พระมหาเปรียญท่านย่อมรู้ และท่านต่างก็เทศน์สอนตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ในบทบาทที่ท่านรับผิดชอบ ซึ่งท่านคงไม่มีบทบาทมาแก้ต่างในนี้

ประเด็นเรื่องวัดฯบิดเบือนคำสอน มส.ตั้ง กก.สอบแล้วจบตั้งแต่ปี 2542 สรุปว่าไม่ได้บิดเบือนคำสอนฯ แต่ให้ปรับปวาทะ 4แห่ง ซึ่ง จอว.น้อมรับคำแนะนำจากพระผู้ใหญ่อย่างดุษฎี

ส่วนประเด็นในกระทู้ล้วนเป็นวังวน จุดไปจุดมาไม่สิ้นสุด...

แนะนำ ค้นกระทู้เก่าๆ มีสมาชิกหลายท่านตอบได้ดี เพียงบางท่านที่ไม่เชื่อมั่น ปักใจว่าเป็นแบบนั้น มักจะให้อ้างหลักฐาน ซึ่ง มส.สั่งเก็บไว้แล้ว

บิดเบือนคำสอนข้อไหนครับ
คือผมก็ไม่ได้เปรียญ9ประโยค เหมือนกัน
เลยไม่กล้าว่าท่านบิดเบือน

จขกท.น่าจะเปรียญ9แล้ว จึงกล้าฟันธง
ตกลงบิดเบือนข้อไหนบ้างครับ?

บางคนบอก พระพุทธเจ้าสอนให้ละ

แสดงว่า คิดไม่เป็น เพราะไม่รู้จัก ธรรมะบทหัวใจเศรษฐี ที่พระวัดต่างๆ ใช้เจิม บ้านโยม ตอนทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ว่า อุ อา กะ สะ

อุ อุปฐานสมปทา หมายถึง ขยันหาทรัพย์
อา อารักขสัมปทา หมานถึง ขยันเก็บทรัพย์
ก กัลยาณมิตตา หมายถึง คบคนดีเป็นมิตร จะได้ไม่ผลาญทรัพย์
ส สมชีวิตา หมายถึง เลี้ยงชีวิต อย่าฟุ่มเฟือย

หากทำได้อย่างนี้ ก็รวยไง หากคนที่คิดไม่เป็นเหล่านี้ มาเจอคำสอนพวกนี้ คงได้แต่ งง เอ้า นี่พระพุทธเจ้า ทำไมสอนให้รวย ทำไมไท่สอนให้ละล่ะ

แต่ศิษย์วัดพระธรรมกายที่คิดเป็น เขาตรองดูก็รู้ว่า อ๋อ ถ้าสอนโยม นี่พระพุทธเจ้าสอนให้รวยนะ

แต่ถ้าสอนพระนี่สอนให้ละนะ แค่นั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมาสื่อไปบิดเบือนว่าหลวงพ่อธัมมชโย สอนให้รวยอย่างเดียว เปล่า นั่นท่านสอนโยม

แต่ถ้าสอนพระ ท่านจะบอกชัดเจนว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ หรือผ้าเหลืองนี่น่ะ สูงค่ายิ่งกว่าสมบัติจักรพรรดิใดๆ นั่นคือ สอนให้ละสมบัติ มาบวชเป็นพระ และบวชให้ได้ตลอด นั่นเอง

ถ้าหลวงพ่อธัมมชัยโยบิดเบือนตำสอนจริง. ลูกศิษย์เปรียบเก้าทั้งหลายย่อมรู้และไม่เคารพ และคงจากไปไม่ยอมมาปกป่องหลวงพ่ออย่างปัจจุบัน...