนออกโรงบาลนนะ ก่อนหน้านี้ก็เป็น แต่ไม่ร้องไห้หนักขนาดนี้ บวกกับเรื่องที่เราเฉียดเป็นเฉียดตายบ่อยมาก แม่เราก็ใจคอไม่ดีค่ะ ก็เลยตัดสินใจพาเราไปฝากเป็นลูกของพระรูปนึง ท่านเป็นเกจิอาจารณ์ดัง ที่ตอนนี้มรณภาพไปแล้ว และเรามั่นใจเลยค่ะ ว่าตอนนี้ในห้องพระแทบทุกบ้านต้องมีรูปท่านอยู่แน่นอน ท่านรับเราเป็นลูกใต้บารมีของท่าน(ตามความเชื่อของคนแถวบ้านเราคือให้ท่านเลี้ยงช่วยอ่ะค่ะ ให้บารมีท่านปกป้องคุ้มครอง) ในวันนั้นเรานี่นอนหลับผิดกับเป็นคนละคนเลยค่ะ ตกเย็นมาก็ไม่ร้องเหมือนปกติค่ะ จนผ่านมาได้ประมาณอาทิตย์นึงค่ะ แม่เราก็เริ่มฝันแปลกๆ ฝันว่ามีคนแก่สองคน มายืนอยู่หน้าบ้าน มาเรียกเรา เียกชื่อเราให้คลานออกไปหาค่ะ เราก็คลานออกไปค่ะ พอใกล้จะไปถึงหน้าประตูตาเราก็วิ่งออกมาค่ะ ถือมีดพร้าเล่มใหญ่ออกมาไล่ แล้วก็รีบอุ้มเราขึ้นมา แล้วคนแกสองคนนั้นก็หายไปค่ะ แล้วแม่เราก็สะดุ้งตื่นค่ะ เพราะเสียงเราร้องไห้ แม่ก็คิดว่าเราหิวนมรึเปล่า แต่เอานมให้กินก็ไม่กิน หรือว่าเราต้องอืด แม่ก็เอามหาหิงทาให้ก็ไม่หยุด แล้วแม่ก็เพิ่งมาสังเกตุว่าหมานี่หอนเต็มเลย ค่อยๆหอนมาเป็นสายอ่ะค่ะ หอนรับกัน แล้วก็มาหยุดที่หน้าบ้านเรา แล้วก็หอนอยู่อย่างนั้นนานมากค่ะ จนแม่กลัว เลยลุกขึ้นมาปลุกตากับยายให้ลุกมาอยู่เป็นเพื่อน สรุปว่าคืนนั้นทุกคนในบ้านก็ไม่ได้นอนค่ะ เปิดไฟสว่างโล่เลยทั้งบ้าน เราก็มาหยุดร้องไห้เอาตอนใกล้จะเช้านี่แหละค่ะ เช้าวันต่อมาเป็นวันพระ ยายเราก็ไปใส่บาตรตามปกติอ่ะค่ะ ตักบาตรเสร็จ ท่านเจ้าอาวาสวัดทานก้ฝากสายสิญมาให้เรา สายสิญสีชาวธรรมดาที่เราเห้นทั่วไปนี่แหละค่ะ บอกว่าเอาไปผูกแขนหลานนะ แล้วพอตอนยายเราจะเดินกลับบ้าน ก็มีคุณลุงแก่ๆที่รู้จักกันอ่ะค่ะ เพราะหมู่บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดอ่ะเนอะ คนรู้จักกันทั้งหมู่บ้าน แกเป็นพราหมที่อยู่ประจำที่วัด นำสวดเวลาวันพระ สู่ขวัญ เรียกขวัญ คืนวันโกน วันพระจะใส่ชุดขาวมาปฎิบัติธรรมที่วัดอะไรทำนองนี้แหละค่ะ แกก็บอกว่าอยากเจอหลานจัง เดี๋ยววันนี้ขอแวะไปเล่นกับหลานหน่อย แล้วยายเราก้พาคุณตาคนนั้นมาที่บ้าค่ะ ขอเรียกว่าตาสีนะคะพอเดินมาถึงหน้าบ้านเท่านั้นแหละค่ะ ตาสีก็ทำท่าตกใจแล้วอยู่ๆก็ตะโกนด่าทอ หยาบคายออกมาแล้วก้ชี้นิ้วไปตรงกำแพงข้างนอกบ้านเราเหมือนชี้หน้าใคร แล้วก็ตะโกนด่า
"มาทำอะไรตรงนี้ ไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป อย่ามาแถวนี้ ไม่ใช่ที่ของ ออกไป"
ตอนนั้นยายเราก็ตกใจค่ะ ติดว่าแกเป็นอะไรรึเปล่า อยู่ก็ตะโกนด่าคำหยาบออกมา แต่แกก็บอกมาว่าไม่มีอะไร แค่ด่าหมากลัวมันเข้ามาขี้ใส่บ้าน แต่ยายราก็อดสงสัยไม่ได้เพราะยายเราไม่เป็นหมาซักตัว แล้วยายกับตาสีก็เดินเข้ามาใบบ้านค่ะ ตอตนั้นแม่เราเพิ่งให้เรากินนมเสด กำลังจะกล่อมเรานอน ตาสีถามว่ามีฝ้ายมั้ย จะผูกแขนหลาน ยายเราก้เลยเอาฝ่านที่เจ้าอาวาสวัดให้มานั่นแหละค่ะ ให้ตาสีผูกให้ ตาสีแกก็พนมมือสวดอะไรซักอย่างก่อนจะผูกแขนให้เราแล้วแกก็ถามวันเดือนปีเกิดเรากับแม่ แม่กับยายเราคิดว่าตาสีจะดูดวงให้เราหรอ ยังแซวๆอยู่เลยว่าเโ็กตัวแค่นี้จะดูได้อยู่หรอ แกก็ตอบมาว่า ไม่ได็ดูดวง แล้วตาสีก็หยิบกระดานสีดำเหมือนที่พวกหมอดูใช้กันออกมาจากย่ามแก แล้วขีดๆ ซักแกก็บอกว่า
"ดีนะ บุญเก่ามันเยอะ ของคุ้มหัวมันก็ดี ไม่งั้นเขาเอาไปนานแล้ว"ตาสีพูด
"พูดอะไรตา ใครเอาอะไร"แม่เราถาม
"กะน่าจะรู้ อีนางนี่มันเฉียดเป็นเฉียดตายมากี่ครั้ง ตังเอ็งก็น่าจะรู้"ตาสีหันไปถามแม่
"มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้งตา"แม่เราเหมือนจะพูดปลอบใจตัวเอง แต่แม่ก็ไม่ได้สบายใจนักหรอก แล้วแม่ก้เปลี่ยนเรื่อง ทำลายบรรยากาส แล้วแกก็นั่งคุยเล่น กับแม่กับยายตามประสาคนบ้านนอก ซักพักแกก็ขอตัวลากลับ แต่ก่อนกลับ แกก้ยังหันมาบอกกับแม่เราว่า
"ขนาดแค่นี้ยังขนาดนี้นะ แล้วถ้ามันโตขึ้นไปเรื่อยๆล่ะ อีหนูนี่มีแต่คนยากได้มัน ไม่ใช่แค่นี้หรอก เอ็งเชื่อตาสิ"ตาสีแกบอกกับแม่ แต่แก็บอกทิ้งท้ายไว้แหละว่า ยังไงก็อย่าคิดมากก็แล้วกัน มันอาจจะไม่มีอะไรมาก ตาก็แก่แล้ว อาจจะคิดมากไปเอง แต่แม่เราบอกว่ายอมรับเลยว่าตอนนั้นก็เริ่มกลัวๆ แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก อีกอย่างตาสีแกก้ไม่ใช่พระ ไม่ใช่หมอผี จะมารู้มาเห็นอะไรมากขนาดนั้นเลยหรอ แต่ตาสีก็ยำ้กับแม่เราว่ากลางคืนหลังตะวันตกดิน ห้ามพาเราออกนอกชายคาบ้าน ได้ยินเสียอะไรถ้าไม่มั่นใจอย่าขานรับ อย่าทัก แล้วก่อนกลับแกก็ถามหาตาเรา ยายก็เลยบอกไปว่า ตาไปประชุมที่อำเภอ(ตอนนั้นตาเราเป็นกำนัน)แต่พอดีตาเรากลับมาเจอตาสีพอดีก็ทักทายกันตามปกติ ก่อนตาสีกลับแกก็คุยอะไรกันก็ไม่รู้กับตาเราซักอย่าง ตาเราก้พยักหน้าอย่างเดียว แต่ตอนนั้นแม่บอกว่าแม่ก็พอจะเดาออกว่าเกี่ยวกับเราแน่ๆ
พอตกเย็นมาก็เริ่มแล้วค่ะ เราก็ร้องไห้ตามสเต็ปเดิม แต่วันนี้ร้องหนักมากค่ะ ร้องแบบแหกปาก ไม่เอาอะไรเลย ปกติช่วงเวลามีแค่แม่กับกับยาย เพราะตาเราต้องไปดูสวน เพราะที่สวนเราเลี้ยงไก่ ขโมยมันเยอะ ต้องคอยไปส่องดูตลอด แต่ปกติ สี่ทุ้มเที่ยงคืนก็กลับมาค่ะ ไม่ได้ไปเฝ้าทั้งคืน เพราะแกต้องทำงาน ยายกับแม่ก็ผัดกันอุ้มเราเดินรอบบ้านเลยค่ะ เดินวนอยู่อย่างนั้นจนยายเราได้ยินเสียงแว่วๆมาเหมือนเสียงป้าข้างบ้าน"เอาออกมีนี่สิ เดียวเอาช่วย อุ้มออกมานี่เร็ว"ยายก็คิดในใจว่านี่ก็สามสี่ทัมแล้วจะให้อุ้มหลานไปตากหมอกรึไง แต่แกก้ไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ก็อุ้มเราเดินรอบบ้านต่อไปเรื่อยๆ ผลัดกันอุ้มกับแม่เราบ้าง เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมา แล้วหมาก้เริ่มหอนค่ะ หอนส่งกันมาแบบคืนก่อนเลย หอนรับกันมาเรื่อยๆแล้วก็มาหยุดที่หน้าบ้านเรา แม่บอกว่าเป็นเสียงหมาหอนที่น่ากลัวมาก คือมันหอนแบบโหยยหวน น่ากลัว แล้วอากาศก็เย็นๆแปลกๆ แล้วหมาก็หอนอยู่อย่างนั้นนานมาก เกือบจะเป็นชั่วโมงได้มั้ง แล้วแม่เราก็เห็นเหมือนคนมาด่อมๆมองๆแถวหน้าบ้าน มาก้มๆเงยๆ ตอนแรกแม่ก็ตกใจคิดว่าโจร แต่แม่ก็นึกขึ้นได้เรื่องที่ตาสีแกบอกไว้ แต่แม่ก็ยังใจดีสู้เสือ พยายามคิดว่านั่นอาจจะเป็นแค่คนมาเก็บใบย่านางหน้าบ้านก็ได้ แต่มาเก็บดึกขนาดนี้ก็กะไรอยู่ ซักพักก็มีเหมือนเสียงคนโยนอะไรมาบนหลังคา เพราะหลังคาบ้านเราเป็นสังกะสี ยังไม่พอค่ะ ประดูหน้าบ้านเราเป็นประตูเหล็กที่ใช้เลื่อนเอาค่ะ แต่เป็นประตูที่ทำขึ้นมาเอง มันเหมือนมีคนมาเขย่าค่ะ เขย่าแรงมากๆ แล้วประตูเหล็กขนาดเปิดปกติก็เสียงดังอยู่แล้ว แต่นี่มันเขย่าเหมือนมีคนพยายามเปิดเข้ามา แล้วก็เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบ แล้วเงาคนที่ยืนอยู่หย้าบ้าน แม่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ยืนอยู่บ้าง ก้มๆเงยๆบ้าง เดินไปเดินมาบ้าง ตอนนั้นไม่ใข่แค่แม่นะที่เห็น ยาายเราก็เห็น ตอนนั้นยายกับแม่เรากลัวมาก ยายเลยเดินขึ้นไปบนห้องพระชั้นบนของบ้านค่ะ ยายขึ้นไปไหว้พระจุดธูปไหว้พระให้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษาคนในบ้าน แล้วก็เหมือนเสียงปาหิน ปาข้าวของจะหายไปค่ะ แต่อย่าตัดเสียงร้องไห้เราออกไปนะ เรายังร้องไห้อยู้เหมือนเดิม ตอนนี้แม่กับยายภาวนาให้ตากลับมาเร็วๆ อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจกว่านี้ค่ะ แล้วนี่ก้จะเที่ยงคืนแล้ว ไม่นานตาก็คงจะกลับ แล้วซักพักก็ได้ยิเสียงรถมอไซต์มาค่ะ ซึ่งแม่กับยายก็จำได้ว่าเป็นเสียงรถตาแน่นอน ซักพักก็ได้ยินเสียงตาเอะอะโวยวายหน้าบ้านแแปนึง แล้วเสียงหมาเห่าก็เงียบลงไป ตาก็เดินหน้าตึงเข้ามาในบ้านค่ะ แล้วยายก็ถามว่าเมื่อกี้ตาเป็นอะไร เอะอะโวยวายทำไมไล่หมาหรอ แต่ตาไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วก็เดินไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เดินมาอุ้มเราเดินๆ ซักพักเราก็หลับ อ่อ เราลืมบอกนะ แม่เราบอกว่า ตั้งแต่เด็กแล้วหล่ะ ไม่ว่าเราจะร้องไห้หนักแค่ไหน ถ้าได้อยู่กับตานี่ก็ยังชั่วขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหยุดร้องเลยนะ แต่เหมือนจะดีกว่าเดิมขึ้นมาหน่อย อะไรทำนองนี้แหละ แต่ก้สงบไปได้ไม่นานหล่ะค่ะ แม่ก็สะดุ้งตื่นอีกรอบค่ะเพราะเราร้องไห้อีกแล้ว แล้วก็มาพร้อมกับเสียงหมาหอนแบบเดิมค่ะ คือไล่มาเรื่อยๆแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านเรา ตอนนั้นแม่รีบลลุกไปเปิดไฟเลยค่ะ เปิดไฟทุกดวงที่มีในบ้านแล้วก็ปลุกตากับยาย พอแม่มองออกไปที่หน้าบ้าน  แม่ก้เห็นอีกแล้ว เห้นแบบเดิมคือมีคนยืนอยู่หน้าบ้าน ด้อมๆมองๆ เดินไปเดินมา แตต่คราวนี้ตาเราเลยค่ะเปิดประตูออกไปเลย แต่ไม่ได้ออกไปประดูหน้าบ้านนะคะ ยังอยู่ในรั่ง แล้วตาแกก็ด่า ด่าแบบหยาบๆคายๆ ด่าเสด เงานั้นยังอยู่นะ ตาเลยเดินขึ้นไปบนหิ้งพระค่ะ หยิบธูปมากำนึง แล้วแกก็เดินไปไหว้เจ้าที่หน้าบ้าน แต่ว่าบ้านเราไม่มีศาลหรอกนะ เป็นแต่เสาปูนตั้งขึ้นมา แล้วก็มีกระถางปักธูปเท่านั้น แล้วตาเราก็เหมือนยืนไหว้เจ้าที่ แล้วก็ยืนสวดอะไรอยู่ซักพัก แล้วเงาที่แม่เห็นก็หายไป เสียงหมาก็เงียบตามไปด้วย แล้วตาก้กลับเข้ามาในบ้านค่ะ คืนนั้นบ้านเราเปิดไฟนอนจนเช้าเลยค่ะ โชคดีที่ไม่มีอะไร เช้ามาตาเราก็ต้องรีบไปประชุมที่อำเภอ แล้วก็กลับมาตอนบ่ายๆ พอมาถึบัานตาก็เดินมาหาเราาที่เปลค่ะ ตอนนั้นเราหลับอยู่ ตาเอากำไลค่ะ เป็นกำไลนาคมาวางไว้ใต้หมอนเรา เป็นกำไลที่มีเหมือนอักขระสลักไว้เต็มเลย แม่ก็ถามตาว่ากำไรอะไร ตาบอกว่าเป็นกำไลที่ปู่ให้มา ปู่ที่ว่าคือพระที่ตาเรานับถือตั้งแต่ยังไม่ลงเล่นการเมือง มีอะไรไม่สบายใจตาเราก็ไจะไปให้ท่านรดนำ้มนต์ให้ตลอด
       ตาเราบอกกับแม่ว่า เมื่อวานตาสีมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเราให้ฟัง แกให้ระวังดีๆ เขายากได้เรามากนะ แต่ตาเราเชื่อนะ เพราะตาเราเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อีกอย่างตาเราก็เป็นคนที่พอมีครู มีของดีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่แบบหมอผีหรือมีคาถาแบบตาสีหรอก แต่แกเป็นกำนัน คนชอบก็มี คนเกลียดก็มาก เวลาเขาจะเล่น เขาก็ใช้ของแบบนี้มาเล่น เพราะฉนั้นตาเราจึงต้องมีของดีติดตัวพอตัวเลยแหละ ส่วนใหญ่แกจะได้มาจากพระบ้าง ส่วนใหญ่จะเป้นปู่นั่นแหละที่ให้มา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่