Once upon a time in japan [เที่ยวญี่ปุ่นตามระเบียบ]


เราเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาหมาดๆ ค่ะ ประเทศนี้ทุกคนคงรู้ดีว่าขึ้นชื่อเรื่อง “ความมีระเบียบ” และเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจกับไอเดียดีๆ ในการจัดระเบียบบ้านและสิ่งของให้กับทีม Proud นักจัดระเบียบสิ่งของ
เราเลยอยากนำเสนอ Japan ในมุม แบบเราๆ นี่แหละค่ะ


ถึงแล้ววววววววว Kansai Airport ตอนสี่ทุ่มค่ะจะให้ออกไปหาที่พักตอนนี้ก็ดูจะดึกไป เลยนอนมันซะที่สนามบินเลยประสบการณ์ครั้งแรก ...นี่ค่ะที่พักเราในคืนนี้  เว่อร์วังอลังการ



วันนี้ ตื่นเช้ากว่าปกติค่ะ เวลา 5.30 น.
ตื่นมาทำไม?!?!
ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น แต่เป็นเพราะตรงที่พวกเราเลือกนอนดันเป็นทางผ่านของรถเข็นและผู้โดยสารท่านอื่นๆ พอดี เสียงพูดคุยและเสียงของพลังงานหลายอย่างเลยดังตลอดเวลา ตื่นเลยค่ะ
ล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวออกเดินทางไปที่พักกัน เราเดินทางด้วยรถบัส ต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ก่อนนะคะ


ยืนเป็นเด็กหลงอยู่หน้าตู้สักพัก มีคุณลุงเจ้าหน้าที่ผู้หวังดีมาถามพวกเราว่าจะไปไหน ไม่รีรอค่ะหยิบที่อยู่ให้คุณลุงทันทีในที่สุดเราก็ได้จุดหมายปลายทางของเรา ซึ่งมันไม่ตรงกับที่พวกเราหามาสักเท่าไหร
แต่ด้วยความที่คุณลุงเป็นคนญี่ปุ่น
พวกเราเชื่อค่ะ !!!
แล้วคุณลุงบอกให้มายืนรอในแถวนี้นะ เพราะแถวอื่นมันเป็นของรถบัสเส้นทางอื่นค่ะ ขนาดยืนรอขึ้นรถยังต้องมีป้ายแยกบอกเลย


ในที่สุดเราก็ถึงแล้ววววค้า คุณผู้ชมมม. เอ๋ะ!!! เอิ่ม!!....ทำไมดูจาก Google map มันไกลจากที่พักจังนะ เราพร้อมผู้ร่วมชะตาช่วยดูกันค่ะ
สรุป คุณลุงผู้หวังดีบอกป้ายผิด!!!!!!
ไม่เปนไรค่ะ หาทางใหม่


เส้นทางใหม่ที่พวกเราได้นั้น คือเราต้องนั่งรถไฟ  ความตื่นเต้นเริ่มต้นอีกครั้ง
ในสถานี มีรถไฟเป็นสิบสายเลยค่ะ  เราจะไปยังไงกันเนี่ย เราก็ให้พี่กูฯ (Google) ช่วยอีกครั้ง ซึ่งใน Google map บอกค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ ว่าต้องขึ้นรถไฟสายไหนไปที่ไหน ราคาเท่าไหร่ รวมถึงวิธีการเดินทางเพื่อให้ถึงที่หมายด้วยค่ะ เป็นประโยชน์สำหรับเด็กหลงอย่างพวกเรามากเลยทีเดียว


ของฝากนักหลงทาง - ญี่ปุ่น มีการวางผังเมืองให้เป็นบล็อครูปสี่เหลี่ยม สังเกตได้จากเวลาเราค้นหาจาก Google map เวลามองผังบ้านเมืองของเขาเป็นสี่เหลี่ยมเดินยังไงก็ไม่หลง (แต่เราก็หลงด้วยวิธีอื่นอยู่ดี) ทำให้ง่ายต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ


ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสถานีรถไฟที่ถูกต้องกันแล้วค่ะ เดินต่ออีกนิด ลากขาอีกหน่อย หอบอีกสักเล็กน้อยเพื่อเข้าที่พักกันค่ะ


พอเข้ามาที่พัก ทริปนี้พวกเรามีโอกาสได้เอาก้นไปสัมผัสพื้นบ้านพักของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ค่ะ (น้ำตาจะไหล) ตั้งแต่ประตูหน้าบ้านจะมีชั้นวางรองเท้า และสลิปเปอร์ให้เปลี่ยนสำหรับเดินในที่พัก ซึ่งถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย (โห! ญี่ปุ่น นี่มันญี่ปุ่นจริงๆ )



การจัดวางสิ่งของและการตกแต่งบรรยากาศของ Guesthouse แห่งนี้ ดูอบอุ่น เรียบร้อย และเป็นระเบียบมากค่ะ มีโต๊ะญี่ปุ่นที่เวลาเข้าไปนั่งข้างในจะอุ่นมากกกกก(ก.ไก่ล้านตัว) เลิฟมากโต๊ะตัวนี้ และมีชั้นหนังสือน่าอ่านอยู่หลายเล่ม เจ้าของที่พักเป็นคนชอบอ่านหนังสือค่ะ หนังสือที่นำมาจัดวางไว้จะมีทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษค่ะ หนังสือจะมีการแยกประเภทเอาไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบอ่าน ยกตัวอย่างเช่น หนังสือการ์ตูน หนังสือท่องเที่ยว หนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ฯลฯ เอาไว้ให้นักหลงทาง เอ๊ย! นักท่องเที่ยวได้นั่งอ่านที่โต๊ะกลม


ส่วนแผนที่โลกที่แปะเด่นอยู่บนฝาผนัง เจ้าของบอกว่า เวลามีแขกเข้าพักจะให้แต่ละคนหยิบเข็มหมุดไปปักไว้ที่ประเทศที่แขกเดินทางมาค่ะ พวกเราจึงไม่ลืมที่จะสร้าง Landmark เอาไว้ด้วย



ชื่นชมการตกแต่งที่นั่งเล่นกันเพียงพอแล้ว ก็ถึงเวลาเอากระเป๋าไปเก็บค่ะ เพื่อเราจะได้ออกเดินทางกันต่อ แต่พอเดินเข้าไปข้างในก็พบถังขยะที่ถูกวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการแยกประเภทของขยะให้ผู้เข้าพักนำขยะมาใส่ในประเภทของขยะที่ถูกต้อง เพื่อง่ายต่อการกำจัดขยะค่ะ


การแยกประเภทถังขยะนี้ไม่ได้ทำกันแค่ภายในบ้าน แต่ยังมีการแยกประเภทขยะตามที่สาธารณะด้วย ใครไปอย่าทิ้งสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่งั้นจะโดนคนญี่ปุ่นแอบมองแรงเอาได้ค่ะ

หลังจากที่พวกเราเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาออกหากิน เอ๊ย หาของกินค่ะจากตรงที่พัก เดินออกไปอีกนิดเดียวก็ถึงย่านของกินเลยค่ะ แล้วได้เที่ยวเมืองนารากันสมใจอยากเลย


เมืองนาราถ้าเพื่อนๆคนไหนฟิตมากพอสามารถเดินเล่นทั่วเมืองได้เลยนะคะ แต่ถ้าเดินไม่ไหวหรือมีผู้สูงอายุไปด้วยก็มีรถบัสบริการค่ะ ไม่ต้องห่วง (เที่ยวได้ สนุกด้วย)



วันที่สามพวกเราเปลี่ยนที่พักกัน เราเริ่มย้ายไปในตัวเมือง ไม่ไกลจากโอซาก้านัก

บ้านพักนี้เป็นอพาร์ท[เม้นเล็กๆ ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ใช้เวลาเดินเพียง 8 นาที
พวกเรายังคงเดินทางด้วยรถไฟค่ะ พอเข้ามาในห้องพักพวกเราได้พบข้าวของเครื่องใช้จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายในห้องน้ำหรือห้องนอน เป็นระเบียบไปหมดเลยค่ะ
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นวางของน้อย แต่ทุกอย่างที่วางจะเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ทั้งนั้นค่ะ



วันที่สี่ เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นค่ะ เนื่องจากเราวางแผนกันไว้ว่า จะไปเที่ยวเมืองเกียวโต ซึ่งการเดินทางส่วนใหญ่เราเดินทางด้วยรถไฟ ทำให้เราค้นพบวิธีขึ้นรถไฟและการปฏิบัติที่ถูกต้องค่ะ (อยู่กันมาหลายวัน เพิ่งจะมารู้อะไรกันป่านนี้?)



ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการขนส่งที่ทั่วถึงและคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เดินทางกันด้วยรถไฟ แต่ขอบอกเลยว่า สายรถไฟในญี่ปุ่นมีเยอะมาก ไม่แปลกใจว่า นักท่องเที่ยว(แบบเรา) จะหลงทางกันอยู่บ่อยๆ  
ขบวนรถไฟที่นี่มีทั้ง เส้นทางวิ่งระหว่างเมือง สาย Local ซึ่งเป็นสายที่วิ่งเฉพาะในเมือง วิ่งข้ามจังหวัด ไม่พ้นวิ่งเหนือจรดใต้ด้วย ญี่ปุ่นจะมีท่าสถานีใหญ่อยู่ตามหัวเมืองหลักๆ ที่ประชาชนสามารถขึ้นรถไฟได้ทุกสาย
ชานชาลาหนึ่งแห่ง จะมีรถไฟหลายสายเข้าเทียบอยู่ตลอดเวลา ทำให้เมื่อถึงเวลาเร่งด่วนหรือช่วงเวลาเลิกงานทำให้มีผู้โดยสารจำนวนมากที่สถานีใหญ่ๆ  



ที่นี่จึงใช้สัญลักษณ์ของรถไฟแต่ละรอบ แต่ละเส้นทางในการจัดระเบียบเพื่อต่อแถวขึ้นรถไฟกันค่ะ ไม่งั้นคงจะวุ่นวายกันน่าดูเวลาต้องต่อแถวขึ้นรถไฟ คนญี่ปุ่นมีระเบียบในเรื่องการต่อแถวมากๆ เขาได้รับการปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนเลย เรายังเห็นนักเรียนหลายคนเข้าแถวกันเป็นระเบียบสุดๆ  


ในการดูตารางรอบรถไฟ เราต้องรู้ก่อนว่า เราจะเดินทางโดยใช้เส้นทางสายไหน และจุดหมายไปลงที่ใด จากนั้นถึงมาดูรอบรถกันค่ะ  
พอ รู้รอบรถไฟแล้ว ให้ดูที่ป้ายจะมีสัญลักษณ์ แล้วไปยืนต่อแถวตามสัญลักษณ์นั้น พอถึงเวลารถไฟจะมาจอดตรงที่เรายืนเป๊ะ อย่ายืนผิด ไม่งั้นจะโดนคนญี่ปุ่นเตือนเอาว่า อย่าขึ้นรถไฟสายนี้ ไม่ใช่เป็นการตำหนิหรือดุ  แต่เขาแค่เป็นห่วงว่าเราจะขึ้นรถไฟผิดสาย (เราโดนมาแล้วค่ะ) ทำให้ต้องไปต่อแถวใหม่จนพลาดรถไฟขบวนนั้นไปเลย นอกจากรถไฟแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถบัสที่สนามบิน หรือตามป้ายรถเมล์จะพบสัญลักษณ์บอกในการเข้าคิวรอขึ้นรถในลักษณะคล้ายๆ กันแบบนี้ด้วย

ของฝากนักหลงทาง -  ในสถานีรถไฟใหญ่ๆจะมีตู้ล็อกเกอร์ให้เพื่อนๆ ฝากกระเป๋าเดินทางกันได้ด้วย สามารถจุกระเป๋าได้หลายขนาด มีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่


วันสุดท้าย เก็บตกการช็อปปิ้งตามประสาสาวๆ และไม่ลืม ตบท้อง เอ๊ย ตบท้ายด้วยอาหารญี่ปุ่นจานโต ที่เราจะส่งอาหารพวกนี้ไปจัดระเบียบในท้องของเรากัน




ของฝากนักหลงทาง - การเดินทางในญี่ปุ่น ให้ตั้งจุดหมายปลายทางก่อนว่าจะไปไหนบ้าง เดินทางด้วยรถอะไรสะดวกสุด ถ้าเดินทางด้วยรถไฟให้หาใน Google map เลย แล้วเลือกการเดินทางด้วยรถไฟ พอกดเข้าไปจะมีเส้นทางให้ เลือกได้หลายเส้นทาง อย่างของพวกเรานักหลงทาง เอ๊ย นักท่องเที่ยว จะเลือกเส้นทางที่รถไฟของ JR เพราะพวกเราซื้อแบบ 2 days pass เอาไว้ ทีนี้ก็ใช้ให้คุ้มเลย
พอได้เส้นทางแล้ว Google map จะแสดงผลขึ้นมาให้เลยว่าต้องไปขึ้นรถไฟที่ไหน  แต่ถ้าไม่แสดงผล ให้ดูที่ปลายทางว่าคือที่ไหนเพื่อจะได้ทราบว่าตนเองต้องไปขึ้นที่ชานชาลาใด
หลังจากนั้น ให้สังเกตป้ายด้านบนว่า ออกเดินทางตอนกี่โมงกี่นาที แล้วไปยืนรอที่สัญลักษณ์รูปอะไร ให้เราเดินไปยืนรอและดูเวลาให้ตรง รถไฟญี่ปุ่นจะมาตรงเวลาเป๊ะ
(เพื่อกันหลง แนะนำว่าให้เปิด google ชื่อสถานีต่อไป แล้วเช็คไปทีละสถานีเลย ทีนี้เราจะไม่หลงบนรถไฟกันแน่นอนค่ะ )


จบทริปกันแบบหลงๆ ของคนสนใจเรื่องการจัดระเบียบ
by PROUD นักจัดระเบียบสิ่งของ
ป.ล.สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจการจัดระเบียบสิ่งของ จัดบ้าน ติดตามสาระดีๆ ได้จาก Proud
ผ่านทาง www.facebook.com/proud.tidy หรือ http://proudtidy.wixsite.com/proudtidy
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่