หากถามผมว่า ผมเที่ยว มาเยอะแยะแบบนี้ แล้ว มีที่ไหน ที่ผม ยังไม่ได้ไป คำตอบคือ จังหวัด ทางภาคอีสาน ครับ เพราะ ตั้งแต่เริ่มเที่ยวมา ไปมาหลายจังหวัด ยกเว้นทางภาคอีสาน นั่นแหละที่ไม่ค่อยได้ไป
ครั้งนี้ มีโอกาสได้ไป เที่ยว สกลนคร อีกหนึ่งจังหวัด ที่ ผมไม่เคยไปมาก่อนเลย จึงเป็นเป็นการไปเยือนสกลนคร ครั้งแรกในชีวิต
และหากถามผมว่าแล้ว ครั้งนี้ทพไมถึงเลือกที่จะมาเที่ยว สกลนคร คำตอบคือ เพราะ ที่ สกลนคร เป้นอีกหนึ่งจังหวัดที่ มีโครงการตามพระราชดำริ ตั้งอยู่
ก็เลยลองไปเที่ยว ตามรอยพ่อหลวงของเราว่า ที่สกลนคร มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
แล้วจะไปใหนดีละ เริ่มคิด หาสถานที่ จะไป
กด กูเกิ้ลไปเจอ ว่า ที่ สกลนครมี 1 ใน 24 เขาเล่าว่า อยู่ด้วย นั่นคือ ผ้าย้อมครามสกลนคร ก็เลยหาข้อมุล ว่า อยู่ที่ไหน ยังไง แล้วก็ ขับรถไปออกไปโลด กดไปเจอร้าน ต้นฝ้าย ใบคราม จำหน่าย ผ้าย้อมคราม ทุกชนิด ตั้งอยู่ ที่ อำเภออากาศอำนวย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโครงการส่งเสริม อาชีพให้แก่ชุมชน ของสกลนคร
เลยเข้าไปสอบถามจนทราบว่าที่ อำเภออากาศอำนวย มีกลุ่มทอผ้า ย้อมคราม อยู่ เลยติดต่อ ไปที่เทศบาล อากาศอำนวย ว่า จะขอเข้าไปดู วีธี การทำผ้าย้อมคราม ก็ได้รับการ ต้อนรับ จากท่าน รองปลัดเทศบาล นางประนอม งิ้วโสม เป้นคนพาไปดู วิธีการ ทำผ้าย้อมคราม ของคุณปร้าทองศิริ
ผ้าย้อมคราม สกลนคร เขาเล่าว่า … “ผ้า” สามารถช่วยบำรุงผิวของเราให้สวยได้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นำพืชโบราณที่เป็นที่เลื่องลือในสรรพคุณด้านสุขภาพมาย้อมสีผ้าแบบไร้สารเคมี ที่ทำให้เมื่อใส่จะรู้สึกเย็นสบาย ไม่ร้อน และถูกวิจัยมาแล้วโดยประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาว่า สามารถป้องกันรังสียูวีได้ แพทย์พื้นบ้านโบราณยังเชื่อว่า กลิ่นหอมของผ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังสามารถนำไปนึ่งเพื่อประคบบาดแผลลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
การทำผ้าย้อมคราม มีกรรมวิธี แบบดั้งเดิม และ แบบใหม่ เพื่อให้ทันกับ ออร์เดอร์ ที่สั่งเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งเยอะมากๆ เพราะ ต่างประเทศชอบผ้าย้อมคราม ชนิดนี้มากครับ
เมื่อ ได้ ข้อมุล และชมความงาม ของ ผ้าย้อมครามกันแล้ว ผมก็ ขับรถเข้าเมือง เพื่อไปยัง สถานที่ อื่นต่อไปครับ
ใครมาสกลนคร ไม่ได้ แวะมา สักการะเกจิดั่งแห่งแดนอิสาน แสดงว่ามาไม่ถึง สกลนคร
วัดป่าสุทธาวาส
หลวงปู่เสาร์ กันตสีลเถระ กับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระได้รับการอาราธนาจาก อุบาสิกาสามพี่น้อง ได้แก่ นางนุ่ม, นางนิล ชุวานนท์ และนางลูกอินทร์ วัฒนสุชาติ ผู้มีความเลื่อมใสในพระอาจารย์ทั้งสอง มาจำพรรษา ณ เสนาสนะป่าบ้านบาก ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ต่อมาจึงได้จัดสร้างเป็นวัดป่าสุทธาวาสในเวลาต่อมา
ภายหลังที่ท่านจากภาคเหนือมาจำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวศน์ จ.อุดรธานีแล้ว คณะศรัทธาชาวสกลนครได้กราบอาราธนาท่านมาจำพรรษา ณ วัดป่าสุทธาวาสอีกครั้งใน พ.ศ. ๒๔๘๔ แล้วท่านจึงไปจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านโคก จวบจนวาระที่ท่านใกล้มรณภาพจึงได้มาทิ้งขันธ์ ณ วัดป่าสุทธาวาสใน พ.ศ. ๒๔๙๒
ภาพในปัจจุบัน
วัดป่าสุทธาวาสในปัจจุบันกลายสภาพเป็นวัดป่ากลางเมือง เป็นสำนักเรียนสำคัญของพระภิกษุสงฆ์ในสกลนคร ปูชนิยสถานสำคัญภายในวัดนอกจากอุโบสถและพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่นแล้ว ก็ยังมี “จันทสารเจติยานุสรณ์” เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จนฺทสาโรอีกด้วย โดยเจดีย์นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชกระแสว่า
“ควรสร้างเจดีย์ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้ มีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านจะได้อยู่ใกล้กัน”
และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ร่างแบบเจดีย์องค์นี้ ด้วยพระองค์เอง พระราชทาน
ตกเย็น ผม จึงไปหา โรงแรม นอนในเมือง พร้อมกับ หาอาร ทานแถว ตลาดดต้รุ่ง แยก ธนาคารกรุงศรี ครับ ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ ลืม
เช้าวันที่สองผม เริ่มต้นด้วยการขับรถไปยังภูพาน เพราะ ตามข้อมุล จะมี น้ำตก สวยๆ อยู่สองสามแห่ง แต่พอไปถึง กลับไม่มีน้ำตกให้ดู เพราะ เป้นหน้าแล้ง น้ำแห้ง จนไม่มีน้ำสักหยด จึง เปลี่ยนเป้าหมายไปยัง
วัดถ้ำผาเเด่น
วัดถ้ำผาแด่น “หินเทพ” แห่งแดนอีสาน ณ จังหวัดสกลนคร
สถานที่ตั้งของวัดถ้ำผาแด่น: วัดถ้ำผาแด่น ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาภูพาน และภูผายล ใกล้หมู่บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร หากจะเดินทางมาที่นี่ ผมขอเริ่มจากตัวเมืองสกลนคร ใช้เส้นทางสกลนคร – กาฬสินธุ์ หมายเลข 233 ผ่านสี่แยกบายพาส ถึงไทวัสดุ ให้ชะลอรถ จะมี 3 แยกที่บ้านศรีวิชา ถนนหมายเลข 2339 มีป้ายบอกทางเล็กๆว่าไปวัดถ้ำผาแด่น และ ไปอำเภอเต่างอย เลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 10 กม.ถึงบ้านดงน้อย มีป้ายบอกว่า ไปถ้ำผาแด่น เลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเข้าหมู่บ้านไปอีก 3 กม . เป็นขึ้นภูเขา ถนนสะดวกสบาย เป็นถนนคอนกรีตจนถึงวัด
วัดนี้ จะมีการแกะสลักหินทราย เป้นรูปเทพ และ พระ รวมทั้ง สัตว์ในวรรณคดี ต่างๆ ไว้มากมาย และสวยงาม
อยู่บนเขา จึงมีอากาศ เย็นสบาย และทางวัดก็ ปรับปรุง ภูมิทัศน์ ให้สวยงาม น่ามา พักผ่อนหย่อนใจ ไม่น้อย
ออกจาก วัดถ้ำผาแด่น ก็เกือบๆเที่ยง เลยตั้งใจไปหาอะไรทายซะหน่อย และแน่นอนมาสกลนคร ถ้าไม่มาลอง ลองโคขุน นี่ถือว่าพลาดๆมากๆ
ฟาร์มฮัก …Farm Hug หรือร้านโคขุนคุณทอง
เป้นที่ โด่งดังมากๆ อยู่พักหนึ่ง เพราะ เป้นปรากฏการณ์บน FB ที่โผล่มาหน้า New feed เยอะมาก แต่ก็ได้ผลนะครับ เพราะ ร้านแรกที่ผม ตั้งใจไปกินก้ร้านนี้ ถึงแม้ จะมีคนบอกว่า ร้าน โคขุนเตาถ่าน อร่อยกว่า
มาคนเดียว ก็ไม่รู้จะสั่งอะไรมากมาย เลยสั่ง เนื้อโคขุน กะทะร้อน กับ ส้มตำมากิน ก้อร่อยดีครับ เนื้อนุ่มๆ ร้อนๆ แต่ผมไม่สามารถเทียบกับอีกร้านได้ เพราะ ค่ำวันนั้นผมไป ร้านโคขุน เจ้าดังอีกร้าน คนเยอะจนไม่สามารถ รอได้ เลยอดไปตามระเบียบ
ทานเสร็จแล้ว ก็สามารถ ไปถ่ายรูป เดินชม ฟาร์มแกะ ได้ครับ ใครอยากป้อนอาหารแกะ ก้สามารถซื้อได้ ครับ เพราะ แกะที่นี่ ก้มีหลายตัวทีเดียว เสียดาย ที่ ผมไปตอนเที่ยง อากาศร้อนมาก เลย อยู่ไม่นาน
ออกจาก ฟาร์มฮักผมก็ ขับรถไปยัง อีกหนึ่ง สถานที่ ห้ามพลาด ตามที่ได้ข้อมุล มาครับ นั่นคือ
ย่านตึกเก่า ต.ท่าแร่
ที่นี่จะมีตึกเก่าที่สร้างแบบศิลปะ ชิโนโปรตุกรีส คล้ายๆที่ จ.ภูเก็ดนะครับ
เหมาะกับมาถ่ายรูปแนวย้อยยุค นะครับ
ครมาท่าแร่ ช่วง คริสมาสต์ จะ เจอประเพณีแห่ดาว ในทุกๆ วันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ชุมชนแห่งนี้จะจัดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส โดยจัด “ขบวนแห่ดาวคริสต์มาส” ที่ อ.เมือง โดยเชื่อว่า “ดาว” เป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู ขบวนรถจะตกแต่ง ด้วยดาวขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยดวงไฟวิทยาศาสตร์หลากสีสันอย่างสวยงาม และจะสื่อถึงเรื่องราวการประสูติของพระเยซู ในทุกปีจะมีรถดาวเข้าร่วมขบวนประมาณ 200 คัน ชาวบ้านก็จะตกแต่งโคมไฟรูปดาวไว้ที่หน้าบ้าน จากนั้นเป็นการเฉลิมฉลองในหมู่ชาวคริสต์ มีการร้องเพลงประสานเสียง การประกวดร้องเพลงคริสต์มาส มีการจำหน่ายสินค้าและมีมหรสพทั้งคืน
บางอาคารยังคงมีสภาพ ที่สวย และสมบรูนณ์ อยู่ครับ
ผมใช้เวลา เดินเล่น ชมความงามอยู่พักใหญ่ ก็แวะไปยัง
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ….
โชคดี ที่ช่วงผมไป มีการจัดพิธีแต่งงาน พอดี เลยได้ มีโอกาส ไป ยืนดู พิธีแต่งงาน แบบชาวคริสต์ ของ คนท่าแร่ครับ เป้นการจัดงานแบบน่ารักๆ เล็กๆ คนร่วมงาน ไม่ถึง 100 คน เองครับ
ถือว่าเป็น โบสถ์ ที่สวย มากๆ ในเมืองไทยเราที่หนึ่งนะครับ
อกจากบ้าน ท่าแร่ ก็ บ่ายแก่ๆ ผมแวะไปเยือนยัง
อุทยานบัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ
ว่ากันว่าเป็น อุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ครับ
ที่นี่เหมาะปก่การ มาพักผ่อน จริงๆครับ เพราะ ที่ผมไป เห็นมี ครอบครัว พ่อแม่ลูก มาพักผ่อน พ่อยืนวาดภาพ แม่ก็พาลูกมา นั่งเล่น ชมบัว ที่นี่
หรือแม้แต่ วัยรุ่น หนุ่ม สาว คู่รัก ก็พากันมาเดินเล่น ในช่วง บ่ายแก่ๆ รับแดดอ่อนๆ ยามเย็น
หรือใครขี้เกียจเดิน ก็ยังมี จักรยานให้เช่าปั่น เล่น ชมบึงบัวได้ นะครับ
ใกล้ค่ำแล้ว ผมก้ขับรถไปยังจุดหมาย ที่ผมตั้งใจ ไปเก็บ แสงเย้น และ ชมพระอาทิตยืตกสวยๆ ไกล้ๆ กับ อุทยานบัวครับ นั่นค่อ
หนองหารสกลนคร
หนองหาร ที่ตั้งและอาณาเขต หนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งอยู่ประมาณเส้นรุ้งที่ 107 องศา 6 ลิปดาเหนือ กับเส้นแวงที่ 104 องศา 8 ลิปดาตะวันออกถึง 104 องศา 18 ลิปดาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 158 เมตร ความกว้างประมาณ 7 กิโลเมตร ยาว 18 กิโลเมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตการปกครองเทศบาลเมืองสกลนคร กับอีก 10 ตำบล ของอำเภอเมืองสกลนครและอำเภอโพนนาแก้ว ได้แก่ ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลธาตุนาเวง ตำบลเชียงเครือ ตำบลท่าแร่ ตำบลนาแก้ว ตำบลบ้านแป้น ตำบลนาตงวัฒนา ตำบลม่วงลายตำบลเหล่าปอแดง และตำบลงิ้วด่อน
สกลนคร ไปนอนเล่นคนเดียว เที่ยว สโลว์ไลฟ์ สบายๆ ชิลล์ๆ
หากถามผมว่า ผมเที่ยว มาเยอะแยะแบบนี้ แล้ว มีที่ไหน ที่ผม ยังไม่ได้ไป คำตอบคือ จังหวัด ทางภาคอีสาน ครับ เพราะ ตั้งแต่เริ่มเที่ยวมา ไปมาหลายจังหวัด ยกเว้นทางภาคอีสาน นั่นแหละที่ไม่ค่อยได้ไป
ครั้งนี้ มีโอกาสได้ไป เที่ยว สกลนคร อีกหนึ่งจังหวัด ที่ ผมไม่เคยไปมาก่อนเลย จึงเป็นเป็นการไปเยือนสกลนคร ครั้งแรกในชีวิต
และหากถามผมว่าแล้ว ครั้งนี้ทพไมถึงเลือกที่จะมาเที่ยว สกลนคร คำตอบคือ เพราะ ที่ สกลนคร เป้นอีกหนึ่งจังหวัดที่ มีโครงการตามพระราชดำริ ตั้งอยู่
ก็เลยลองไปเที่ยว ตามรอยพ่อหลวงของเราว่า ที่สกลนคร มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
แล้วจะไปใหนดีละ เริ่มคิด หาสถานที่ จะไป
กด กูเกิ้ลไปเจอ ว่า ที่ สกลนครมี 1 ใน 24 เขาเล่าว่า อยู่ด้วย นั่นคือ ผ้าย้อมครามสกลนคร ก็เลยหาข้อมุล ว่า อยู่ที่ไหน ยังไง แล้วก็ ขับรถไปออกไปโลด กดไปเจอร้าน ต้นฝ้าย ใบคราม จำหน่าย ผ้าย้อมคราม ทุกชนิด ตั้งอยู่ ที่ อำเภออากาศอำนวย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโครงการส่งเสริม อาชีพให้แก่ชุมชน ของสกลนคร
เลยเข้าไปสอบถามจนทราบว่าที่ อำเภออากาศอำนวย มีกลุ่มทอผ้า ย้อมคราม อยู่ เลยติดต่อ ไปที่เทศบาล อากาศอำนวย ว่า จะขอเข้าไปดู วีธี การทำผ้าย้อมคราม ก็ได้รับการ ต้อนรับ จากท่าน รองปลัดเทศบาล นางประนอม งิ้วโสม เป้นคนพาไปดู วิธีการ ทำผ้าย้อมคราม ของคุณปร้าทองศิริ
ผ้าย้อมคราม สกลนคร เขาเล่าว่า … “ผ้า” สามารถช่วยบำรุงผิวของเราให้สวยได้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นำพืชโบราณที่เป็นที่เลื่องลือในสรรพคุณด้านสุขภาพมาย้อมสีผ้าแบบไร้สารเคมี ที่ทำให้เมื่อใส่จะรู้สึกเย็นสบาย ไม่ร้อน และถูกวิจัยมาแล้วโดยประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาว่า สามารถป้องกันรังสียูวีได้ แพทย์พื้นบ้านโบราณยังเชื่อว่า กลิ่นหอมของผ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังสามารถนำไปนึ่งเพื่อประคบบาดแผลลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
การทำผ้าย้อมคราม มีกรรมวิธี แบบดั้งเดิม และ แบบใหม่ เพื่อให้ทันกับ ออร์เดอร์ ที่สั่งเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งเยอะมากๆ เพราะ ต่างประเทศชอบผ้าย้อมคราม ชนิดนี้มากครับ
เมื่อ ได้ ข้อมุล และชมความงาม ของ ผ้าย้อมครามกันแล้ว ผมก็ ขับรถเข้าเมือง เพื่อไปยัง สถานที่ อื่นต่อไปครับ
ใครมาสกลนคร ไม่ได้ แวะมา สักการะเกจิดั่งแห่งแดนอิสาน แสดงว่ามาไม่ถึง สกลนคร
วัดป่าสุทธาวาส
หลวงปู่เสาร์ กันตสีลเถระ กับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระได้รับการอาราธนาจาก อุบาสิกาสามพี่น้อง ได้แก่ นางนุ่ม, นางนิล ชุวานนท์ และนางลูกอินทร์ วัฒนสุชาติ ผู้มีความเลื่อมใสในพระอาจารย์ทั้งสอง มาจำพรรษา ณ เสนาสนะป่าบ้านบาก ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ต่อมาจึงได้จัดสร้างเป็นวัดป่าสุทธาวาสในเวลาต่อมา
ภายหลังที่ท่านจากภาคเหนือมาจำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวศน์ จ.อุดรธานีแล้ว คณะศรัทธาชาวสกลนครได้กราบอาราธนาท่านมาจำพรรษา ณ วัดป่าสุทธาวาสอีกครั้งใน พ.ศ. ๒๔๘๔ แล้วท่านจึงไปจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านโคก จวบจนวาระที่ท่านใกล้มรณภาพจึงได้มาทิ้งขันธ์ ณ วัดป่าสุทธาวาสใน พ.ศ. ๒๔๙๒
ภาพในปัจจุบัน
วัดป่าสุทธาวาสในปัจจุบันกลายสภาพเป็นวัดป่ากลางเมือง เป็นสำนักเรียนสำคัญของพระภิกษุสงฆ์ในสกลนคร ปูชนิยสถานสำคัญภายในวัดนอกจากอุโบสถและพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่นแล้ว ก็ยังมี “จันทสารเจติยานุสรณ์” เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จนฺทสาโรอีกด้วย โดยเจดีย์นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชกระแสว่า
“ควรสร้างเจดีย์ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้ มีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านจะได้อยู่ใกล้กัน”
และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ร่างแบบเจดีย์องค์นี้ ด้วยพระองค์เอง พระราชทาน
ตกเย็น ผม จึงไปหา โรงแรม นอนในเมือง พร้อมกับ หาอาร ทานแถว ตลาดดต้รุ่ง แยก ธนาคารกรุงศรี ครับ ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ ลืม
เช้าวันที่สองผม เริ่มต้นด้วยการขับรถไปยังภูพาน เพราะ ตามข้อมุล จะมี น้ำตก สวยๆ อยู่สองสามแห่ง แต่พอไปถึง กลับไม่มีน้ำตกให้ดู เพราะ เป้นหน้าแล้ง น้ำแห้ง จนไม่มีน้ำสักหยด จึง เปลี่ยนเป้าหมายไปยัง
วัดถ้ำผาเเด่น
วัดถ้ำผาแด่น “หินเทพ” แห่งแดนอีสาน ณ จังหวัดสกลนคร
สถานที่ตั้งของวัดถ้ำผาแด่น: วัดถ้ำผาแด่น ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาภูพาน และภูผายล ใกล้หมู่บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร หากจะเดินทางมาที่นี่ ผมขอเริ่มจากตัวเมืองสกลนคร ใช้เส้นทางสกลนคร – กาฬสินธุ์ หมายเลข 233 ผ่านสี่แยกบายพาส ถึงไทวัสดุ ให้ชะลอรถ จะมี 3 แยกที่บ้านศรีวิชา ถนนหมายเลข 2339 มีป้ายบอกทางเล็กๆว่าไปวัดถ้ำผาแด่น และ ไปอำเภอเต่างอย เลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 10 กม.ถึงบ้านดงน้อย มีป้ายบอกว่า ไปถ้ำผาแด่น เลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเข้าหมู่บ้านไปอีก 3 กม . เป็นขึ้นภูเขา ถนนสะดวกสบาย เป็นถนนคอนกรีตจนถึงวัด
วัดนี้ จะมีการแกะสลักหินทราย เป้นรูปเทพ และ พระ รวมทั้ง สัตว์ในวรรณคดี ต่างๆ ไว้มากมาย และสวยงาม
อยู่บนเขา จึงมีอากาศ เย็นสบาย และทางวัดก็ ปรับปรุง ภูมิทัศน์ ให้สวยงาม น่ามา พักผ่อนหย่อนใจ ไม่น้อย
ออกจาก วัดถ้ำผาแด่น ก็เกือบๆเที่ยง เลยตั้งใจไปหาอะไรทายซะหน่อย และแน่นอนมาสกลนคร ถ้าไม่มาลอง ลองโคขุน นี่ถือว่าพลาดๆมากๆ
ฟาร์มฮัก …Farm Hug หรือร้านโคขุนคุณทอง
เป้นที่ โด่งดังมากๆ อยู่พักหนึ่ง เพราะ เป้นปรากฏการณ์บน FB ที่โผล่มาหน้า New feed เยอะมาก แต่ก็ได้ผลนะครับ เพราะ ร้านแรกที่ผม ตั้งใจไปกินก้ร้านนี้ ถึงแม้ จะมีคนบอกว่า ร้าน โคขุนเตาถ่าน อร่อยกว่า
มาคนเดียว ก็ไม่รู้จะสั่งอะไรมากมาย เลยสั่ง เนื้อโคขุน กะทะร้อน กับ ส้มตำมากิน ก้อร่อยดีครับ เนื้อนุ่มๆ ร้อนๆ แต่ผมไม่สามารถเทียบกับอีกร้านได้ เพราะ ค่ำวันนั้นผมไป ร้านโคขุน เจ้าดังอีกร้าน คนเยอะจนไม่สามารถ รอได้ เลยอดไปตามระเบียบ
ทานเสร็จแล้ว ก็สามารถ ไปถ่ายรูป เดินชม ฟาร์มแกะ ได้ครับ ใครอยากป้อนอาหารแกะ ก้สามารถซื้อได้ ครับ เพราะ แกะที่นี่ ก้มีหลายตัวทีเดียว เสียดาย ที่ ผมไปตอนเที่ยง อากาศร้อนมาก เลย อยู่ไม่นาน
ออกจาก ฟาร์มฮักผมก็ ขับรถไปยัง อีกหนึ่ง สถานที่ ห้ามพลาด ตามที่ได้ข้อมุล มาครับ นั่นคือ
ย่านตึกเก่า ต.ท่าแร่
ที่นี่จะมีตึกเก่าที่สร้างแบบศิลปะ ชิโนโปรตุกรีส คล้ายๆที่ จ.ภูเก็ดนะครับ
เหมาะกับมาถ่ายรูปแนวย้อยยุค นะครับ
ครมาท่าแร่ ช่วง คริสมาสต์ จะ เจอประเพณีแห่ดาว ในทุกๆ วันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ชุมชนแห่งนี้จะจัดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส โดยจัด “ขบวนแห่ดาวคริสต์มาส” ที่ อ.เมือง โดยเชื่อว่า “ดาว” เป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู ขบวนรถจะตกแต่ง ด้วยดาวขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยดวงไฟวิทยาศาสตร์หลากสีสันอย่างสวยงาม และจะสื่อถึงเรื่องราวการประสูติของพระเยซู ในทุกปีจะมีรถดาวเข้าร่วมขบวนประมาณ 200 คัน ชาวบ้านก็จะตกแต่งโคมไฟรูปดาวไว้ที่หน้าบ้าน จากนั้นเป็นการเฉลิมฉลองในหมู่ชาวคริสต์ มีการร้องเพลงประสานเสียง การประกวดร้องเพลงคริสต์มาส มีการจำหน่ายสินค้าและมีมหรสพทั้งคืน
บางอาคารยังคงมีสภาพ ที่สวย และสมบรูนณ์ อยู่ครับ
ผมใช้เวลา เดินเล่น ชมความงามอยู่พักใหญ่ ก็แวะไปยัง
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ….
โชคดี ที่ช่วงผมไป มีการจัดพิธีแต่งงาน พอดี เลยได้ มีโอกาส ไป ยืนดู พิธีแต่งงาน แบบชาวคริสต์ ของ คนท่าแร่ครับ เป้นการจัดงานแบบน่ารักๆ เล็กๆ คนร่วมงาน ไม่ถึง 100 คน เองครับ
ถือว่าเป็น โบสถ์ ที่สวย มากๆ ในเมืองไทยเราที่หนึ่งนะครับ
อกจากบ้าน ท่าแร่ ก็ บ่ายแก่ๆ ผมแวะไปเยือนยัง
อุทยานบัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ
ว่ากันว่าเป็น อุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ครับ
ที่นี่เหมาะปก่การ มาพักผ่อน จริงๆครับ เพราะ ที่ผมไป เห็นมี ครอบครัว พ่อแม่ลูก มาพักผ่อน พ่อยืนวาดภาพ แม่ก็พาลูกมา นั่งเล่น ชมบัว ที่นี่
หรือแม้แต่ วัยรุ่น หนุ่ม สาว คู่รัก ก็พากันมาเดินเล่น ในช่วง บ่ายแก่ๆ รับแดดอ่อนๆ ยามเย็น
หรือใครขี้เกียจเดิน ก็ยังมี จักรยานให้เช่าปั่น เล่น ชมบึงบัวได้ นะครับ
ใกล้ค่ำแล้ว ผมก้ขับรถไปยังจุดหมาย ที่ผมตั้งใจ ไปเก็บ แสงเย้น และ ชมพระอาทิตยืตกสวยๆ ไกล้ๆ กับ อุทยานบัวครับ นั่นค่อ
หนองหารสกลนคร
หนองหาร ที่ตั้งและอาณาเขต หนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งอยู่ประมาณเส้นรุ้งที่ 107 องศา 6 ลิปดาเหนือ กับเส้นแวงที่ 104 องศา 8 ลิปดาตะวันออกถึง 104 องศา 18 ลิปดาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 158 เมตร ความกว้างประมาณ 7 กิโลเมตร ยาว 18 กิโลเมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตการปกครองเทศบาลเมืองสกลนคร กับอีก 10 ตำบล ของอำเภอเมืองสกลนครและอำเภอโพนนาแก้ว ได้แก่ ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลธาตุนาเวง ตำบลเชียงเครือ ตำบลท่าแร่ ตำบลนาแก้ว ตำบลบ้านแป้น ตำบลนาตงวัฒนา ตำบลม่วงลายตำบลเหล่าปอแดง และตำบลงิ้วด่อน