สวัสดีค่ะ ท่านผู้เคยติดตามและผู้ที่เพิ่งเข้ามาติดตาม จากกระทู้ที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34392011 ที่เราเคยมาเล่าประสบการณ์สยองขวัญที่เราเคยเจอ เราได้ทิ้งท้ายว่าจะมาตั้งกระทู้เรื่องเล่าเรื่องราวลึกลับของคุณตาเรา กระทู้นี้เราจะรวบทีเดียวจบนะคะ เดี๋ยวโดนด่าอีก ^^
เราขอบอกประวัติคุณตาเรานิดนึงนะคะ คุณตา อายุ 89 ปี เพศชาย(บอกเพื่อ?) มีพี่น้อง 11 คน เป็นลูกคนสุดท้อง พี่ๆ อีก 10 คน เสียชีวิตหมดแล้วตอนนี้อาศัยอยู่กับคุณยาย 2 คน ลูกหลานแยกย้ายไปมีครอบครัวหมดแล้ว ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บ้านแกอยู่ในป่าในดง ห่างจากตัวหมู่บ้าน ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้ชีวิตแบบพอเพียงของแท้
แม่เราเป็นลูกของพี่สาวของคุณตา (งงไหม) แม่เราเรียนตาว่าน้าอ่ะ ยายแท้ๆของเราเป็นลูกคนที่ 6 ของทวด เป็นพี่สาวของคุณตา เกือบทุกเย็นเราจะชอบไปเล่นกับยาย ไปช่วยทำกับข้าวบ้าง รดน้ำผักบ้าง บางทีก็ไปเล่นกับหมาของยาย บ้านคุณตามีผลไม้เยอะมาก ทั้งกล้วยหอม น้อยหน่า มะม่วง ลำใย มะขามหวาน แตงโม ตะขบ
ตั้งแต่เล็กเราชอบฟังเรื่องเล่าจากคุณตามากๆ แกเล่าสนุก ทุกวันนี้แกกลับมาจากต้อนควายเข้าคอกแกยังชอบมาเล่าให้ฟัง คือคนสมัยก่อนจะไม่ได้เรียนหนังสือ ถ้าอยากเรียนก็ต้องบวชเป็นเณร ถึงจะได้เรียน แต่ก็แค่พออ่านออกเขียนได้ แกเล่าว่าตอนเด็กๆแกบวชเรียน ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และลาสิขาตอนอายุ 27 ปี แกย้ายตามพ่อแม่มาจากประเทศกัมพูชาตั้งแต่เด็กๆ พอแกบวชเรียนส่วนมากก็จะได้เรียน(ของ)ซึ่งเป็นวิชาจากเขมร ซึ่งมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ด้านมืดคือ ด้านที่เอาไว้ทำร้ายคน เช่น ทำยาสั่ง เสกหนังควาย เสกตะปู ใบมีดโกนเข้าท้อง และทำเสห์น่ และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งด้านสว่าง คือเรียนวิชาเอามาช่วยเหลือคน แก้คนโดนของ ทำยันต์ไล่สัมภเวสีให้บ้านคนท้อง ดูดวง ต่อชะตา แก้อาถรรภ์ต่างๆ และอื่นๆ ตาเราเรียนมาทั้งสองทางค่ะ แต่เลือกที่จะปฎบัติในด้านสว่าง
เรื่องเล่าเรื่องแรกเป็นเรื่องของคนท้อง สมัยก่อน การแพทย์ยังไม่ไดี การทำคลอดต้องอาศัยหมอตำแยและหมอผี ไม่ผิดค่ะต้องพึ่งหมอผีด้วย เพราะเป็นความเชื่อว่า เด็กเกิดใหม่และหญิงเพิ่งคลอดจะอ่อนแอ สิ่งชั่วร้ายจะเข้ามาทำอันตรายได้ง่าย และคลอดที่บ้านด้วย วันที่คลอดนี้ต้องมีผู้เฒ่าผู้แก่มาเฝ้าสัก 2 3 คน ต้องจุดเทียนและกองไฟ ตลอดทั้งคืน มีการเอาพวกหนามเฟื่องฟ้า และ ใบสัปปะรดแขวนไว้ตามบ้าน กัน(ผีกระสือ) ว่านไฟเพื่อกันปอบมีการเสกคาถาอ้อมบ้าน และผ้ายันต์สีแดงแปะทางเข้าประตูหน้าต่าง
รูปว่านไฟค่ะ ตอนนี้ที่บ้านเราแม่ก็ยังปลูก
เอาภาพมาจาก Google ค่ะ
ปู่เล่าว่า ยายมี(นามสมมติ) ตอนยังสาว เป็นหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ตอนประมาณสี่ทุ่มสามียายมีวิ่งมาตามคุณตาให้ไปที่บ้านด่วน พอถึงบ้านยายมี ปรากฎว่าลมพัดแรงมาก ฝนทำท่าจะตก คือก่อนหน้านั้นตาไปทำพิธีให้แล้ว แต่สามียายมีเห็นว่า มีบางอย่างผิดปกติจึงมาตามตาไปอีกรอบ
พอตาขึ้นไปบนบ้านก็เห็นยายมีสลบเหมือบ หมอตำแยเดินมาบอกตาว่า คราวนี้หนัก ฝากด้วย แล้วหมอตำแยกรีบกลับบ้าน ส่วนคนที่เหลือ มี ยายผู้เฒ่า 2 3 คน และสามียายมี เฝ้าแม่และเด็ก แล้วฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ สักพักฝนก็หยุดอากาศจึงเย็นลง ตาบอกว่าตาเป็นคนไม่กลัวอะไรพวกนี้ยังขนลุกเลย
ด้วยชาวบ้านสมัยก่อนบ้านติดป่า ตาบอกว่าเห็นแสงไฟ สีม่วงแดงนวลๆ ลอยมาจากทางป่า 2 ดวง หมาเริ่มหอน และดวงไฟนั้นก็ค่อยๆลอยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พอใกล้จะมาถึง ดวงไฟนั้นก็หายไป หมาก็หอนกันใหญ่ เด็กก็ร้องไห้ใหญ่ ตาเราเริ่มสวดคาถา (ทำท่าพนมมือ แต่ไม่บอกว่าคาถาอะไร) สักพัก เสียงหมาหอนก็เงียบไป จนเวลาเลยถึงเที่ยงคืน เสียงหมาก็หอนอีกครั้ง ครั้งนี้หมาวิ่งมาที่ใต้ถุนบ้านยายมีและลมแรงขึ้น ทุกคนก็มากองกันที่กองไฟ ตาก็เริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง จนเห็นภาพหญิงวัยกลางคน 2 คน หน้าตาเฉยชา มีแต่หัวกับใส้แห้งๆ นิดเดียว ไม่มีแสงไฟแต่อย่างใด ลอยเข้ามาใกล้ๆ แกว่าคนอื่นไม่เห็นนะ มันเป็นสัมภเวสี ถ้าคนอื่นจะเห็นจะเห็นเป็นอย่างอื่นหรืออาจแค่รู้สึกได้ แกถามว่า "มาทำไม ใครใช้มา มีเจ้าของไหม" และมีเสียงตอบกลับว่า (กูหิว!) แล้วก็หายไป แล้วจู่ๆ ยายมีที่สลบอยู่ ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วร้องไห้ เมือนพยายามจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง แล้วจะอุ้มเด็กไปด้วย แล้วก็ร้องไห้ใหญ่แล้วบอกว่าแม่มาเรียกจะไปหาแม่(แม่แกเสียแล้ว) แล้วก็กริ๊ดๆๆๆ ว่าจะไปหาแม่ แม่มารับ จะไปอยู่กับแม่ สามียายมีกับยายผู้เฒ่าช่วยกันจับไว้ แล้วตะโกนด่าว่า "ถ้าเอามันไปกูจะจับเผา เอาน้ำมนต์กรอกปาก เอาข้าวสารเสกขว้าง จะหุบปากไหม" ตาเห็นท่าไม่ดี แกหยิบมีดขึ้นมา ท่องคาถา(ทำท่าท่องคาถา) แล้วเอามีดปีกลงตรงช่องว่างพื้นบ้าน(คิดออกไหม บ้านเมื่อก่อน 2 ชั้น บ้านไม้ เอาแผ่นไม่ทำพื้นบ้านแล้วจะมีช่องว่างอ่ะ) พอปักลงจึก! เสียงกริ๊ด ดังสนั่น เด็กก็ร้อง หมาหอนแรงกว่าเดิม คือหมามันรวมตัวที่ใต้ถุนบ้านยายมี ลมพัดแรงจนหลังคาที่มุงจากหญ้าคาเกือบหลุด แล้วทุกอย่างก็สงบลง ตาก็อยู่เฝ้าต่อแล้วกลับบ้านตอนเช้า พอสายๆแกก็กลับไปที่บ้านยายมีไปดูอาการ กำลังอยู่ไฟ ส่วนเด็กมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่แขนและหลัง ตาเอายาสมุนไพรให้ยายมีไว้รอยแดงเด็ก ส่วนสามีก็เฝ้าไม่ห่าง ยายผู้เฒ่าก็ยังคงทำหน้าที่เฝ้ายายมี ต่อไป อีก 5 คืน........
เรื่องเล่าจากคุณตา
เราขอบอกประวัติคุณตาเรานิดนึงนะคะ คุณตา อายุ 89 ปี เพศชาย(บอกเพื่อ?) มีพี่น้อง 11 คน เป็นลูกคนสุดท้อง พี่ๆ อีก 10 คน เสียชีวิตหมดแล้วตอนนี้อาศัยอยู่กับคุณยาย 2 คน ลูกหลานแยกย้ายไปมีครอบครัวหมดแล้ว ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บ้านแกอยู่ในป่าในดง ห่างจากตัวหมู่บ้าน ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้ชีวิตแบบพอเพียงของแท้
แม่เราเป็นลูกของพี่สาวของคุณตา (งงไหม) แม่เราเรียนตาว่าน้าอ่ะ ยายแท้ๆของเราเป็นลูกคนที่ 6 ของทวด เป็นพี่สาวของคุณตา เกือบทุกเย็นเราจะชอบไปเล่นกับยาย ไปช่วยทำกับข้าวบ้าง รดน้ำผักบ้าง บางทีก็ไปเล่นกับหมาของยาย บ้านคุณตามีผลไม้เยอะมาก ทั้งกล้วยหอม น้อยหน่า มะม่วง ลำใย มะขามหวาน แตงโม ตะขบ
ตั้งแต่เล็กเราชอบฟังเรื่องเล่าจากคุณตามากๆ แกเล่าสนุก ทุกวันนี้แกกลับมาจากต้อนควายเข้าคอกแกยังชอบมาเล่าให้ฟัง คือคนสมัยก่อนจะไม่ได้เรียนหนังสือ ถ้าอยากเรียนก็ต้องบวชเป็นเณร ถึงจะได้เรียน แต่ก็แค่พออ่านออกเขียนได้ แกเล่าว่าตอนเด็กๆแกบวชเรียน ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และลาสิขาตอนอายุ 27 ปี แกย้ายตามพ่อแม่มาจากประเทศกัมพูชาตั้งแต่เด็กๆ พอแกบวชเรียนส่วนมากก็จะได้เรียน(ของ)ซึ่งเป็นวิชาจากเขมร ซึ่งมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ด้านมืดคือ ด้านที่เอาไว้ทำร้ายคน เช่น ทำยาสั่ง เสกหนังควาย เสกตะปู ใบมีดโกนเข้าท้อง และทำเสห์น่ และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งด้านสว่าง คือเรียนวิชาเอามาช่วยเหลือคน แก้คนโดนของ ทำยันต์ไล่สัมภเวสีให้บ้านคนท้อง ดูดวง ต่อชะตา แก้อาถรรภ์ต่างๆ และอื่นๆ ตาเราเรียนมาทั้งสองทางค่ะ แต่เลือกที่จะปฎบัติในด้านสว่าง
เรื่องเล่าเรื่องแรกเป็นเรื่องของคนท้อง สมัยก่อน การแพทย์ยังไม่ไดี การทำคลอดต้องอาศัยหมอตำแยและหมอผี ไม่ผิดค่ะต้องพึ่งหมอผีด้วย เพราะเป็นความเชื่อว่า เด็กเกิดใหม่และหญิงเพิ่งคลอดจะอ่อนแอ สิ่งชั่วร้ายจะเข้ามาทำอันตรายได้ง่าย และคลอดที่บ้านด้วย วันที่คลอดนี้ต้องมีผู้เฒ่าผู้แก่มาเฝ้าสัก 2 3 คน ต้องจุดเทียนและกองไฟ ตลอดทั้งคืน มีการเอาพวกหนามเฟื่องฟ้า และ ใบสัปปะรดแขวนไว้ตามบ้าน กัน(ผีกระสือ) ว่านไฟเพื่อกันปอบมีการเสกคาถาอ้อมบ้าน และผ้ายันต์สีแดงแปะทางเข้าประตูหน้าต่าง
รูปว่านไฟค่ะ ตอนนี้ที่บ้านเราแม่ก็ยังปลูก
เอาภาพมาจาก Google ค่ะ
ปู่เล่าว่า ยายมี(นามสมมติ) ตอนยังสาว เป็นหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ตอนประมาณสี่ทุ่มสามียายมีวิ่งมาตามคุณตาให้ไปที่บ้านด่วน พอถึงบ้านยายมี ปรากฎว่าลมพัดแรงมาก ฝนทำท่าจะตก คือก่อนหน้านั้นตาไปทำพิธีให้แล้ว แต่สามียายมีเห็นว่า มีบางอย่างผิดปกติจึงมาตามตาไปอีกรอบ
พอตาขึ้นไปบนบ้านก็เห็นยายมีสลบเหมือบ หมอตำแยเดินมาบอกตาว่า คราวนี้หนัก ฝากด้วย แล้วหมอตำแยกรีบกลับบ้าน ส่วนคนที่เหลือ มี ยายผู้เฒ่า 2 3 คน และสามียายมี เฝ้าแม่และเด็ก แล้วฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ สักพักฝนก็หยุดอากาศจึงเย็นลง ตาบอกว่าตาเป็นคนไม่กลัวอะไรพวกนี้ยังขนลุกเลย
ด้วยชาวบ้านสมัยก่อนบ้านติดป่า ตาบอกว่าเห็นแสงไฟ สีม่วงแดงนวลๆ ลอยมาจากทางป่า 2 ดวง หมาเริ่มหอน และดวงไฟนั้นก็ค่อยๆลอยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พอใกล้จะมาถึง ดวงไฟนั้นก็หายไป หมาก็หอนกันใหญ่ เด็กก็ร้องไห้ใหญ่ ตาเราเริ่มสวดคาถา (ทำท่าพนมมือ แต่ไม่บอกว่าคาถาอะไร) สักพัก เสียงหมาหอนก็เงียบไป จนเวลาเลยถึงเที่ยงคืน เสียงหมาก็หอนอีกครั้ง ครั้งนี้หมาวิ่งมาที่ใต้ถุนบ้านยายมีและลมแรงขึ้น ทุกคนก็มากองกันที่กองไฟ ตาก็เริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง จนเห็นภาพหญิงวัยกลางคน 2 คน หน้าตาเฉยชา มีแต่หัวกับใส้แห้งๆ นิดเดียว ไม่มีแสงไฟแต่อย่างใด ลอยเข้ามาใกล้ๆ แกว่าคนอื่นไม่เห็นนะ มันเป็นสัมภเวสี ถ้าคนอื่นจะเห็นจะเห็นเป็นอย่างอื่นหรืออาจแค่รู้สึกได้ แกถามว่า "มาทำไม ใครใช้มา มีเจ้าของไหม" และมีเสียงตอบกลับว่า (กูหิว!) แล้วก็หายไป แล้วจู่ๆ ยายมีที่สลบอยู่ ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วร้องไห้ เมือนพยายามจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง แล้วจะอุ้มเด็กไปด้วย แล้วก็ร้องไห้ใหญ่แล้วบอกว่าแม่มาเรียกจะไปหาแม่(แม่แกเสียแล้ว) แล้วก็กริ๊ดๆๆๆ ว่าจะไปหาแม่ แม่มารับ จะไปอยู่กับแม่ สามียายมีกับยายผู้เฒ่าช่วยกันจับไว้ แล้วตะโกนด่าว่า "ถ้าเอามันไปกูจะจับเผา เอาน้ำมนต์กรอกปาก เอาข้าวสารเสกขว้าง จะหุบปากไหม" ตาเห็นท่าไม่ดี แกหยิบมีดขึ้นมา ท่องคาถา(ทำท่าท่องคาถา) แล้วเอามีดปีกลงตรงช่องว่างพื้นบ้าน(คิดออกไหม บ้านเมื่อก่อน 2 ชั้น บ้านไม้ เอาแผ่นไม่ทำพื้นบ้านแล้วจะมีช่องว่างอ่ะ) พอปักลงจึก! เสียงกริ๊ด ดังสนั่น เด็กก็ร้อง หมาหอนแรงกว่าเดิม คือหมามันรวมตัวที่ใต้ถุนบ้านยายมี ลมพัดแรงจนหลังคาที่มุงจากหญ้าคาเกือบหลุด แล้วทุกอย่างก็สงบลง ตาก็อยู่เฝ้าต่อแล้วกลับบ้านตอนเช้า พอสายๆแกก็กลับไปที่บ้านยายมีไปดูอาการ กำลังอยู่ไฟ ส่วนเด็กมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่แขนและหลัง ตาเอายาสมุนไพรให้ยายมีไว้รอยแดงเด็ก ส่วนสามีก็เฝ้าไม่ห่าง ยายผู้เฒ่าก็ยังคงทำหน้าที่เฝ้ายายมี ต่อไป อีก 5 คืน........