RMF vs ประกันบำนาญ อะไรดีกว่ากัน

กระทู้สนทนา


        สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนเกษียณอายุ และอยากลดหย่อนภาษี ก็มีทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และประกันบำนาญ ทั้งนี้ หลายคนอาจมีคำถามข้อสงสัยว่า ควรเลือกแบบไหนจะดีกว่ากัน ดังนั้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ K-Expert ได้รวบรวมข้อดีหรือความน่าสนใจของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และประกันบำนาญ มาฝากดังนี้ครับ

         ประกันบำนาญ ... คุ้มครองชีวิตเพิ่มความมั่นคง
         เป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้ทำประกันมีเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ ซึ่งประกันบำนาญที่มีความคุ้มครองชีวิต 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ โดยนอกจากจะสามารถนำค่าเบี้ยประกันบำนาญไปลดหย่อนภาษีในวงเงินเดียวกันกับประกันชีวิตทั่วไปเป็นจำนวน 100,000 บาทต่อปีแล้ว ยังสามารถลดหย่อนเพิ่มได้อีก 200,000 บาท ทั้งนี้ วงเงินที่ใช้สิทธิเพิ่มได้อีก 200,000 บาทนั้น ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับความน่าสนใจของประกันบำนาญมีดังนี้ครับ

         สร้างรายได้สม่ำเสมอหลังเกษียณ
         ประกันบำนาญมีเงื่อนไขการจ่ายเงินคืนเป็นเงินบำนาญรายงวดให้แก่ผู้ทำประกัน เมื่อผู้ทำประกันมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป จนถึงอายุไม่ต่ำกว่า 85 ปี เช่น ประกันบำนาญ ชำระเบี้ยประกัน 5 ปี ได้รับเงินบำนาญทุกปี ตั้งแต่อายุ 55-85 ปี ทำให้ผู้ทำประกันมั่นใจได้ว่า จะมีเงินใช้จ่ายอย่างแน่นอนในช่วงวัยเกษียณ ทั้งนี้ ประกันบำนาญจะไม่มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ก่อนเริ่มจ่ายเงินบำนาญ ยกเว้นกรณีเสียชีวิตเท่านั้น

         คุ้มครองชีวิตตลอดสัญญา
         การทำประกันบำนาญ นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำประกันว่าจะมีเงินใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอในยามเกษียณ ยังสร้างความอุ่นใจว่าได้รับความคุ้มครองชีวิตตลอดสัญญาทั้งก่อนและหลังรับเงินบำนาญ โดยหากผู้ทำประกันเสียชีวิตระหว่างการจ่ายเบี้ยประกัน หรือก่อนรับเงินบำนาญจากบริษัทฯ เงินที่ทายาทได้รับจะเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด เช่น ทำประกันโดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท โดยปีกรมธรรม์ที่ 1 คุ้มครอง 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หากผู้ทำประกันเสียชีวิตในปีกรมธรรม์ที่ 1 ทายาทหรือผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินจากบริษัทฯ 2,000,000 บาท ทั้งนี้ หากผู้ทำประกันเสียชีวิตช่วงรับเงินบำนาญ จะได้รับความคุ้มครองเท่ากับเบี้ยประกันภัยสะสมที่ชำระไว้แล้ว ลบด้วย เงินบำนาญสะสมที่รับไปแล้ว ดังนั้น ความคุ้มครองชีวิตจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาทำประกันบำนาญ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว

         กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ...ลงทุนเพิ่มความมั่งคั่ง
         เป็นกองทุนรวมที่ผู้เสียภาษีสามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของเงินได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันบำนาญ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท นอกจากนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ยังมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น นโยบายเน้นลงทุนในหุ้น นโยบายลงทุนผสมทั้งหุ้นและตราสารหนี้ นโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งการลดหย่อนภาษีด้วย กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีความน่าสนใจดังนี้ครับ

         เพิ่มความมั่งคั่ง
         เมื่อขึ้นชื่อว่าการลงทุน สิ่งที่ตามมาก็คือ ความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงสูง ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แต่ต้องยอมรับโอกาสที่สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ย่อมมีโอกาสสร้างความมั่งคั่ง หรือได้รับผลตอบแทนที่สูงมากกว่าการทำประกันชีวิต เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเงินที่จ่ายสำหรับค่าเบี้ยประกัน กับเงินลงทุนใน RMF ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน หากรับความเสี่ยงได้ แล้วเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น ลงทุนผสมในหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-7% ต่อปี หรือเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เน้นลงทุนในหุ้น ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8-12% ต่อปี เมื่อถึงวันเกษียณ ก็มีโอกาสมีเงินใช้จ่ายเพื่อเกษียณได้มากกว่าการทำประกันบำนาญ ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีความเสี่ยงสูง ก็ต้องยอมรับโอกาสที่เงินลงทุนจะลดลง เมื่อเทียบกับประกันบำนาญที่รู้จำนวนเงินที่ได้รับแน่นอน

         ยืดหยุ่นในการลดหย่อนภาษี
         โดยปกติ ประกันชีวิตมีเงื่อนไขที่ต้องชำระเบี้ยประกันในจำนวนที่เท่ากันตลอดอายุสัญญา ประกันบำนาญก็เช่นกัน ด้วยเงื่อนไขการชำระเบี้ยดังกล่าวทำให้ประกันบำนาญอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน หรือมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ เช่น มีการผ่อนบ้านหรือรถ หรือเก็บเงินเพื่อเป้าหมายอื่น ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ในขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยสามารถเว้นไม่ซื้อหน่วยลงทุนได้ (ต้องเว้นไม่เกิน 1 ปี) หรือปรับลดเงินลงทุนในแต่ละปีได้ ขอเพียงลงทุนขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ หรือ 5,000 บาท

         จะเห็นได้ว่า ทั้งประกันบำนาญ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันคือ ส่งเสริมให้มีการเก็บออมเพื่อเป็นเงินใช้จ่ายยามเกษียณ โดยแนะนำว่าผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี พร้อมเก็บเงินเกษียณไปด้วยกัน ควรมีทั้งประกันบำนาญ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อรับความคุ้มครองชีวิตจากประกันบำนาญ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ครับ

อ่านบทความเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ที่ https://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based02.aspx
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่