ตามที่ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีประกาศตามบันทึกข้อความ เลขที่ พ.5/ดส.4/2547/2554 ลงวันที่ 14 กรกฏาคม 2554 อนุญาตให้นำจักรยานชนิดพับได้ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวงล้อไม่เกิน 20 นิ้ว มากับตัวโดยสารไปกับขบวนรถโดยสารต่างๆ พิจารณายกเว้นค่าระวาง
การรถไฟฯได้อนุญาตให้สัมภาระที่เป็นจักรยานชนิดพับได้มากับตัว ๑ คัน(มีน้ำหนักไม่เกินสิทธิตามชั้นรถที่โดยสาร) ไปกับรถโดยสารโดยไม่คิดค่าระวาง ซึ่งรถจักรยานดังกล่าวต้องพับและจัดเก็บไว้ในที่วางของหรือใต้ม้านั่งได้โดยเรียบร้อย หากเป็นรถไฟโดยสารที่ไม่มีที่วางของหรือชั้นวางของ ก็อนุโลมให้วางไว้ข้างที่นั่งในส่วนที่เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ไม่ให้ล้ำเข้าไปในช่องทางเดินเกินสมควรจนไปปิดกั้นช่องทางเดินโดยสิ้นเชิง หรือกีดขวางการใช้สิทธิของผู้โดยสารอื่น และต้องไม่ก่อให้ผู้โดยสารอื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ
ส่วนรถจักรยานพับที่มีสิ่งของเครื่องใช้อื่นและเมื่อรวมกันแล้วมีน้ำหนักและปริมาตรเกินสิทธิ หรือ เป็นรถจักรยานคันใหญ่โตไม่สามารถเก็บไว้ที่ชั้นวางของหรือใต้ที่นั่งได้ การรถไฟฯจะคิดค่าระวางตามระเบียบ
รัฐบาล มีโยบายส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีทั่วหน้า จึงให้องค์กรและภาครัฐ และเอกชน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมใช้จักรยานสองล้อเพื่อเดินทางไปทำงาน ท่องเที่ยว และไปปฏิบัติภาระกิจส่วนตัวในชีวิตประจำวัน อีกทั้ง เป็นการประหยัดเงินและประหยัดพลังงานของชาติ รวมทั้ง ยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งการรถไฟฯเห็นสมควรส่งเสริม สนับสนุน นโยบายของรัฐดังกล่าว
ที่มา: คำสั่งฝ่ายการเดินรถ ที่ พ.๕/ดส.๔/๑๒๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔
http://www.railway.co.th/srt/pr/news/viewshownews.asp?idnews=766
-------------------------------------------------------------
ทีแรกผมตั้งใจว่ากลับมาจะเขียนกระทู้เอาจักรยานพับขึ้นรถไฟใหม่ปั่นไปเที่ยวหนองคายเวียงจันทน์ แต่มีเหตุให้ต้องมาเขียนกระทู้ร้องเรียนเสียก่อน
ผมได้นำจักรยานพับขึ้นรถไฟขบวนกลับจาก หนองคาย-กรุงเทพ วันที่ 12 ธันวาคม 59 โดยจองที่นั่งไว้แบบชั้น 1 เหมาห้องส่วนตัว ก่อนหน้านี้ผมได้สอบถาม call center เพื่อยืนยันเรื่องการนำจักรยานพับขึ้นรถไฟแล้ว และขามาผมก็เอาขึ้นจากสถานีหัวลำโพงได้ปกติ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาห้ามแต่อย่างไร โดยรวมประทับใจกับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อผมนำจักรยานพับขึ้นรถไฟขากลับ เส้นทางหนองคาย-กรุงเทพ หลังจากเอาจักรยานพับเก็บเข้าห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว กลับมีเจ้าหน้าที่เชิญลงไปด้านล่าง ยืนล้อมอยู่ 3-4 คน แจ้งว่าไม่ให้นำจักรยานขึ้นรถไฟ ขวางทางเดินเกะกะ ยังไงก็ต้องเสียค่าระวาง ทั้งๆ ที่ผมได้อ้างกฏระเบียบที่ให้นำจักรยานพับล้อไม่เกิน 20 นิ้ว ขึ้นรถไฟได้ไม่เสียค่าระวาง และผมจองที่นั่งแบบเป็นห้องส่วนตัว เก็บจักรยานเรียบร้อยในห้องของตัวเอง จะขวางทางเดินได้ยังไง? แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนกรานอยู่ว่าขวางก็คือขวาง ยังไงก็ต้องจ่าย ระเบียบผมอ่านมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ไม่งั้นก็เอาของลงมาไม่ต้องเอาไป ถ้าอยากจะเรียกร้องอะไรให้ไปเรียกร้องเอาทีหลัง
สุดท้ายผมเลยยอมเดินไปจ่ายค่าสัมภาระที่ห้องจ่ายตั๋ว เนื่องจากใกล้เวลารถไฟจะออกแล้ว ทีแรกพนักงานที่ห้องจ่ายตั๋วให้ไปชำระค่าสัมภาระบนรถไฟก็ได้ แต่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ไล่ให้กลับไปจ่ายที่ห้องจ่ายตั๋วอีก เมื่อนำตัวรถไฟให้พนักงานออกตั๋วสัมภาระดู เค้ายังพูดพับผมว่าพักเป็นห้องส่วนตัวแบบนี้ผมจะเขียนว่าสัมภาระขวางทางเดินได้ยังไง มันไม่ใช่แล้ว... สุดท้ายก็จ่ายค่าระวางไป 2 คัน 180 บาท
ผมคิดว่าการที่เจ้าหน้าที่ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง กฏระเบียบการรถไฟก็เขียนไว้ชัดเจน แบบนี้เป็นการใช้อำนาจประพฤติปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ผมไม่ยอมเสียเงิน 180 บาท แล้วให้เรื่องเงียบแน่ แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้มากมายนัก แต่นี่คือเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ทุจริต มันควรจะเป็นบรรทัดฐานที่เจ้าหน้าที่ควรจะปฏิบัติให้เหมือนกันถึงจะถูกต้อง
ขาไป กรุงเทพ-หนองคาย นำจักรยานพับ ขึ้นรถไฟ เอาเก็บเข้าห้องเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ยังมาช่วยเลย
ส่วนนี่ขากลับ หนองคาย-กรุงเทพ ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเกะกะขวางทางเดิน ทั้งๆ ที่เก็บไว้ในห้องส่วนตัวเหมือนตอนขาไป
โดนเจ้าหน้าที่เรียกเชิญลงไปคุยด้านล่าง และเสียค่าระวางสัมภาระ 180 บาท
กล่าวโดยสรุป
1 ผมได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบของการรถไฟเรื่องการนำจักรยานพับขึ้นโดยไม่เสียค่าระวาง คือเป็นจักรยานพับได้ ขนาดล้อไม่เกิน 20 นิ้ว
2 ผมเก็บจักรยานไว้ในห้องส่วนตัวแบบที่นั่งชั้น 1 โดยไม่ได้กีดขวางทางเดิน และสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นแต่อย่างไร
3 เจ้าหน้าที่เชิญลงไปคุย ห้ามนำจักรยานขึ้นรถไฟ กล่าวหาว่าเกะกะกีดขวางทางเดิน ให้ไปจ่ายค่าสัมภาระ
4 ผมยกกฏระเบียบของการรถไฟมาอ้าง แต่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นกลับไม่สนใจ อ้างว่าผมอ่านไม่รู้กี่รอบแล้ว ยังไงก็ต้องจ่าย แล้วค่อยไปร้องเรียนเอาเองทีหลัง
5 สุดท้ายผมยอมไปจ่ายค่าสัมภาระให้เรื่องจบ เจ้าหน้าที่ห้องจ่ายตั๋วยังกล่าวว่าที่จริงไม่ควรจะต้องเสียค่าสัมภาระด้วยซ้ำ
ผมได้จดชื่อและนามสกุลเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแล้ว เดี๋ยวผมจะทำเรื่องร้องเรียนไปการรถไฟต่อไป คืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ
ปล. คาดว่าเรื่องนี้คงเงียบหายเข้าใต้รางรถไฟไปในไม่ช้าเหมือนเคสอื่นๆ ที่เคยมีคนร้องเรียนเรื่องค่าระวางจักรยานพับไป โดยเฉพาะจากสถานีต้นทางหนองคาย ถ้าอยากให้รักษาสิทธิ์ของชาวจักรยาน รบกวนช่วยกันแชร์เยอะๆ นะครับ
ขอร้องเรียนเจ้าหน้าที่การรถไฟสายหนองคาย-กรุงเทพ เก็บค่าระวางจักรยานพับนำขึ้นรถไฟโดยมิชอบ
การรถไฟฯได้อนุญาตให้สัมภาระที่เป็นจักรยานชนิดพับได้มากับตัว ๑ คัน(มีน้ำหนักไม่เกินสิทธิตามชั้นรถที่โดยสาร) ไปกับรถโดยสารโดยไม่คิดค่าระวาง ซึ่งรถจักรยานดังกล่าวต้องพับและจัดเก็บไว้ในที่วางของหรือใต้ม้านั่งได้โดยเรียบร้อย หากเป็นรถไฟโดยสารที่ไม่มีที่วางของหรือชั้นวางของ ก็อนุโลมให้วางไว้ข้างที่นั่งในส่วนที่เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ไม่ให้ล้ำเข้าไปในช่องทางเดินเกินสมควรจนไปปิดกั้นช่องทางเดินโดยสิ้นเชิง หรือกีดขวางการใช้สิทธิของผู้โดยสารอื่น และต้องไม่ก่อให้ผู้โดยสารอื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ
ส่วนรถจักรยานพับที่มีสิ่งของเครื่องใช้อื่นและเมื่อรวมกันแล้วมีน้ำหนักและปริมาตรเกินสิทธิ หรือ เป็นรถจักรยานคันใหญ่โตไม่สามารถเก็บไว้ที่ชั้นวางของหรือใต้ที่นั่งได้ การรถไฟฯจะคิดค่าระวางตามระเบียบ
รัฐบาล มีโยบายส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีทั่วหน้า จึงให้องค์กรและภาครัฐ และเอกชน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมใช้จักรยานสองล้อเพื่อเดินทางไปทำงาน ท่องเที่ยว และไปปฏิบัติภาระกิจส่วนตัวในชีวิตประจำวัน อีกทั้ง เป็นการประหยัดเงินและประหยัดพลังงานของชาติ รวมทั้ง ยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งการรถไฟฯเห็นสมควรส่งเสริม สนับสนุน นโยบายของรัฐดังกล่าว
ที่มา: คำสั่งฝ่ายการเดินรถ ที่ พ.๕/ดส.๔/๑๒๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔
http://www.railway.co.th/srt/pr/news/viewshownews.asp?idnews=766
-------------------------------------------------------------
ทีแรกผมตั้งใจว่ากลับมาจะเขียนกระทู้เอาจักรยานพับขึ้นรถไฟใหม่ปั่นไปเที่ยวหนองคายเวียงจันทน์ แต่มีเหตุให้ต้องมาเขียนกระทู้ร้องเรียนเสียก่อน
ผมได้นำจักรยานพับขึ้นรถไฟขบวนกลับจาก หนองคาย-กรุงเทพ วันที่ 12 ธันวาคม 59 โดยจองที่นั่งไว้แบบชั้น 1 เหมาห้องส่วนตัว ก่อนหน้านี้ผมได้สอบถาม call center เพื่อยืนยันเรื่องการนำจักรยานพับขึ้นรถไฟแล้ว และขามาผมก็เอาขึ้นจากสถานีหัวลำโพงได้ปกติ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาห้ามแต่อย่างไร โดยรวมประทับใจกับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อผมนำจักรยานพับขึ้นรถไฟขากลับ เส้นทางหนองคาย-กรุงเทพ หลังจากเอาจักรยานพับเก็บเข้าห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว กลับมีเจ้าหน้าที่เชิญลงไปด้านล่าง ยืนล้อมอยู่ 3-4 คน แจ้งว่าไม่ให้นำจักรยานขึ้นรถไฟ ขวางทางเดินเกะกะ ยังไงก็ต้องเสียค่าระวาง ทั้งๆ ที่ผมได้อ้างกฏระเบียบที่ให้นำจักรยานพับล้อไม่เกิน 20 นิ้ว ขึ้นรถไฟได้ไม่เสียค่าระวาง และผมจองที่นั่งแบบเป็นห้องส่วนตัว เก็บจักรยานเรียบร้อยในห้องของตัวเอง จะขวางทางเดินได้ยังไง? แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนกรานอยู่ว่าขวางก็คือขวาง ยังไงก็ต้องจ่าย ระเบียบผมอ่านมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ไม่งั้นก็เอาของลงมาไม่ต้องเอาไป ถ้าอยากจะเรียกร้องอะไรให้ไปเรียกร้องเอาทีหลัง
สุดท้ายผมเลยยอมเดินไปจ่ายค่าสัมภาระที่ห้องจ่ายตั๋ว เนื่องจากใกล้เวลารถไฟจะออกแล้ว ทีแรกพนักงานที่ห้องจ่ายตั๋วให้ไปชำระค่าสัมภาระบนรถไฟก็ได้ แต่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ไล่ให้กลับไปจ่ายที่ห้องจ่ายตั๋วอีก เมื่อนำตัวรถไฟให้พนักงานออกตั๋วสัมภาระดู เค้ายังพูดพับผมว่าพักเป็นห้องส่วนตัวแบบนี้ผมจะเขียนว่าสัมภาระขวางทางเดินได้ยังไง มันไม่ใช่แล้ว... สุดท้ายก็จ่ายค่าระวางไป 2 คัน 180 บาท
ผมคิดว่าการที่เจ้าหน้าที่ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง กฏระเบียบการรถไฟก็เขียนไว้ชัดเจน แบบนี้เป็นการใช้อำนาจประพฤติปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ผมไม่ยอมเสียเงิน 180 บาท แล้วให้เรื่องเงียบแน่ แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้มากมายนัก แต่นี่คือเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ทุจริต มันควรจะเป็นบรรทัดฐานที่เจ้าหน้าที่ควรจะปฏิบัติให้เหมือนกันถึงจะถูกต้อง
ขาไป กรุงเทพ-หนองคาย นำจักรยานพับ ขึ้นรถไฟ เอาเก็บเข้าห้องเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ยังมาช่วยเลย
ส่วนนี่ขากลับ หนองคาย-กรุงเทพ ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเกะกะขวางทางเดิน ทั้งๆ ที่เก็บไว้ในห้องส่วนตัวเหมือนตอนขาไป
โดนเจ้าหน้าที่เรียกเชิญลงไปคุยด้านล่าง และเสียค่าระวางสัมภาระ 180 บาท
กล่าวโดยสรุป
1 ผมได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบของการรถไฟเรื่องการนำจักรยานพับขึ้นโดยไม่เสียค่าระวาง คือเป็นจักรยานพับได้ ขนาดล้อไม่เกิน 20 นิ้ว
2 ผมเก็บจักรยานไว้ในห้องส่วนตัวแบบที่นั่งชั้น 1 โดยไม่ได้กีดขวางทางเดิน และสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นแต่อย่างไร
3 เจ้าหน้าที่เชิญลงไปคุย ห้ามนำจักรยานขึ้นรถไฟ กล่าวหาว่าเกะกะกีดขวางทางเดิน ให้ไปจ่ายค่าสัมภาระ
4 ผมยกกฏระเบียบของการรถไฟมาอ้าง แต่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นกลับไม่สนใจ อ้างว่าผมอ่านไม่รู้กี่รอบแล้ว ยังไงก็ต้องจ่าย แล้วค่อยไปร้องเรียนเอาเองทีหลัง
5 สุดท้ายผมยอมไปจ่ายค่าสัมภาระให้เรื่องจบ เจ้าหน้าที่ห้องจ่ายตั๋วยังกล่าวว่าที่จริงไม่ควรจะต้องเสียค่าสัมภาระด้วยซ้ำ
ผมได้จดชื่อและนามสกุลเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแล้ว เดี๋ยวผมจะทำเรื่องร้องเรียนไปการรถไฟต่อไป คืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ
ปล. คาดว่าเรื่องนี้คงเงียบหายเข้าใต้รางรถไฟไปในไม่ช้าเหมือนเคสอื่นๆ ที่เคยมีคนร้องเรียนเรื่องค่าระวางจักรยานพับไป โดยเฉพาะจากสถานีต้นทางหนองคาย ถ้าอยากให้รักษาสิทธิ์ของชาวจักรยาน รบกวนช่วยกันแชร์เยอะๆ นะครับ