รีวิวนี้พาไปเจาะลึกแต่ละย่านในเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ดีไซน์วีคกันนนนน
ใครๆ ก็น่าจะรู้จักกันดีสำหรับย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก็เนื่องจากว่าในบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองเชียงใหม่ มีทั้งสถานที่สำคัญของราชการหลายแห่ง มีโรงเรียน มีวัดวาอารามทั่วทุกมุมถนน มีสถาปัตยกรรมสวยๆ อย่างตึกเก่า บ้านเรือนไม้แบบล้านนา มีถนนคนเดินอันคึกคักในวันอาทิตย์ และที่สำคัญคือมีร้านอาหารอร่อยและร้านกาแฟน่ารักๆ เพียบ!!!
แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันคราวหลัง เพราะคราวนี้เราจะพาไปเจาะลึกงานออกแบบในดีไซน์วีคปีนี้ว่าจัดกันตรงไหน มีอะไรน่าไปดู แต่ละจุดมีกิจกรรมอะไรซ่อนอยู่บ้าง ตามมาโลดดด
ปล. รีวิวนี้จะเน้นรูปเยอะหน่อยเนอะ จะได้เห็นบรรยากาศชัดๆ
จุดแรก : หอประวัติศาสตร์เชียงใหม่
แนะนำให้เริ่มเดินกันจากจุดนี้ก่อนเลย เพราะฝั่งนี้หาที่จอดรถง่ายสุด ฮ่าๆๆ ในโซนนี้มีโชว์เคสน่าสนใจจากหลายแบรนด์ทั้งในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และมีต่างชาติด้วย แบ่งเป็นสองส่วนก็คือใต้โถงทางเดินที่จะต่อไปห้องสมุดฟื้นบ้านย่านเวียง แล้วก็มีตั้ง Installation บนสนามหญ้า ให้ผู้ใหญ่หัวใจเด็กไปลอดเล่นกันในงานศิลปะชื่อปุปะ ที่ศิลปินตั้งใจจะให้งานชิ้นนี้เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นอันมีสีสัน ส่วนข้างๆ กันมีเก้าอี้ดีไซน์เท่ พร้อมด้วยงานออกแบบอีกหลายชิ้นให้ชม
จุดที่สอง : หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่
อยู่ในบริเวณเดียวกันนั่นแหละ แต่จุดนี้จะมีงานโชว์เยอะกว่า เพราะจัดกันในหอศิลป์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศิลปะต่างๆ อยู่แล้ว เลยมีพื้นที่โชว์งานมากหน่อย จากประตูทางเข้ามาจะพบกับลานกว้างภายในหอศิลป์ จุดนี้ตั้งเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ร่วมสมัย แต่ยังให้อารมณ์แบบพื้นเมืองได้อยู่ ส่วนอีกด้านของลานเป็นการจัด Pop Up นิทรรศการเทิดพระเกียรในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ผู้สนใจเข้าไปอ่านและชมพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านด้วย
ถัดมาในห้องจัดแสดงชั้น 1 มีโชว์เคสจากหลายแบรนด์มาตั้งให้ชมกัน ส่วนของห้องจัดแสดงชั้น 2 ก็มีโชว์เคสหลากหลายเหมือนกัน แต่อีกปีนึงของตึกบนชั้นสอง จัดนิทรรศการที่นำเสนอมุมมองที่ควรจะเป็นเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ภายในเมือง เพื่อเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์เชียงใหม่ ภายใต้กรอบการมุ่งสู่เมืองมรดกโลก ในส่วนนี้นอกจากผู้ชมจะได้ดูตัวอย่างการพัฒนาของเมืองอื่นๆ ที่ยังคงดำรงคุณค่าและเสน่ห์ดั้งเดิมของเมืองไว้แล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเชียงใหม่อย่างยั่งยืน พร้อมรับของที่ระลึกจากผู้จัดงานด้วย ออกมาจากหอศิลป์ฯ จะพบกับ Installation อีกชิ้น อารมณ์คล้ายๆ อุโมงค์ไม้ไผ่ที่ซ่อนงานออกแบบเอาไว้ภายใน กลางวันอาจจะดูแห้งๆ หน่อย แต่กลางคืนจะสวยเลยล่ะ เพราะมีไลท์ติ้งเข้ามาช่วยทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา เป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด
จุดที่สาม : พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา
อยู่ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ส่วนนี้มีให้เดินเล่นกันทั้งลานรอบๆ และด้านในพิพิธภัณฑ์พ้นถิ่นล้านนา ซึ่งแต่เดิมอาคารนี้เป็นศาลแขวงเก่าของเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อศาลย้ายสถานที่ตั้งออกไป จึงดัดแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิถีชีวิตชาวล้านนา ส่วนพื้นที่โดยรอบใช้จัดกิจกรรม และอาหารด้านหลังเป็นที่ตั้งของหอภาพถ่ายล้านนา ซึ่งในดีไซน์วีคครั้งนี้ก็ใช้เป็นพื้นที่จัด Talk วงเสวนาเล็กๆ เกี่ยวกับงานออกแบบให้เข้าฟังกันตลอดงาน ใครสนใจฟังเรื่องอะไรเข้าไปดูตารางกิจกรรมได้ที่
www.chiangmaidesignweek.com
จุดที่สี่ : วัดดวงดี
ออกจากพิพิธพัณฑ์พื้นถิ่นฯ เดินเลียบถนนมาทางทิศใต้ จะผ่านซอยเล็กๆ ทางเข้าวัดดวงดี จุดนี้จะมี Installation ชื่อ ‘ริน’ แขวนอยู่ด้านบน ถัดเข้าไปทางซ้ายมือก่อนถึงวัด จะมีโชว์เคสซ่อนอยู่อีกแห่ง มีแบรนด์น่าสนใจมาโชว์ให้ชมกัน อย่าง คอลเลคชั่น ‘Easy Thai - สุขสบายไทยแลนด์’ จัดแสดงของตกแต่งบ้านที่ดัดแปลงงานฝีมือในท้องถิ่น อย่างการสาน มาออกแบบให้มีความร่วมสมัย ทุกชิ้นเป็นงานทำมือ และมีแค่ชิ้นเดียวด้วยนะ
จุดที่ห้า : ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์
จุดนี้นับว่าเป็นไฮไลท์อีกแห่งที่อยากให้มาชมกัน โดยปกติศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนาจะเปิดให้เข้าชมอยู่แล้ว โดยภายในมีอาคารล้านนาที่เป็นคุ้มเจ้าบุรีรัตน์มาก่อน จัดแสดงนิทรรศการให้ชม มีร้านขายของที่ระลึก และร้านกาแฟน่ารักร่มรื่นให้นั่งพัก เมื่อมีงานดีไซน์วีคก็ยังคงเปิดให้เข้าชมตามปกติ แต่จะมีส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือโชว์เคสของเทศกาล รวมทั้ง Installation ที่ศิลปินตั้งแท่งกระจกเอาไว้บนสนาม และตรงกลางตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เอาไว้บนแท่น เพื่อสื่อถึงพระอัจฉริยภาพอันกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด
จุดที่หก : สำนักงานยาสูบเชียงใหม่
ที่นี่เน้นเป็นนิทรรศการงานออกแบบจากกราฟิกดีไซเนอร์ในเชียงใหม่เป็นหลัก โดยมีโชว์เคสของ Hern’s Studio คอลเลคชั่น ‘ทวิภพ’ ตั้งเป็นไฮไลท์ รวมทั้งมี Installation ที่เราชอบมากๆ อยู่ชิ้นนึงคือ ‘เมฆ’ เป็นการนำวัสดุสานเป็นรูปทรงของเมฆมาแขวนไว้กลางอากาศ แล้วใช้ไลท์ติ้งประกอบดนตรีมาช่วยสร้างสีสัน เป็นชิ้นที่ดูเพลินมาก และควรไปชมด้วยตาของตัวเอง
จุดที่เจ็ด : POP Market
สำหรับนักช้อปห้ามพลาดกันเลยทีเดียว กับตลาดนัดดีไซน์ POP Market จัดบนลานยุ้งข้าว ข้างวัดเชียงมั่น (ซอยการบินไทย) รวมสินค้าดีไซน์จากแบรนด์เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ รวมทั้งจากต่างประเทศด้วย สินค้าก็มีทั้งงานแฮนด์เมด, ผ้ามัดย้อม, กระเป๋า, เสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน รวมทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มให้ชิมอีกเพียบ
นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงย่อยๆ ที่กระจายออกไปตามตรอกซอกซอยไม่ไกลจากศูนย์กลางหลักคืออนุสาวรีย์สามกษัตริย์มากนัก พอเดินได้ไม่เหนื่อยมาก แต่บางจุดอาจจะหายากอยู่สักหน่อยถ้าไม่คุ้นเคย เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากหลงให้ตามหา Guidebook ของดีไซน์วีคที่แจกตามจุด Infomation มาครอบครองก่อน จะได้เดินเล่นในงานกันอย่างครบถ้วนไม่ตกหล่น
เมื่อเดินครบกันแล้ว พักให้หายเหนื่อยแล้วเตรียมตัวเดินตามเรามาขึ้นรถซาฟารีที่จอดรออยู่สำนักงานยาสูบ แล้วไปตะลุยย่านจัดงานอีกแห่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือย่าน TCDC เชียงใหม่ ในตอนหน้า
[CR] Chiang Mai Chill Day Trip (Day 2) : ตะลุยเชียงใหม่ดีไซน์วีค (ตอนสอง)
ใครๆ ก็น่าจะรู้จักกันดีสำหรับย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก็เนื่องจากว่าในบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองเชียงใหม่ มีทั้งสถานที่สำคัญของราชการหลายแห่ง มีโรงเรียน มีวัดวาอารามทั่วทุกมุมถนน มีสถาปัตยกรรมสวยๆ อย่างตึกเก่า บ้านเรือนไม้แบบล้านนา มีถนนคนเดินอันคึกคักในวันอาทิตย์ และที่สำคัญคือมีร้านอาหารอร่อยและร้านกาแฟน่ารักๆ เพียบ!!!
แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันคราวหลัง เพราะคราวนี้เราจะพาไปเจาะลึกงานออกแบบในดีไซน์วีคปีนี้ว่าจัดกันตรงไหน มีอะไรน่าไปดู แต่ละจุดมีกิจกรรมอะไรซ่อนอยู่บ้าง ตามมาโลดดด
ปล. รีวิวนี้จะเน้นรูปเยอะหน่อยเนอะ จะได้เห็นบรรยากาศชัดๆ
จุดแรก : หอประวัติศาสตร์เชียงใหม่
แนะนำให้เริ่มเดินกันจากจุดนี้ก่อนเลย เพราะฝั่งนี้หาที่จอดรถง่ายสุด ฮ่าๆๆ ในโซนนี้มีโชว์เคสน่าสนใจจากหลายแบรนด์ทั้งในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และมีต่างชาติด้วย แบ่งเป็นสองส่วนก็คือใต้โถงทางเดินที่จะต่อไปห้องสมุดฟื้นบ้านย่านเวียง แล้วก็มีตั้ง Installation บนสนามหญ้า ให้ผู้ใหญ่หัวใจเด็กไปลอดเล่นกันในงานศิลปะชื่อปุปะ ที่ศิลปินตั้งใจจะให้งานชิ้นนี้เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นอันมีสีสัน ส่วนข้างๆ กันมีเก้าอี้ดีไซน์เท่ พร้อมด้วยงานออกแบบอีกหลายชิ้นให้ชม
จุดที่สอง : หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่
อยู่ในบริเวณเดียวกันนั่นแหละ แต่จุดนี้จะมีงานโชว์เยอะกว่า เพราะจัดกันในหอศิลป์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศิลปะต่างๆ อยู่แล้ว เลยมีพื้นที่โชว์งานมากหน่อย จากประตูทางเข้ามาจะพบกับลานกว้างภายในหอศิลป์ จุดนี้ตั้งเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ร่วมสมัย แต่ยังให้อารมณ์แบบพื้นเมืองได้อยู่ ส่วนอีกด้านของลานเป็นการจัด Pop Up นิทรรศการเทิดพระเกียรในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ผู้สนใจเข้าไปอ่านและชมพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านด้วย
ถัดมาในห้องจัดแสดงชั้น 1 มีโชว์เคสจากหลายแบรนด์มาตั้งให้ชมกัน ส่วนของห้องจัดแสดงชั้น 2 ก็มีโชว์เคสหลากหลายเหมือนกัน แต่อีกปีนึงของตึกบนชั้นสอง จัดนิทรรศการที่นำเสนอมุมมองที่ควรจะเป็นเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ภายในเมือง เพื่อเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์เชียงใหม่ ภายใต้กรอบการมุ่งสู่เมืองมรดกโลก ในส่วนนี้นอกจากผู้ชมจะได้ดูตัวอย่างการพัฒนาของเมืองอื่นๆ ที่ยังคงดำรงคุณค่าและเสน่ห์ดั้งเดิมของเมืองไว้แล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเชียงใหม่อย่างยั่งยืน พร้อมรับของที่ระลึกจากผู้จัดงานด้วย ออกมาจากหอศิลป์ฯ จะพบกับ Installation อีกชิ้น อารมณ์คล้ายๆ อุโมงค์ไม้ไผ่ที่ซ่อนงานออกแบบเอาไว้ภายใน กลางวันอาจจะดูแห้งๆ หน่อย แต่กลางคืนจะสวยเลยล่ะ เพราะมีไลท์ติ้งเข้ามาช่วยทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา เป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด
จุดที่สาม : พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา
อยู่ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ส่วนนี้มีให้เดินเล่นกันทั้งลานรอบๆ และด้านในพิพิธภัณฑ์พ้นถิ่นล้านนา ซึ่งแต่เดิมอาคารนี้เป็นศาลแขวงเก่าของเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อศาลย้ายสถานที่ตั้งออกไป จึงดัดแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิถีชีวิตชาวล้านนา ส่วนพื้นที่โดยรอบใช้จัดกิจกรรม และอาหารด้านหลังเป็นที่ตั้งของหอภาพถ่ายล้านนา ซึ่งในดีไซน์วีคครั้งนี้ก็ใช้เป็นพื้นที่จัด Talk วงเสวนาเล็กๆ เกี่ยวกับงานออกแบบให้เข้าฟังกันตลอดงาน ใครสนใจฟังเรื่องอะไรเข้าไปดูตารางกิจกรรมได้ที่ www.chiangmaidesignweek.com
จุดที่สี่ : วัดดวงดี
ออกจากพิพิธพัณฑ์พื้นถิ่นฯ เดินเลียบถนนมาทางทิศใต้ จะผ่านซอยเล็กๆ ทางเข้าวัดดวงดี จุดนี้จะมี Installation ชื่อ ‘ริน’ แขวนอยู่ด้านบน ถัดเข้าไปทางซ้ายมือก่อนถึงวัด จะมีโชว์เคสซ่อนอยู่อีกแห่ง มีแบรนด์น่าสนใจมาโชว์ให้ชมกัน อย่าง คอลเลคชั่น ‘Easy Thai - สุขสบายไทยแลนด์’ จัดแสดงของตกแต่งบ้านที่ดัดแปลงงานฝีมือในท้องถิ่น อย่างการสาน มาออกแบบให้มีความร่วมสมัย ทุกชิ้นเป็นงานทำมือ และมีแค่ชิ้นเดียวด้วยนะ
จุดที่ห้า : ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์
จุดนี้นับว่าเป็นไฮไลท์อีกแห่งที่อยากให้มาชมกัน โดยปกติศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนาจะเปิดให้เข้าชมอยู่แล้ว โดยภายในมีอาคารล้านนาที่เป็นคุ้มเจ้าบุรีรัตน์มาก่อน จัดแสดงนิทรรศการให้ชม มีร้านขายของที่ระลึก และร้านกาแฟน่ารักร่มรื่นให้นั่งพัก เมื่อมีงานดีไซน์วีคก็ยังคงเปิดให้เข้าชมตามปกติ แต่จะมีส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือโชว์เคสของเทศกาล รวมทั้ง Installation ที่ศิลปินตั้งแท่งกระจกเอาไว้บนสนาม และตรงกลางตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เอาไว้บนแท่น เพื่อสื่อถึงพระอัจฉริยภาพอันกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด
จุดที่หก : สำนักงานยาสูบเชียงใหม่
ที่นี่เน้นเป็นนิทรรศการงานออกแบบจากกราฟิกดีไซเนอร์ในเชียงใหม่เป็นหลัก โดยมีโชว์เคสของ Hern’s Studio คอลเลคชั่น ‘ทวิภพ’ ตั้งเป็นไฮไลท์ รวมทั้งมี Installation ที่เราชอบมากๆ อยู่ชิ้นนึงคือ ‘เมฆ’ เป็นการนำวัสดุสานเป็นรูปทรงของเมฆมาแขวนไว้กลางอากาศ แล้วใช้ไลท์ติ้งประกอบดนตรีมาช่วยสร้างสีสัน เป็นชิ้นที่ดูเพลินมาก และควรไปชมด้วยตาของตัวเอง
จุดที่เจ็ด : POP Market
สำหรับนักช้อปห้ามพลาดกันเลยทีเดียว กับตลาดนัดดีไซน์ POP Market จัดบนลานยุ้งข้าว ข้างวัดเชียงมั่น (ซอยการบินไทย) รวมสินค้าดีไซน์จากแบรนด์เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ รวมทั้งจากต่างประเทศด้วย สินค้าก็มีทั้งงานแฮนด์เมด, ผ้ามัดย้อม, กระเป๋า, เสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน รวมทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มให้ชิมอีกเพียบ
นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงย่อยๆ ที่กระจายออกไปตามตรอกซอกซอยไม่ไกลจากศูนย์กลางหลักคืออนุสาวรีย์สามกษัตริย์มากนัก พอเดินได้ไม่เหนื่อยมาก แต่บางจุดอาจจะหายากอยู่สักหน่อยถ้าไม่คุ้นเคย เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากหลงให้ตามหา Guidebook ของดีไซน์วีคที่แจกตามจุด Infomation มาครอบครองก่อน จะได้เดินเล่นในงานกันอย่างครบถ้วนไม่ตกหล่น
เมื่อเดินครบกันแล้ว พักให้หายเหนื่อยแล้วเตรียมตัวเดินตามเรามาขึ้นรถซาฟารีที่จอดรออยู่สำนักงานยาสูบ แล้วไปตะลุยย่านจัดงานอีกแห่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือย่าน TCDC เชียงใหม่ ในตอนหน้า