บทเรียนชีวิต เน้นอารมณ์ ยังไม่สุด
ต้องบอกว่าแว๊บแรกที่เห็นชื่อนักแสดงนำ ผมนี่มือสั่นอยากดูในทันทีเลย ทั้ง Will Smith, Kate Winslet, Edward Norton, Keira Knightley และสมทบอีกมากมาย เรียกว่าอยู่จอเงินมามากกว่าสิบปีทั้งนั้น ... แอบชอบบทบาทและการแสดงของ Michael Pena เห็นมาหลายเรื่องละ เป็นคนที่เติมเต็มคนอื่นในเรื่องอยู่ตลอดเวลา
เรื่องคร่าวๆ (ไม่ย่อ มันเมื่อย ฮาาา) Howard (Smith) เจ้าของเอเจนซี่โฆษณา เรียกว่าเก่งกาจในวงการนี้ ต้องเจอกับการสูญเสียของตัวเอง จึงเขียนจดหมายไปหา ความรัก ความตาย เวลา ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เค้าสอนตัวเองมาตลอดว่ามีความสำคัญกับชีวิต แต่วันนึง เค้าได้เจอกับ ความรัก ความตาย และเวลา แบบตัวเป็นๆ ความน่าสนใจของเรื่องจึงเกิดขึ้น
ตรงๆเลย สำหรับผมหนังเรื่องนี้เศร้าเกินไป คือมันเป็นเลเวลการสูญเสียที่ผมเข้าไม่ถึง ... แต่หนังดีมากๆตรงนักแสดง (ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้) หนังให้ความสำคัญกับอารมณ์ของ Howard ซึ่งผมว่ามันเยอะไปนิด ส่วนตัวผมไม่ค่อยอิน ถึงแม้พี่แกจะเล่นดราม่ามาหลายเรื่อง แต่ก็ยังเห็นแวว Bad Boy, Suicide Squad, I am legend, Hitch ... ก็แกเล่นหลายเรื่องเนอะ ภาพนี่ซ้อนกันไปหลายฉาก ... มันไม่เหมือน Tom Cruise ที่เล่นหลายเรื่องแต่เป็นสายลับทุกเรื่อง ... เหมือน Sean William Scott ที่เล่นเรื่องไหน ผมก็คิดว่าแกเป็น Stifler ...
ส่วนคนอื่นผมก็ว่าดีนะ มาติดอีกนิดตรง Knightley ... ไม่รู้ทำไมคิดว่านางไม่สุด ดูแล้วไม่อินตามที่จะสื่อ ... มี Edward Norton นี่แหล่ะดูเป็นตัวเองดี
ผมไม่รู้ว่าสร้างจากเรื่องจริงหรือเปล่านะครับ สำหรับผมหนังมีความเศร้าแบบเกินความสมเหตุสมผลไปนิด (ก็อย่างที่บอกผมไม่อิน) แอบมีหักมุมอยู่แบบงงๆไปอีกด้วย ... ภาพรวมผมว่าเป็นหนังดีเรื่องนึงนะ แต่ผมว่ามันยังได้อีกนิด
ผมชอบ Cinematography แบบนี้ เน้น Close up เยอะๆ อารมณ์มาเต็ม จัดแสง Low Key นิดๆ การจัดวางภาพสี ทำได้ตามอารมณ์เป๊ะๆ
ข้อดีมากๆของเรื่องนี้เป็น ข้อคิดในการใช้ชีวิตครับ เมื่อคนๆนึงเจอปัญหามากๆจนไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้ทางออก มันอาจจะหน้ามืด หลงทางอยู่ หนังจะมีคำพูดอะไรหลายๆอย่างมาคอยชีนำ เหมือนเป็น Health Check ให้คนดูไปในตัวว่าเราอยู่สถานการณ์แบบนั้นมั้ย ส่วนตัวชอบ Quote ของเรื่องเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ " If only, we could be strangers again"
ด้วยความที่เป็นคนชอบดูหนังแล้วคิดตามว่า หนังเรื่องนี้สอนอะไร ได้อะไรจากการดูหนังบ้าง ...
หนังสอนบทเรียนชีวิตครับ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนรอบตัว การให้อภัย และช่วงเวลาของคริสต์มาส (ทำให้คิดถึงเรื่องโปรดของผม Love actullay เลย)
หนังชั่วโมงครึ่งเองครับ ไม่มีหนังเครดิตต่อท้ายเรื่อง
สิ่งหนึ่งที่ดังในหัวเมื่อหนังจบแล้ว ... ถ้าเราเป็นแบบ Howard เราจะทำยังไงดีนะ ...
==============================================================================
ขอบคุณ Major Cineplex มา ณ ที่นี้ด้วยคร๊าบ
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
จนกว่าจะพบกันใหม่
[SR] Collateral Beauty 7.3/10 (ไม่สปอย)
ต้องบอกว่าแว๊บแรกที่เห็นชื่อนักแสดงนำ ผมนี่มือสั่นอยากดูในทันทีเลย ทั้ง Will Smith, Kate Winslet, Edward Norton, Keira Knightley และสมทบอีกมากมาย เรียกว่าอยู่จอเงินมามากกว่าสิบปีทั้งนั้น ... แอบชอบบทบาทและการแสดงของ Michael Pena เห็นมาหลายเรื่องละ เป็นคนที่เติมเต็มคนอื่นในเรื่องอยู่ตลอดเวลา
เรื่องคร่าวๆ (ไม่ย่อ มันเมื่อย ฮาาา) Howard (Smith) เจ้าของเอเจนซี่โฆษณา เรียกว่าเก่งกาจในวงการนี้ ต้องเจอกับการสูญเสียของตัวเอง จึงเขียนจดหมายไปหา ความรัก ความตาย เวลา ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เค้าสอนตัวเองมาตลอดว่ามีความสำคัญกับชีวิต แต่วันนึง เค้าได้เจอกับ ความรัก ความตาย และเวลา แบบตัวเป็นๆ ความน่าสนใจของเรื่องจึงเกิดขึ้น
ตรงๆเลย สำหรับผมหนังเรื่องนี้เศร้าเกินไป คือมันเป็นเลเวลการสูญเสียที่ผมเข้าไม่ถึง ... แต่หนังดีมากๆตรงนักแสดง (ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้) หนังให้ความสำคัญกับอารมณ์ของ Howard ซึ่งผมว่ามันเยอะไปนิด ส่วนตัวผมไม่ค่อยอิน ถึงแม้พี่แกจะเล่นดราม่ามาหลายเรื่อง แต่ก็ยังเห็นแวว Bad Boy, Suicide Squad, I am legend, Hitch ... ก็แกเล่นหลายเรื่องเนอะ ภาพนี่ซ้อนกันไปหลายฉาก ... มันไม่เหมือน Tom Cruise ที่เล่นหลายเรื่องแต่เป็นสายลับทุกเรื่อง ... เหมือน Sean William Scott ที่เล่นเรื่องไหน ผมก็คิดว่าแกเป็น Stifler ...
ส่วนคนอื่นผมก็ว่าดีนะ มาติดอีกนิดตรง Knightley ... ไม่รู้ทำไมคิดว่านางไม่สุด ดูแล้วไม่อินตามที่จะสื่อ ... มี Edward Norton นี่แหล่ะดูเป็นตัวเองดี
ผมไม่รู้ว่าสร้างจากเรื่องจริงหรือเปล่านะครับ สำหรับผมหนังมีความเศร้าแบบเกินความสมเหตุสมผลไปนิด (ก็อย่างที่บอกผมไม่อิน) แอบมีหักมุมอยู่แบบงงๆไปอีกด้วย ... ภาพรวมผมว่าเป็นหนังดีเรื่องนึงนะ แต่ผมว่ามันยังได้อีกนิด
ผมชอบ Cinematography แบบนี้ เน้น Close up เยอะๆ อารมณ์มาเต็ม จัดแสง Low Key นิดๆ การจัดวางภาพสี ทำได้ตามอารมณ์เป๊ะๆ
ข้อดีมากๆของเรื่องนี้เป็น ข้อคิดในการใช้ชีวิตครับ เมื่อคนๆนึงเจอปัญหามากๆจนไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้ทางออก มันอาจจะหน้ามืด หลงทางอยู่ หนังจะมีคำพูดอะไรหลายๆอย่างมาคอยชีนำ เหมือนเป็น Health Check ให้คนดูไปในตัวว่าเราอยู่สถานการณ์แบบนั้นมั้ย ส่วนตัวชอบ Quote ของเรื่องเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยความที่เป็นคนชอบดูหนังแล้วคิดตามว่า หนังเรื่องนี้สอนอะไร ได้อะไรจากการดูหนังบ้าง ...
หนังสอนบทเรียนชีวิตครับ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนรอบตัว การให้อภัย และช่วงเวลาของคริสต์มาส (ทำให้คิดถึงเรื่องโปรดของผม Love actullay เลย)
หนังชั่วโมงครึ่งเองครับ ไม่มีหนังเครดิตต่อท้ายเรื่อง
สิ่งหนึ่งที่ดังในหัวเมื่อหนังจบแล้ว ... ถ้าเราเป็นแบบ Howard เราจะทำยังไงดีนะ ...
==============================================================================
ขอบคุณ Major Cineplex มา ณ ที่นี้ด้วยคร๊าบ
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
จนกว่าจะพบกันใหม่