คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสของรีล มาดริด คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี “บัลลงดอร์” หรือรางวัล “ลูกบอลทองคำ” ไปครองเป็นสมัยที่ 4 ตามความคาดหมาย ในการประกาศรางวัลที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากทำผลงานโดดเด่นตลอดทั้งปี พาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปไปครองเป็นครั้งแรกในศึก “ยูโร 2016” ที่ฝรั่งเศส และพาราชันชุดขาวคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครองเป็นสมัยที่ 11
สำหรับรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ลิขสิทธิ์กลับไปเป็นของนิตยสาร “ฟร้องซ์ ฟุตบอล” แต่เพียงเจ้าเดียวอีกครั้ง หลังจากระหว่างปี 2010-2015 ไปควบรวมกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมโลกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) โดยให้สิทธิผู้สื่อข่าวที่ได้รับเลือกจากฟร้องซ์ ฟุตบอล จำนวน 173 คนทั่วโลกทำหน้าที่โหวต ต่างจากรางวัลของฟีฟ่าซึ่งให้โค้ชและกัปตันทีมชาติทุกประเทศลงคะแนน
โรนัลโด้ซึ่งคว้ารางวัลนี้มาแล้วในปี 2008, 2013, 2014 ขาดอีกเพียงครั้งเดียวจะเทียบเท่าสถิติสูงสุดของลิโอเนล เมสซี่ คู่ปรับสำคัญจากบาร์เซโลน่า ซึ่งได้คะแนนโหวตเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ ส่วนอันดับ 3-5 เป็นอ็องตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก้ มาดริด), หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า) และเนย์มาร์ (บาร์เซโลน่า) ตามลำดับ
โรนัลโด้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รางวัลทรงเกียรตินี้ถึง 4 สมัย ความรู้สึกตอนได้รับรางวัลไม่ต่างจากตอนขึ้นรับครั้งแรกเลย นั่นคือรู้สึกเหมือนฝันเป็นจริง และดีใจมากๆ อาจกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของตนเพราะประสบความสำเร็จทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ โดยส่วนตัวไม่อยากเอาผลงาน 2 อย่างมาเทียบกัน แต่ต้องยอมรับว่าแชมป์ยุโรปที่ทำได้กับโปรตุเกสเป็นความรู้สึกที่เหนือกว่าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกของราชันชุดขาว
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/392582
ไม่พลิกโผ! ‘โรนัลโด้’ คว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 4
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสของรีล มาดริด คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี “บัลลงดอร์” หรือรางวัล “ลูกบอลทองคำ” ไปครองเป็นสมัยที่ 4 ตามความคาดหมาย ในการประกาศรางวัลที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากทำผลงานโดดเด่นตลอดทั้งปี พาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปไปครองเป็นครั้งแรกในศึก “ยูโร 2016” ที่ฝรั่งเศส และพาราชันชุดขาวคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครองเป็นสมัยที่ 11
สำหรับรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ลิขสิทธิ์กลับไปเป็นของนิตยสาร “ฟร้องซ์ ฟุตบอล” แต่เพียงเจ้าเดียวอีกครั้ง หลังจากระหว่างปี 2010-2015 ไปควบรวมกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมโลกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) โดยให้สิทธิผู้สื่อข่าวที่ได้รับเลือกจากฟร้องซ์ ฟุตบอล จำนวน 173 คนทั่วโลกทำหน้าที่โหวต ต่างจากรางวัลของฟีฟ่าซึ่งให้โค้ชและกัปตันทีมชาติทุกประเทศลงคะแนน
โรนัลโด้ซึ่งคว้ารางวัลนี้มาแล้วในปี 2008, 2013, 2014 ขาดอีกเพียงครั้งเดียวจะเทียบเท่าสถิติสูงสุดของลิโอเนล เมสซี่ คู่ปรับสำคัญจากบาร์เซโลน่า ซึ่งได้คะแนนโหวตเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ ส่วนอันดับ 3-5 เป็นอ็องตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก้ มาดริด), หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า) และเนย์มาร์ (บาร์เซโลน่า) ตามลำดับ
โรนัลโด้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รางวัลทรงเกียรตินี้ถึง 4 สมัย ความรู้สึกตอนได้รับรางวัลไม่ต่างจากตอนขึ้นรับครั้งแรกเลย นั่นคือรู้สึกเหมือนฝันเป็นจริง และดีใจมากๆ อาจกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของตนเพราะประสบความสำเร็จทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ โดยส่วนตัวไม่อยากเอาผลงาน 2 อย่างมาเทียบกัน แต่ต้องยอมรับว่าแชมป์ยุโรปที่ทำได้กับโปรตุเกสเป็นความรู้สึกที่เหนือกว่าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกของราชันชุดขาว
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/392582