เราเดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปีนี้กันแล้วววว เช่นเดียวกันที่พวกเราสามคนเพิ่งผ่านมรสุมไฟนอลของนิสิตปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยมา
กว่าจะพากันผ่านมาและได้มีเวลามาเที่ยวตามในกระทู้นี้นี่ แทบจะตายกันไปข้างเลยค่ะ
ช่วงนี้การท่องเที่ยวตามรอยพ่ออย่าง
โครงการในพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้รับความสนใจมากขึ้น
พวกเราก็เลยมองหาโครงการในพระราชดำริที่
ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีกิจกรรมน่าสนใจและมุมถ่ายภาพสวยๆ
หลังจากลองหาข้อมูลอยู่หลายที่ก็สรุปว่าเป็นที่นี่ค่ะ
' ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ' จ.ฉะเชิงเทรา
' แหล่งฝึกอบรม และศึกษาเชิงวิชาการ เพื่อพัฒนาการเกษตรและอาชีพให้กับเกษตรกรในภาคตะวันออก '
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นศูนย์ศึกษาและพัฒนาทั้งด้านเกษตรกรรมและงานศิลปาชีพแก่เกษตรกรและคนทั่วไปที่สนใจ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro tourism) ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงตามแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งปัจจุบันก็เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่จะมาแบบเดี่ยว ครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่ม เป็นหมู่คณะก็ได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณข้อมูลจาก : http://70waysofking.tourismthailand.org/
การเดินทาง
ทริปนี้เราเริ่มต้นออกเดินทางที่กรุงเทพฯ จากสะพานใหม่มารามอินทราจนเข้าสู่ถนนสุวินทวงศ์
แล้วก็ตาม GPS ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ตรงเป๊ะ เดินทางง่ายมาก พวกเราเดินทางกันในวันเสาร์ประมาณสิบโมง ซึ่งก็สบายๆ รถไม่เยอะ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ตั้งอยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 51-52 ของถนนหมายเลข 304 ค่ะ
และเป็นความผิดของพวกเราเองที่มัวแต่ Facebook live กันอย่างเมามันส์จนลืมถ่ายรูปเส้นทางไปซะสนิท พวกเราขอรับผิดแต่โดยดีค่ะ
ใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึงแล้ววววว จะเห็นป้ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนแบบนี้ด้านขวามือ
ตรงที่ยูเทิร์นพอดีค่ะ สามารถเลี้ยวขวาเข้าไปได้เลย
เข้ามาปุ๊บก็จะเจอกับลานจอดรถก่อนเลยค่ะ รวมทั้งร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกด้วย
ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ มีรถรางให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะและยังมีบริการวิทยากรที่นำเที่ยวและให้ความรู้ในจุดเรียนรู้จุดต่างๆ ด้วย แต่เหมือนจะต้องจองไว้ล่วงหน้าก่อนมานะคะ นักท่องเที่ยวสามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปเองได้ซึ่งสามารถรับแผนที่ได้ที่จุดนี้เลยค่ะ พวกเรามากันสามคนก็เลือกใช้รถส่วนตัวเข้าไปเองเหมือนกันค่าาาา
แผนที่ชมจุดต่างๆ ภายในศูนย์การศึกษาเขาหินซ้อนค่ะ ลืมถ่ายอีกแล้ว แฮะๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดที่ 1 :
อ่างเก็บน้ำ 14
เป็นจุดแรกที่เราแวะเลยค่ะ วิวสวยมากกกกกกกกกกกก วันที่ไปก็อากาศดี ได้ภาพสวยๆ จากตรงนี้มาเยอะมาก
ตรงจุดนี้มีศาลาให้นั่งชมวิวได้ด้วยนะคะ แล้วก็ยังใกล้กับตึกที่เป็นศูนย์บริการของเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ
อ่างเก็บน้ำ 14 เป็นการปฏิบัติตามแนวพระราชดำริเพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์เวลาหน้าแล้งหรือขาดแคลน
อย่างการทำเกษตรกรรม เพาะปลูก หรือนำมาใช้อุปโภค บริโภคค่ะ
จุดที่ 2 :
สวนพฤกษศาสตร์
ถัดมาไม่ไกลจากจุดแรกเลยค่ะ จะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่รวมพันธุ์ไม้หายากต่างๆ เอาไว้ให้เดินชมกันค่ะ
ซึ่งมีต้นไม้หลายพันธุ์มากๆ ที่ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน เพราะพวกเรารู้จักกันแค่ต้นสักต้นเดียวเท่านั้น.______.
จุดที่ 3 :
สวนสมุนไพร
จุดนี้จะมีสมุนไพรชนิดต่างๆ ให้ดูมากมายค่ะ พร้อมป้ายชื่อบอกสรรพคุณ มีการทำเหมือนเป็นroute mapให้เดินตามทาง
ที่ถูกใจสาวสายนวดอย่างพวกเราคือ มีกิจกรรมอบสมุนไพรและนวดแผนไทยในโซนนี้ด้วยค่ะ
เดินกันเมื่อยๆ อยากพักผ่อน นวดขา นวดตัว อบสมุนไพร สบายๆ ก็สามารถทำได้ตรงนี้เลยค่ะ
จุดที่ 4 :
ห้วยเจ๊ก
ระหว่างทางเปลี่ยนจากจุดนึงไปจุดอื่นๆ ก็จะผ่านเหมือนกับอ่างเก็บน้ำที่มีหินอยู่ตรงกลางแบบนี้ เรียกว่า 'ห้วยเจ๊ก' ค่ะ
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระราชทานเงินที่ประชาชนน้อมเกล้าฯ ถวาย
มาสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำไว้ใช้เมื่อจำเป็น เพราะที่เดิมเคยเป็นที่ปลูกผักของชาวจีน เลยมีชื่อเรียกว่าห้วยเจ๊กค่ะ
จุดที่ 5 :
ทฤษฎีใหม่
ระหว่างทางไปอีกจุดซ้ายมือเป็นห้วยเจ๊ก ขวามือก็จะเป็นการสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่
และการเกษตรแบบผสมผสานแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
หรือที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง 30 : 30 : 30 : 10 ที่ส่งเสริมให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง พออยู่ พอกินค่ะ
จุดที่ 6 :
งานดินโลก
จุดต่อมาก็จะเห็นลานกว้างๆ ที่เต็มไปด้วยผัก มีซุ้ม 'งานวันดินโลก' เมื่อวันที่ 3-5 ธันวาคม
วันที่พวกเราไปงานจบแล้วแต่ว่าตัวซุ้มต่างๆ ยังอยู่ สามารถไปเดินดู ถ่ายรูปเล่นได้
ซึ่งโซนนี้จัดงานได้น่ารักมาก มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะเลยค่ะ
อันนี้ถ่ายเล่นกันค่ะ ไม่มีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดที่ 7 :
ปศุสัตว์
เป็นโซนที่มีสัตว์แบ่งอยู่ตามชนิดของเค้านะคะ จะมีป้ายบอกชนิด พันธุ์
จริงๆ แล้วจุดนี้มีจุดประสงค์เพื่อสาธิตและส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ตามแนวทฤษฎีใหม่ค่ะ อย่างหมู เป็ด ไก่
วันที่ไปเห็นมีคอกม้าด้วยแต่ไม่มีม้าเลย ที่เห็นวันนั้นก็จะเป็นน้องวัว นกยูง นกกระจอกเทศ และกวางค่ะ
จุดที่ 8 :
หญ้าแฝก
จุดนี้จะเป็นการสาธิตและให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริของพระองค์
ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องหน้าดินพังพลายหรือโดนชะล้างเมื่อนน้ำป่าไหลหลากค่ะ
ซึ่งตรงจุดนี้ยังมีการแจกจ่ายพันธุ์หญ้าแฝกให้กับผู้ที่สนใจนำไปปลูกต่อด้วยนะคะ
จุดที่ 9 :
พลับพลาพระราม
ส่วนนี้เป็นอาคารรับรองที่ใช้รับเสด็จฯ ค่ะ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ ด้านหน้าเป็นสวนเหมือนเขาวงกตแบบเตี้ย
ส่วนด้านข้างและรอบๆ วนรถเข้าไปได้ เป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ใหญ่ๆ อากาศดีมากค่ะ
จุดที่ 10 :
โรงสีข้าวพระราชทาน
จุดนี้จะเรียกว่าเป็นจุดแรกที่เจอตอนเข้ามาก็ได้ค่ะ อยู่ใกล้ๆ กับลานจอดรถเลยแต่บังเอิญว่าขาไปเราเลย
ก็มาแวะขากลับเป็นจุดสุดท้ายแทน แต่ว่าจุดนี้ดันปิดให้บริการ ที่เราทำได้เลยแค่ถ่ายรูปด้านหน้ามาค่ะ
จากข้อมูล จุดนี้จะมีการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับข้าวแบบครบวงจร แถมยังผลิตได้ทั้งข้าวกล้องและข้าวขาวด้วยค่ะ
ที่พวกเราไปเที่ยวกันครั้งนี้ค่อนข้างน่าเสียดาย เพราะว่าไปวันหยุดทำให้หลายจุดไม่เปิดให้บริการค่ะ
เลยอดที่จะทำกิจกรรมหลายๆ อย่างไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็ยังได้อะไรอีกหลายอย่างที่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
ทำให้รู้ว่า
พระองค์ทรงทิ้งอะไรที่เป็นประโยชน์ไว้ให้ประชาชนอีกมากมาย
พวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้เลยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอยากไปเที่ยวหาและหาความรู้ตามรอยพ่อแบบพวกเรา สามารถดูรายละเอียดต่างๆ
ได้ที่
www.khaohinsorn.com นะคะ มีทั้งข้อมูลวันเวลาให้บริการ การเดินทาง และค่าบริการต่างๆ ค่ะ
หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้ ภาพสวยๆ ความประทับใจและซาบซึ้งใจอย่างพวกเรากลับไปเหมือนกันนะคะ สวัสดีค่าาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ที่พ่อเคยไป " เ ข า หิ น ซ้ อ น " แหล่งรวมวิถีความพอเพียง
เราเดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปีนี้กันแล้วววว เช่นเดียวกันที่พวกเราสามคนเพิ่งผ่านมรสุมไฟนอลของนิสิตปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยมา
กว่าจะพากันผ่านมาและได้มีเวลามาเที่ยวตามในกระทู้นี้นี่ แทบจะตายกันไปข้างเลยค่ะ
ช่วงนี้การท่องเที่ยวตามรอยพ่ออย่างโครงการในพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้รับความสนใจมากขึ้น
พวกเราก็เลยมองหาโครงการในพระราชดำริที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีกิจกรรมน่าสนใจและมุมถ่ายภาพสวยๆ
หลังจากลองหาข้อมูลอยู่หลายที่ก็สรุปว่าเป็นที่นี่ค่ะ
' ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ' จ.ฉะเชิงเทรา
' แหล่งฝึกอบรม และศึกษาเชิงวิชาการ เพื่อพัฒนาการเกษตรและอาชีพให้กับเกษตรกรในภาคตะวันออก '
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นศูนย์ศึกษาและพัฒนาทั้งด้านเกษตรกรรมและงานศิลปาชีพแก่เกษตรกรและคนทั่วไปที่สนใจ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro tourism) ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงตามแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งปัจจุบันก็เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่จะมาแบบเดี่ยว ครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่ม เป็นหมู่คณะก็ได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การเดินทาง
ทริปนี้เราเริ่มต้นออกเดินทางที่กรุงเทพฯ จากสะพานใหม่มารามอินทราจนเข้าสู่ถนนสุวินทวงศ์
แล้วก็ตาม GPS ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ตรงเป๊ะ เดินทางง่ายมาก พวกเราเดินทางกันในวันเสาร์ประมาณสิบโมง ซึ่งก็สบายๆ รถไม่เยอะ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ตั้งอยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 51-52 ของถนนหมายเลข 304 ค่ะ
และเป็นความผิดของพวกเราเองที่มัวแต่ Facebook live กันอย่างเมามันส์จนลืมถ่ายรูปเส้นทางไปซะสนิท พวกเราขอรับผิดแต่โดยดีค่ะ
ใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึงแล้ววววว จะเห็นป้ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนแบบนี้ด้านขวามือ
ตรงที่ยูเทิร์นพอดีค่ะ สามารถเลี้ยวขวาเข้าไปได้เลย
เข้ามาปุ๊บก็จะเจอกับลานจอดรถก่อนเลยค่ะ รวมทั้งร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกด้วย
ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ มีรถรางให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะและยังมีบริการวิทยากรที่นำเที่ยวและให้ความรู้ในจุดเรียนรู้จุดต่างๆ ด้วย แต่เหมือนจะต้องจองไว้ล่วงหน้าก่อนมานะคะ นักท่องเที่ยวสามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปเองได้ซึ่งสามารถรับแผนที่ได้ที่จุดนี้เลยค่ะ พวกเรามากันสามคนก็เลือกใช้รถส่วนตัวเข้าไปเองเหมือนกันค่าาาา
แผนที่ชมจุดต่างๆ ภายในศูนย์การศึกษาเขาหินซ้อนค่ะ ลืมถ่ายอีกแล้ว แฮะๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดที่ 1 : อ่างเก็บน้ำ 14
เป็นจุดแรกที่เราแวะเลยค่ะ วิวสวยมากกกกกกกกกกกก วันที่ไปก็อากาศดี ได้ภาพสวยๆ จากตรงนี้มาเยอะมาก
ตรงจุดนี้มีศาลาให้นั่งชมวิวได้ด้วยนะคะ แล้วก็ยังใกล้กับตึกที่เป็นศูนย์บริการของเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ
อ่างเก็บน้ำ 14 เป็นการปฏิบัติตามแนวพระราชดำริเพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์เวลาหน้าแล้งหรือขาดแคลน
อย่างการทำเกษตรกรรม เพาะปลูก หรือนำมาใช้อุปโภค บริโภคค่ะ
จุดที่ 2 : สวนพฤกษศาสตร์
ถัดมาไม่ไกลจากจุดแรกเลยค่ะ จะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่รวมพันธุ์ไม้หายากต่างๆ เอาไว้ให้เดินชมกันค่ะ
ซึ่งมีต้นไม้หลายพันธุ์มากๆ ที่ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน เพราะพวกเรารู้จักกันแค่ต้นสักต้นเดียวเท่านั้น.______.
จุดที่ 3 : สวนสมุนไพร
จุดนี้จะมีสมุนไพรชนิดต่างๆ ให้ดูมากมายค่ะ พร้อมป้ายชื่อบอกสรรพคุณ มีการทำเหมือนเป็นroute mapให้เดินตามทาง
ที่ถูกใจสาวสายนวดอย่างพวกเราคือ มีกิจกรรมอบสมุนไพรและนวดแผนไทยในโซนนี้ด้วยค่ะ
เดินกันเมื่อยๆ อยากพักผ่อน นวดขา นวดตัว อบสมุนไพร สบายๆ ก็สามารถทำได้ตรงนี้เลยค่ะ
จุดที่ 4 : ห้วยเจ๊ก
ระหว่างทางเปลี่ยนจากจุดนึงไปจุดอื่นๆ ก็จะผ่านเหมือนกับอ่างเก็บน้ำที่มีหินอยู่ตรงกลางแบบนี้ เรียกว่า 'ห้วยเจ๊ก' ค่ะ
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระราชทานเงินที่ประชาชนน้อมเกล้าฯ ถวาย
มาสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำไว้ใช้เมื่อจำเป็น เพราะที่เดิมเคยเป็นที่ปลูกผักของชาวจีน เลยมีชื่อเรียกว่าห้วยเจ๊กค่ะ
จุดที่ 5 : ทฤษฎีใหม่
ระหว่างทางไปอีกจุดซ้ายมือเป็นห้วยเจ๊ก ขวามือก็จะเป็นการสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่
และการเกษตรแบบผสมผสานแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
หรือที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง 30 : 30 : 30 : 10 ที่ส่งเสริมให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง พออยู่ พอกินค่ะ
จุดที่ 6 : งานดินโลก
จุดต่อมาก็จะเห็นลานกว้างๆ ที่เต็มไปด้วยผัก มีซุ้ม 'งานวันดินโลก' เมื่อวันที่ 3-5 ธันวาคม
วันที่พวกเราไปงานจบแล้วแต่ว่าตัวซุ้มต่างๆ ยังอยู่ สามารถไปเดินดู ถ่ายรูปเล่นได้
ซึ่งโซนนี้จัดงานได้น่ารักมาก มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะเลยค่ะ
อันนี้ถ่ายเล่นกันค่ะ ไม่มีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดที่ 7 : ปศุสัตว์
เป็นโซนที่มีสัตว์แบ่งอยู่ตามชนิดของเค้านะคะ จะมีป้ายบอกชนิด พันธุ์
จริงๆ แล้วจุดนี้มีจุดประสงค์เพื่อสาธิตและส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ตามแนวทฤษฎีใหม่ค่ะ อย่างหมู เป็ด ไก่
วันที่ไปเห็นมีคอกม้าด้วยแต่ไม่มีม้าเลย ที่เห็นวันนั้นก็จะเป็นน้องวัว นกยูง นกกระจอกเทศ และกวางค่ะ
จุดที่ 8 : หญ้าแฝก
จุดนี้จะเป็นการสาธิตและให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริของพระองค์
ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องหน้าดินพังพลายหรือโดนชะล้างเมื่อนน้ำป่าไหลหลากค่ะ
ซึ่งตรงจุดนี้ยังมีการแจกจ่ายพันธุ์หญ้าแฝกให้กับผู้ที่สนใจนำไปปลูกต่อด้วยนะคะ
จุดที่ 9 : พลับพลาพระราม
ส่วนนี้เป็นอาคารรับรองที่ใช้รับเสด็จฯ ค่ะ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ ด้านหน้าเป็นสวนเหมือนเขาวงกตแบบเตี้ย
ส่วนด้านข้างและรอบๆ วนรถเข้าไปได้ เป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ใหญ่ๆ อากาศดีมากค่ะ
จุดที่ 10 : โรงสีข้าวพระราชทาน
จุดนี้จะเรียกว่าเป็นจุดแรกที่เจอตอนเข้ามาก็ได้ค่ะ อยู่ใกล้ๆ กับลานจอดรถเลยแต่บังเอิญว่าขาไปเราเลย
ก็มาแวะขากลับเป็นจุดสุดท้ายแทน แต่ว่าจุดนี้ดันปิดให้บริการ ที่เราทำได้เลยแค่ถ่ายรูปด้านหน้ามาค่ะ
จากข้อมูล จุดนี้จะมีการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับข้าวแบบครบวงจร แถมยังผลิตได้ทั้งข้าวกล้องและข้าวขาวด้วยค่ะ
ที่พวกเราไปเที่ยวกันครั้งนี้ค่อนข้างน่าเสียดาย เพราะว่าไปวันหยุดทำให้หลายจุดไม่เปิดให้บริการค่ะ
เลยอดที่จะทำกิจกรรมหลายๆ อย่างไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็ยังได้อะไรอีกหลายอย่างที่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
ทำให้รู้ว่าพระองค์ทรงทิ้งอะไรที่เป็นประโยชน์ไว้ให้ประชาชนอีกมากมาย
พวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้เลยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอยากไปเที่ยวหาและหาความรู้ตามรอยพ่อแบบพวกเรา สามารถดูรายละเอียดต่างๆ
ได้ที่ www.khaohinsorn.com นะคะ มีทั้งข้อมูลวันเวลาให้บริการ การเดินทาง และค่าบริการต่างๆ ค่ะ
หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้ ภาพสวยๆ ความประทับใจและซาบซึ้งใจอย่างพวกเรากลับไปเหมือนกันนะคะ สวัสดีค่าาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้