[CR] ท่องเที่ยวแบบฉุกละหุกบุกอัมพวา!!!


คำเตือน
กระทู้ต่อไปนี้ เป็นกระทู้ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
แต่อาจมีภาษาวิบัติบ้างเพื่อความเป็นอรรถร๊สสสสในการรับชม


สวีดัด สวัสดีค่ะทุกท่าน ก่อนอื่นเลยขอเกริ่นสักนิดนึงถึงจุดเริ่มต้นของทริปนี้ว่ามีความเป็นไปเป็นมายังไง จริงๆแล้วทริปนี้เริ่มมาจากการที่พวกเราเห็นว่าวันที่ 12 ธันวา เป็นวันหยุดชดเชย เมื่อว่างความอยากเที่ยวจึงบังเกิด แต่ก็ไม่อยากเที่ยวในกทม. เพราะมีแต่ห้าง ห้าง และห้าง! เราเลยคิดว่าอยากจะที่ที่มันธรรมชาติ เนเชอรัลลล เลยได้ทำการเสิร์ชข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุง แล้วเราก็ได้มาเจอะกับ"อัมพวา"ในตอนแรกก็แบบ เหยยย เคยไปมาแล้ว จะไปอีกดีไหมน้อ ก็เลยเลื่อนไปเลื่อนมาแล้วก็ได้สะดุดตากับคำว่า  “อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์” ก็งงๆจึงลองกดเข้าไปดูว่าคืออะไรยังไง


และพบว่า...เห้ย คือทำไมเราไม่รู้จัก หรือคนอื่นรู้จัก แต่เราไม่รู้อยู่คนเดียว หรือคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้จัก เอ้ะ หรือยังไง 55555
แต่นั่นแหละค่ะ ทำให้เราเลยตัดสินใจเอ่ยปากชวน(แกมบังคับ)เพื่อนอีก 2 คน ให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนเรา เพราะไปคนเดียวเกรงว่าจะเหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจ และพวกมันก็รับปากตกลงด้วยเหตุผลที่ว่า พวกมันก็ไม่รู้จักเช่นกัน แล้วก็นอนเบื่อๆอยู่พอดี เลยทำให้ทริปนั้นเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและทันท่วงทียิ่งกว่าฟ้าแลบ แปรบๆ เข้ากลางใจ(เกี่ยวไหมมม)


ตัดภาพมา// เราหนึ่งคนและลูกสมุนอีกสองตัว เอ้ยสองคนก็มายืนงงกันอยู่ ณ จุดรวมตัว เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโครงการนี้นั้นอยู่ส่วนไหนของตลาดน้ำอัมพวา แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องลุยแล้วค่ะ สู้!!  //เพลงมา// วี้ อาาาา เดอะ แชมเปี้ยนนนนน
ร้องเพลงด้วยใจฮึกเหิมและตั้งกล้องถ่ายรูปแบบฮิปสะเตอเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย 1 2 3 แชะ

พวกเราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยเริ่มจากคอนโดย่าน RCA นะคะ จะสะดวกหน่อยเพราะเมื่อออกทางหลังคอนโด(ทางรพ.ปิยะเวท)แล้วจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเส้นจตุรทิศได้ทันที โอยยยขอบคุณในความสะดวกของที่ตั้งของคอนโดนี้ เมื่อเข้าเส้นทางนี้ได้ก็ง่ายมากๆแล้วค่ะ! เพราะเราสามารถตรงไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้เลย พอขึ้นทางด่วนแล้วอะไรๆก็ง่ายค่ะ(ทำไมเขียนให้อะไรก็ดูง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากปานนั้นเนี่ยเรา5555) คราวนี้เราก็ขับไปได้เรื่อยๆตามป้าย บางนา-ดาวคะนอง ไปให้ถูกช่องนะคะอย่าไปปาดหน้าบนด่วนเด้อ55555 พอไปตามทางบางนา-ดาวคะนองแล้วเราจะเจอกับแยกลงบางนา พอถึงตรงนี้ยังค่ะ…ยังไม่ต้องลง! ขับไปอีกแล้วมองหาป้ายไปพระราม2 สมุทรสาคร ขอให้ทุกท่านโชคดีลงถูกทางนะคะ ถ้าลงถูกทางแล้วเราจะเห็นโรงพยาบาลบางปะกอก ใกล้แล้วค่ะ เราใกล้ความจริงแล้ววววว เราได้มาถึงพระราม 2 แล้ว! ขับต่อไปเรื่อยๆเราก็จะเห็นเซ็นทรัลพระราม 2 อยู่ทางขวามือ แล้วเราก็ขับไปตามป้ายสมุทรสาคร ยาวยาวววววไปเลยค่า ยาวไปจนเจอแยกสองทางซ้ายขวา ซ้ายเข้าสมุทรสงคราม ขวาไปเพชรบุรี ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าสมุทรสงครามไปเลยค่ะ แล้วพอเลี้ยวเข้าไปแล้วระหว่างทางไปเราจะเจอกับป้ายบอกทางไปอัมพวาอยู่เรื่อยๆเลย มัน ง่าย มาก! การเดินทางไม่ซับซ้อนเลยจริงๆค่ะถ้าขึ้นทางด่วน ขับไปตามป้ายไปอัมพวารับรองว่าไม่หลงค่ะ เมื่อเข้าไปถึงที่หมายแล้วก็ทำการหาที่จอดรถได้เล้ยยย ที่นี่จะมีรับฝากรถให้นะคะ มีหลายเจ้าเลย ราคาก็พอๆกันหมด ส่วนพวกเราเองได้ขับเลยมาหน่อยแล้วเข้าไปจอดรถในบริเวณวัดอัมพวันเจติยาราม ค่าที่จอด 20 บาท เอาจริงก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าที่นี่มีลานจอดรถใหญ่ๆ พอดีพวกเราเห็นรถเข้ามาเยอะดีเลยมาจอดด้วย55555 บริเวณวัดก็จะมีลานจอดรถแล้วก็พวกร้านของฝากของกินเยอะแยะเลยค่ะ แต่เราต้องฮึ้บ! อดใจไว้ก่อนค่ะ ไปยังจุดมุ่งหมายก่อนอย่าเพิ่งวอกแวก(อันนี้พยายามบอกกับตัวเอง ว้ากกก)


***เพิ่มเติม สำหรับใครที่ไม่สะดวกจะนำรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถใช้บริการรถตู้ขนส่งสาธารณะไปอัมพวาได้เลยค่ะ โดยสามารถขึ้นรถตู้ได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ปิ่นเกล้า (ข้อมูลอัพเดตการย้ายที่ขึ้นรถตู้ของวันที่ 21 ต.ค. 2559)


เมื่อเราเดินมาเข้ามาภายในบริเวณตลาดน้ำเรื่อยๆจะเจอกับป้ายบอกทางเข้า เป็นป้ายเล็กๆแบบนี้ค่ะ

และเมื่อเราเดินเลี้ยวเข้ามาแล้วหันหลังไปจะพบเข้ากับ ป้ายนี้  ชะแว้บบ “อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์” ซึ่งนั่นแปลว่าเรามาถึงแล้วนั่นเอง~

จากนั้นเราจึงเดินเข้าไปเพื่อชมโครงการค่ะ โดยเมื่อเราเข้ามาจะเจอกับ แต่น แตน แต๊นน

“กังหันน้ำ” นี้นั่นเองงง ซึ่งกังหันนี้เกิดจากการสานกันของไม้ (ไม่แน่ใจว่าทำจากการจักรสานหรือเปล่า ) แต่ที่แน่ๆคือกังหันนี้หมุนวนตลอดเวลา สร้างความสดชื่นและความฮึกเหิมให้ลุยต่อไปท่ามกลางอากาศร้อนๆแบบนี้ได้ดี เอาล่ะ ลุยยย

และเมื่อเราเดินต่อเข้าไป จะพบกับลานวัฒนธรรมนาคะวะรังค์ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ลานเอนกประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชดจัดจำหน่ายสินค้า หรือการแสดงเพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมและรายได้เพิ่มมากขึ้น
(โดยรายละเอียดการแสดงในแต่ละวัน สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของทางศูนย์ได้ค่ะ เดี๋ยวแปะไว้ให้ตอนท้ายนะค้าาา)
แต่เนื่องจากวันที่ไปเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงทำให้ไม่มีการแสดงใดๆเลย มีชาวบ้านมาขายสินค้าเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น นั่นทำให้เราจะเสียใจเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไรค่ะ! เราจะเดินหน้าต่อค้นหาสิ่งที่น่าสนใจต่อไป เราเชื่อว่าต้องมีอะไรที่อะเมซิ่งรอเราอยู่แน่ๆ(ณ จุดนี้ ต้องปลอบใจตัวเองเข้าไว้)


หลังจากที่เราลัดเลาะมาทางซ้ายอีกนิด เราก็มาสะดุดตาเข้ากับ ป้ายที่เขียนว่า “เรือผีหลอก” ด้วยความสงสัยเราจึงเข้าไปถ่ายรูปด้วย เออะ...ไม่ใช่ ต้องเข้าไปสอบถามข้อมูลค่ะ แต่ไหนๆก็ไหนๆละ จับคุณเพื่อนมาถ่ายรูปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียพิธีซะหน่อย จัดไปอีก1รูป แชะ(ว้ายยย! แม่จ๋า ผีหลอกกลางวันแสกๆอมยิ้ม24)

และด้วยความอยากรู้อันเปี่ยมล้น เราจึงไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าเรือนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า เรือผีหลอกนั้น เป็นเรือที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่นำแผ่นไม้ มาติดกับตัวเรือ เพื่อให้เกิดการสะท้อนแสงในตอนกลางคืน เมื่อปลาว่ายผ่านมาเจอ ก็จะตกใจแล้วกระโดดเข้ามาภายในเรือเอง ง่อวว เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาของไทยที่ดีมาก เพราะทำให้ไม่ต้องเสียแรงในการจับให้ยุ่งยาก แถมยังได้ปลามาบริโภคจำนวนมากอีกด้วย สรุปแล้วเรือผีหลอกนี่ไม่ได้มีความเกี่ยวกับกุ๊ก กุ๊ก กู๋ แต่อย่างใดเลย โดยเจ้าเรือที่ว่านี้นั้น มีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

และนอกจากเรือผีหลอกลำนี้แล้วนั้น ยังมี ‘เรือมาด’ ซึ่งเป็นเรือโบราณ ที่ทำจากไม้ตะเคียน ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี และเป็นเรือลำสุดท้ายที่เคยใช้รับส่งผู้โดยสารในตลาดอัมพวาแห่งนี้ แต่ที่พิเศษคือเป็นเรือที่ใช้วิธีการขับเคลื่อนโดยการแจว หรือการใช้กำลังคนนั่นเอง

รวมถึงยังมีเรือจำลองในประเภทต่างๆ ซึ่งเกิดจากฝีมือในการแกะสลักของช่าง ซึ่งเราสามารถที่จะทดลองทำด้วยตนเองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมระบายสีภาพเรือ โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น




เมื่อเราเสร็จสิ้นกระบวนความ เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมาพบกับถนนเล็กๆ เพื่อข้ามฝั่งมายังอีกฝั่งหนึ่ง
ซึ่งเมื่อเราข้ามมา จะเห็นเป็นสวน สวน และสวน! แต่ช้าแต่ เนื่องจากอากาศในขณะนั้นมันช่างร้อนนัก พวกเราจึงอยากได้น้ำมาดับกระหายให้ชุ่มฉ่ำ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร้านน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า ซึ่งร้านนี้มีชื่อว่า “ภัทรพัฒน์(ชานชาลา)” โดยขายน้ำทั่วๆไปที่เราพบเห็นได้ปกติ


แต่เมื่อเราเข้าไปจึงได้พบว่า ร้านนี้นอกจากจะขายน้ำแล้วยังขายผลิตภัณฑ์จากโครงการ “ภัทรพัฒน์” อีกด้วย

>>สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ ภัทรพัฒน์ ได้ที่ http://ppantip.com/topic/35862290


พักผ่อนหลบแดด ดื่มน้ำเย็นๆกันเสร็จแล้ว เราก็ได้เดินดูไปรอบๆและพบว่าที่นี่มีการรองรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีเลยนะคะ ชาวบ้านในพื้นที่อบอุ่นม้ากกก รวมไปถึงมีแผ่นพับข้อมูลที่มีทั้งภาษาไทย อังกฤษและจีน ภายในแผ่นพับก็ทำให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจว่า อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ เป็นการจำลองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักของพ่อหลวง ร.๙ ของเรานั่นเองค่ะ

หลังจากนั้น เราจึงมุ่งหน้าต่อไปยังเตาตาล ซึ่งเพื่อนมีความคันไม้คันมืออยากทดลองเคี่ยวน้ำตาลดู เพราะเคยเห็นแต่ในทีวี เข้ามาภายในนี้แล้วไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะมีป้ายบอกทางเยอะมาก ทุกอย่างอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวดีเลยทีเดียว(ขนาดห้องน้ำทางไปสวนมะพร้าวยังสะอาดมากมากกก)

เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆเราก็ได้พบกับ “เตาตาล”  ถึงแล้วเหวย วะฮะฮ่า

แต่เหมือนโชคชะตาได้เล่นตลกกับเราอีกครั้ง เพราะการสาธิตการทำน้ำตาลนั้นได้จบลงไปแล้ว นาทีนี้ได้แต่ร้องเพลงว่า ฉัน เสียใจจจจ ที่ฉันชอบทำผิดไปทุกที //ผิด
ซึ่งสิ่งที่รอต้อนรับเราอยู่นั่นก็คือ กระทะเปล่า และกระบอกใส่น้ำตาล ที่ว่างเปล่าเช่นกัน ชีวิตอะไรจะเศร้าถึงเพียงนี้ โซแซดดด

**หากใครจะชมการสาธิตและทดลองทำ แนะนำว่าให้ไปประมาณ 9.00-10.00 น. อย่ามาสายแบบพวกเรา ไม่งั้นอดแน่ๆ


--- พื้นที่ไม่พอติดตามต่อกันข้างล่างค่าา ---
ชื่อสินค้า:   อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่