อันดับแรกวางแผนว่าจะไปวันนั้น วั้นนี้ งั้นงี้ โน้นนั้น ในที่สุดฤกษ์ก็ออกมาเป็นวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ทำไมวันนี้ ก็เป็นวันธรรมดาและ 10 ก็หยุด ลางานเลยครับแผนการคือไปนอนบ้านน้องที่จะไปด้วยกัน แต่ผิดแผนน้องติดธุระไปด้วยไม่ได้ แผนสองเริ่มเกิดขึ้น น้องอีกคนบอกว่าไปกะหนู บ่ายแก่ๆของวันที่ 9 เริ่มมีอาการเหมือนจะไม่เป็นไปตามแผน แต่สรุปตกลงกันได้และไปกันในที่สุด สิ่งที่ทำตลอดคืออ้อนวอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตลอดเวลาขอให้ลูกได้ไปกราบพ่อในวันนี้เถิด
ผ่านไปโดยง่ายไหม ไม่เลย รถติดลุ้นระทึกตลอดเวลา ว่าจะทันหรือไม่ทันประตูท้องสนามหลวงจะปิดลง รถออกจากเมกาบางนาเวลา ~18.30-18.45 น.นี่ล่ะ ถึงข้างวังสราญรมณ์กี่โมงไม่รู้เพราะไม่ดูเวลาเร่งๆๆๆเดินรู้เพียงว่ายังอยู่ในเวลาสองทุ่ม ดูนาฬิกาอีกที่ตอนเท้าแตะแถวเข้าคิวนี่ล่ะ 20.30 น. จากนั้นการรอคอยเข้ากราบพระบรมศพก็เริ่มขึ้น ผู้คนมากมายจากทุกสารทิศที่มีจิตใจเดียวกันคือกราบพระบรมศพหน้าพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ของพวกเรา ด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ถึงจะไปถึงค่ำแล้ว คำว่าหิว คำว่าอดไม่มีเลยที่นี่ ระหว่างการรอคิวอยู่นั้นคุณเจ้าหน้าที่เดินแจกขนมและน้ำเพื่อเป็นการรองท้อง แจกพัดเพื่อคลายความร้อนเพราะช่วงเวลาที่รอนั้นไม่มีลมพัดแต่ไม่ร้อนจัด แจกยาดมสำหรับสูดดมให้ชื่นใจคนค่อนข้างเยอะสำหรับวันนี้ คุณทหารบอก แต่เยอะสู้วันที่ 4 ไม่ได้ เลยถามคุณทหารว่าแล้วคนที่เหลือล่ะคะทำยังไง คุณทหารบอกว่าไม่มีตกค้างครับเคลียร์ให้เข้าจนหมดแต่ประตูสนามหลวงจะปิดตอนสามทุ่ม ใจมาเลยทุกคนที่ไปด้วยกันยิ้มอย่างมีความสุขว่าฉันได้เข้าแน่นอน เราไปกันสี่คน ฉัน น้องแอม พ่อและแม่น้อง เราเดินคิวไปค่อนข้างเร็วระหว่างเดินแถวก้อได้รับ ผัดหมี่จากหน่วยงานไหนไม่รู้แต่อร่อยค่ะ ประมาณสามทุ่มเศษเราก็ได้นั่งอยู่ในเต้นท์หมวด ค.ควาย ซึ่งเต้นท์เริ่มตั้งแต่หมวด ก.ไก่ถึง ซ.โซ่ ซึ่งการเรียกคิววนไปตามตัวอักษร แน่นอนฉันเป็นชุดสุดท้ายเพราะต่อจากฉันไม่มีแล้ว แต่ที่รออยู่ตั้งแต่หมวด ง.งู นั่นคือรอวนไปจ้ะจนถึง ค.ควายอีกรอบ เมื่อมาถึงเต้นท์ได้ที่นั่งเรียบร้อยเราสามารถไป ห้องน้ำ หรือหารับประทานอาหารได้ ซึ่งวันนี้มีข้าวราดแกง ข้าวไข่เจียว น้ำลิ้นจี่ น้ำสัปปะรด น้ำเขียว น้ำแดง น้ำเปล่า รอกันไปจนประมาณเกือบห้าทุ่ม ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูผัดมาม่ามาแจกอีกแล้วค่ะ ตามด้วยน้ำเขียว น้ำแดง น้ำเปล่า และคิวเริ่มใกล้เข้ามา เริ่มมาที่ ก.ไก่ เห้ยจะถึงฉันแล้ว สักประมาณห้าทุ่มเศษทางร่วมกตัญญูยังคงทำมันต้มน้ำขิงมาแจกอีกค่ะ คืออิ่มจนวินาทีสุดท้าย และเวลา 23.30 น.เราได้เดินออกจากเต้นท์ ซึ่งหลังจากนี้เราจะไม่มีที่นั่งแล้วค่ะ แต่ยืนรอไม่นานเท่าไหร่ ก้อเที่ยงคืนล่ะค่ะคุณเจ้าหน้าที่เดินแซวว่าเข้าคิวตั้งแต่วันที่ 9 ได้กราบวันที่ 10 ทุกคนก็ขำกันค่ะ ว่าเราอยู่ในสนามหลวงตอนเที่ยงคืน ประมาณเที่ยงคืนครึ่วเราก้อได้เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี และประตูวิมาณเทเวศน์ บรรยากาศยามค่ำคืนที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นแน่นอนหากเรามิได้เข้ามาเพื่อกราบพระบรมศพ สวยงามจับตาพระที่นั่งต่างๆสะท้อนแสงไฟ และแล้ว 01.30 น. โดยประมาณ เราก็ได้เข้ากราบพระบรมศพ ระหว่างที่เดินเข้าไปภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สายตาจับจ้องแต่พระบรมโกศพร้อม ความจุกอยู่ในใจแต่ไม่ร้องไห้นะ ตื้นตันใจปลื้มใจสุขใจหาที่สุดมิได้เลยจริงๆ รอบๆมีอะไรบ้าง ไม่รู้ซิไม่ได้มองเลยจริงๆ
ถึงเวลากลับเอิ่มกลับไงว้าเพลานี้ก็ร่วมตีสองแล้วออกจากประตูเทวาภิรมณ์ ก็พบรถโดยสารที่ส่งสองจุดคือรักษาดินแดนและโรงแรมรัตโกสินทร์ครั้งแรกคิดว่าจะลงที่โรงแรมแล้วเรียกแท็กซี่ยาวมา แต่ได้ยินเสียงคุณกระเป๋าบอกว่าตรงรักษาดินแดนต่อรถสาย 25 มาบางนาได้ เผ่นลงเลยจร้า เราลงอุดมสุขแล้วเรียกเท็กซี่ต่อไปยังที่พักถึงที่พักราวตีสาม และแล้วการปฏิบัติภาระกิจเราก็จบลง ด้วยความสุขใจและที่สำคัญง่วงมากกก -END-
แชร์ประสบการณ์ การไปกราบพระบรมศพ
ผ่านไปโดยง่ายไหม ไม่เลย รถติดลุ้นระทึกตลอดเวลา ว่าจะทันหรือไม่ทันประตูท้องสนามหลวงจะปิดลง รถออกจากเมกาบางนาเวลา ~18.30-18.45 น.นี่ล่ะ ถึงข้างวังสราญรมณ์กี่โมงไม่รู้เพราะไม่ดูเวลาเร่งๆๆๆเดินรู้เพียงว่ายังอยู่ในเวลาสองทุ่ม ดูนาฬิกาอีกที่ตอนเท้าแตะแถวเข้าคิวนี่ล่ะ 20.30 น. จากนั้นการรอคอยเข้ากราบพระบรมศพก็เริ่มขึ้น ผู้คนมากมายจากทุกสารทิศที่มีจิตใจเดียวกันคือกราบพระบรมศพหน้าพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ของพวกเรา ด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ถึงจะไปถึงค่ำแล้ว คำว่าหิว คำว่าอดไม่มีเลยที่นี่ ระหว่างการรอคิวอยู่นั้นคุณเจ้าหน้าที่เดินแจกขนมและน้ำเพื่อเป็นการรองท้อง แจกพัดเพื่อคลายความร้อนเพราะช่วงเวลาที่รอนั้นไม่มีลมพัดแต่ไม่ร้อนจัด แจกยาดมสำหรับสูดดมให้ชื่นใจคนค่อนข้างเยอะสำหรับวันนี้ คุณทหารบอก แต่เยอะสู้วันที่ 4 ไม่ได้ เลยถามคุณทหารว่าแล้วคนที่เหลือล่ะคะทำยังไง คุณทหารบอกว่าไม่มีตกค้างครับเคลียร์ให้เข้าจนหมดแต่ประตูสนามหลวงจะปิดตอนสามทุ่ม ใจมาเลยทุกคนที่ไปด้วยกันยิ้มอย่างมีความสุขว่าฉันได้เข้าแน่นอน เราไปกันสี่คน ฉัน น้องแอม พ่อและแม่น้อง เราเดินคิวไปค่อนข้างเร็วระหว่างเดินแถวก้อได้รับ ผัดหมี่จากหน่วยงานไหนไม่รู้แต่อร่อยค่ะ ประมาณสามทุ่มเศษเราก็ได้นั่งอยู่ในเต้นท์หมวด ค.ควาย ซึ่งเต้นท์เริ่มตั้งแต่หมวด ก.ไก่ถึง ซ.โซ่ ซึ่งการเรียกคิววนไปตามตัวอักษร แน่นอนฉันเป็นชุดสุดท้ายเพราะต่อจากฉันไม่มีแล้ว แต่ที่รออยู่ตั้งแต่หมวด ง.งู นั่นคือรอวนไปจ้ะจนถึง ค.ควายอีกรอบ เมื่อมาถึงเต้นท์ได้ที่นั่งเรียบร้อยเราสามารถไป ห้องน้ำ หรือหารับประทานอาหารได้ ซึ่งวันนี้มีข้าวราดแกง ข้าวไข่เจียว น้ำลิ้นจี่ น้ำสัปปะรด น้ำเขียว น้ำแดง น้ำเปล่า รอกันไปจนประมาณเกือบห้าทุ่ม ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูผัดมาม่ามาแจกอีกแล้วค่ะ ตามด้วยน้ำเขียว น้ำแดง น้ำเปล่า และคิวเริ่มใกล้เข้ามา เริ่มมาที่ ก.ไก่ เห้ยจะถึงฉันแล้ว สักประมาณห้าทุ่มเศษทางร่วมกตัญญูยังคงทำมันต้มน้ำขิงมาแจกอีกค่ะ คืออิ่มจนวินาทีสุดท้าย และเวลา 23.30 น.เราได้เดินออกจากเต้นท์ ซึ่งหลังจากนี้เราจะไม่มีที่นั่งแล้วค่ะ แต่ยืนรอไม่นานเท่าไหร่ ก้อเที่ยงคืนล่ะค่ะคุณเจ้าหน้าที่เดินแซวว่าเข้าคิวตั้งแต่วันที่ 9 ได้กราบวันที่ 10 ทุกคนก็ขำกันค่ะ ว่าเราอยู่ในสนามหลวงตอนเที่ยงคืน ประมาณเที่ยงคืนครึ่วเราก้อได้เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี และประตูวิมาณเทเวศน์ บรรยากาศยามค่ำคืนที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นแน่นอนหากเรามิได้เข้ามาเพื่อกราบพระบรมศพ สวยงามจับตาพระที่นั่งต่างๆสะท้อนแสงไฟ และแล้ว 01.30 น. โดยประมาณ เราก็ได้เข้ากราบพระบรมศพ ระหว่างที่เดินเข้าไปภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สายตาจับจ้องแต่พระบรมโกศพร้อม ความจุกอยู่ในใจแต่ไม่ร้องไห้นะ ตื้นตันใจปลื้มใจสุขใจหาที่สุดมิได้เลยจริงๆ รอบๆมีอะไรบ้าง ไม่รู้ซิไม่ได้มองเลยจริงๆ
ถึงเวลากลับเอิ่มกลับไงว้าเพลานี้ก็ร่วมตีสองแล้วออกจากประตูเทวาภิรมณ์ ก็พบรถโดยสารที่ส่งสองจุดคือรักษาดินแดนและโรงแรมรัตโกสินทร์ครั้งแรกคิดว่าจะลงที่โรงแรมแล้วเรียกแท็กซี่ยาวมา แต่ได้ยินเสียงคุณกระเป๋าบอกว่าตรงรักษาดินแดนต่อรถสาย 25 มาบางนาได้ เผ่นลงเลยจร้า เราลงอุดมสุขแล้วเรียกเท็กซี่ต่อไปยังที่พักถึงที่พักราวตีสาม และแล้วการปฏิบัติภาระกิจเราก็จบลง ด้วยความสุขใจและที่สำคัญง่วงมากกก -END-