Nocturnal Animals หรือชื่อไทยว่า "คืนทมิฬ" สารภาพว่าเป็นหนังที่ผมก็ไม่ได้อยากดูเท่าไรเมื่อเห็นตัวอย่างหนัง แต่หนังดันมีทั้ง Amy Adams และ Jake Gyllenhaal เป็นนักแสดงนำ ซึ่งเป็นนักแสดงที่ผมชอบมากทั้งคู่ ก็เลยรู้สึกอยากดูขึ้นมายังงั้นแหละ ซึ่งผมก็ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนว่าจะได้รับอารมณ์หนังที่มันหนักหน่วงขนาดนี้ ดูแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก จริงๆผมดูตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วครับ จำได้ว่าดูจบออกมาคือรู้สึกเหนื่อยมาก
Nocturnal Animals เป็นหนังที่เล่าเรื่องของซูซาน แต่เป็นซูซานในสามเหตุการณ์แบบสลับไปมา..
เรื่องแรก คือชีวิตในปัจจุบันของซูซาน(Amy Adams) ศิลปินสาวสวย รวย ไฮโซ สามีหล่อ อยู่ในสังคมที่ดี ดูมีความสุข เป็นชีวิตที่คนภายนอกจะมองว่าเพอร์เฟคอ่ะครับ มีเพียงแค่ซูซานเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วชีวิตของตัวเองก็ไม่ได้มีความสุขเลย กลับตรงข้ามด้วยซ้ำ เพราะสามีที่ทุกคนมองว่าหล่อ รวย ของซูซานก็กำลังมีปัญหาเรื่องเงิน แถมยังแอบมีกิ๊กซ่อนไว้ด้วย ตัวซูซานเองก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับงานศิลปะที่ทำอยู่เท่าไร ทั้งที่เธอเคยรักมันมาก
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องในนวนิยายที่เอ็ดเวิร์ด(Jake Gyllenhaal) สามีเก่าของซูซานแต่งและส่งมาให้อ่าน เป็นเรื่องของโทนี่ ที่พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน(หรือย้ายไปทำงานที่นอกเมือง ผมจำไม่ค่อยได้ ฮ่าๆๆ) แต่เกิดไปมีปากมีเสียงกับนักเลงเจ้าถิ่น ทำให้ภรรยาและลูกสาวของเขาถูกข่มขืนและฆ่าโดยที่โทนี่เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ โทนี่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งสิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เอ็ดเวิร์ดดูจงใจจะตั้งชื่อหนังสือว่า "Nocturnal Animals" ซึ่งเป็นฉายาที่เอ็ดเวิร์ดเคยใช้เรียกซูซานสมัยที่อยู่ด้วยกันว่าซูซานเป็นเหมือนสัตว์ที่ออกหากินกลางคืน(ผมก็ไม่แน่ใจรายละเอียดตรงนี้ว่าเพราะปัญหาเรื่องนอนไม่หลับของซูซานรึเปล่านะครับ) และส่งมาในจังหวะที่ซูซานมีปัญหาในชีวิตพอดี
เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของชีวิตในอดีตของซูซานและเอ็ดเวิร์ดสมัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะได้เห็นตั้งแต่ทั้งคู่พบกันและรักกัน ไปจนถึงเกิดปัญหาจนต้องเลิกรากันแล้วซูซานก็พบรักใหม่ ซึ่งก็คือสามีคนปัจจุบันของเธอนี่เอง
อย่างที่บอกไปตอนต้นครับว่าหนังใช้วิธีเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาทั้งสามเหตุการณ์ เพื่อให้เห็นถึงการแก้แค้นที่เอ็ดเวิร์ดต้องการให้ซูซานรับรู้ถึงความเจ็บปวดแบบที่เค้าเคยได้รับเมื่อตอนที่ซูซานทิ้งเค้าไป ในมุมของผมนะครับ โทนี่ในนวนิยายที่เอ็ดเวิร์ดเขียนไม่ใช่ตัวเอ็ดเวิร์ดเอง แต่เอ็ดเวิร์ดจงใจเขียนให้โทนี่เสมือนเป็นตัวซูซาน เพราะโทนี่กับซูซานมีสิ่งที่เหมือนกันคือเมื่อเจอกับปัญหาก็เลือกที่จะซ่อนตัวจากปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้า ปล่อยให้คนที่ตัวเองเคยพูดว่ารักนักหนาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็หนีเอาชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะเจ็บช้ำขนาดไหน ซึ่งเอ็ดเวิร์ดเขียนให้ภรรยาและลูกสาวของโทนี่ถูกข่มขืนและฆ่าตาย มันก็เหมือนกับตัวเค้าเองที่หลังจากถูกซูซานทิ้งก็ไม่ต่างอะไรกับการตายไปแถมยังถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนักทั้งเห็นภาพที่ซูซานอยู่กับผู้ชายคนใหม่และซูซานทำแท้งลูกของเขา สิ่งต่างๆที่เอ็ดเวิร์ดเจอมันเจ็บปวดไม่ต่างจากที่ภรรยาและลูกสาวของโทนี่(ในหนังสือ) ได้เจอเลย อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ทั้งคู่ตายไป ไม่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดซ้ำซากแบบที่เอ็ดเวิร์ดเจอในชีวิตจริง
สารภาพตามตรงว่าเอาจริงๆผมก็ไม่กล้าฟันธงหรอกครับว่าสิ่งที่ผมเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะมันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมรู้สึกว่าหนังจงใจใส่มาเพื่อตอกย้ำการเทียบเคียงชีวิตของซูซานกับเอ็ดเวิร์ด และครอบครัวของโทนี่ในหนังสือ เพียงแต่ผมยังตีไม่แตก จะไปดูซ้ำก็รู้สึกว่าจิตใจยังไม่พร้อมจะรับความเครียดขนาดนั้นอีกรอบ ฮ่าๆๆ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าผมเข้าใจถูกต้องก็คือเอ็ดเวิร์ดจงใจแต่งนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นซูซานแน่ๆล่ะครับ เผลอๆเอ็ดเวิร์ดอาจจะติดตามชีวิตของซูซานจนรู้ถึงสภาพปัญหาที่ซูซานกำลังเจออยู่ด้วยซ้ำก็เลยจงใจส่งนวนิยายเรื่องนี้มาให้ซูซานอ่านในช่วงเวลานี้พอดี บวกกับเรื่องที่ซูซานเคยพูดกับเอ็ดเวิร์ดว่านวนิยายที่เอ็ดเวิร์ดเขียน(ในอดีต) ล้วนมีแต่เรื่องของตัวเอง มันไม่น่าสนใจ ดังนั้นผมเลยค่อนข้างมั่นใจว่าโทนี่ ตัวเอกในนวนิยายน่าจะไม่ใช่ตัวเอ็ดเวิร์ดเอง แต่หมายถึงซูซานนั่นแหละ เอ็ดเวิร์ดพาซูซานไปรับรู้ความเลวร้ายที่ซูซานเคยทำไว้กับเค้าผ่านโทนี่ และเอ็ดเวิร์ดน่าจะรู้แน่ๆว่าเมื่อซูซานอ่านจบ ซูซานจะต้องรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดต้องการจะสื่อ ซึ่งนั่นคือการบรรลุการแก้แค้นของเอ็ดเวิร์ดแล้วครับ เมื่อซูซานส่งอีเมล์ไปขอนัดพบกับเอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดจึงตอบรับทันที แต่เค้ากลับไม่มาตามนัด เพื่อให้ซูซานได้รู้สึกถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยว และเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เหมือนกับที่ซูซานเคยทำไว้กับเค้า ซึ่งผมว่ามันเจ็บนะครับ ในขณะที่เรากำลังต้องการใครบางคนเพื่อมาบรรเทาความเจ็บปวดในใจ คนคนนั้นกลับไม่คิดจะกลับมาหาเราอีกแล้ว นี่แหละครับที่ผมรู้สึกว่ามันคือการแก้แค้นของเอ็ดเวิร์ด
:: สรุปครับ ::
ผมว่าหนังเรื่องนี้มันเด่นในแง่ของการถ่ายทอดอารมณ์ ทุกฉากในหนังมันมีพลังมากในการทำให้เรารู้สึกเหมือนที่ตัวละครรู้สึก ฉากไหนตัวละครเสียใจ เราก็จะรู้สึกได้จริงว่าตัวละครเสียใจเพราะอะไร ฉากไหนที่ตัวละครโกรธ เราก็จะเข้าใจว่าทำไมเค้าต้องโกรธ คือมันจะเป็นหนังที่เราต้องคิดตามไปกับเรื่องแบบ 100% เลยอ่ะครับ และมันก็จะเป็นที่มาของอาการเหนื่อยแบบที่ผมเป็น เพราะต้องคิดตามตลอดเวลาจริงๆ ผมว่าแนวการเล่าเรื่องของหนังมันจะคล้ายๆหนังของคุณเป็นเอก รัตนเรือง ถ้าใครเคยได้ดูนะครับ คือมันจะมีเส้นเรื่องของมันแหละ แต่ดูจบอาจจะงงๆนิดหน่อยว่าเนื้อเรื่องที่เราเข้าใจมันตรงกับสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อมั้ย หรือบางทีไปดูกับเพื่อน เพื่อนอาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องไปอีกแบบนึงก็ได้ ผมว่ามันค่อนข้างเป็นหนังที่เล่นกับอารมณ์และประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนอ่ะครับ ความเข้าใจในเนื้อเรื่องอาจจะไม่สำคัญเท่ากับการรับรู้อารมณ์ก็ได้ แต่ถ้าถามว่าดูยากมั้ย อย่างที่บอกครับ ผมว่าสไตล์มันคล้ายหนังของคุณเป็นเอก เช่น พลอย นางไม้ เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล อะไรแนวนั้น แต่มาในโทนที่ดาร์คและหม่นกว่า พูดเรื่องการแก้แค้นโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่เจ็บยิ่งกว่าถูกฆ่าให้ตายซะอีก!!
Nocturnal Animals :: การแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุดคือการทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเอง [SPOIL]
Nocturnal Animals เป็นหนังที่เล่าเรื่องของซูซาน แต่เป็นซูซานในสามเหตุการณ์แบบสลับไปมา..
เรื่องแรก คือชีวิตในปัจจุบันของซูซาน(Amy Adams) ศิลปินสาวสวย รวย ไฮโซ สามีหล่อ อยู่ในสังคมที่ดี ดูมีความสุข เป็นชีวิตที่คนภายนอกจะมองว่าเพอร์เฟคอ่ะครับ มีเพียงแค่ซูซานเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วชีวิตของตัวเองก็ไม่ได้มีความสุขเลย กลับตรงข้ามด้วยซ้ำ เพราะสามีที่ทุกคนมองว่าหล่อ รวย ของซูซานก็กำลังมีปัญหาเรื่องเงิน แถมยังแอบมีกิ๊กซ่อนไว้ด้วย ตัวซูซานเองก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับงานศิลปะที่ทำอยู่เท่าไร ทั้งที่เธอเคยรักมันมาก
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องในนวนิยายที่เอ็ดเวิร์ด(Jake Gyllenhaal) สามีเก่าของซูซานแต่งและส่งมาให้อ่าน เป็นเรื่องของโทนี่ ที่พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน(หรือย้ายไปทำงานที่นอกเมือง ผมจำไม่ค่อยได้ ฮ่าๆๆ) แต่เกิดไปมีปากมีเสียงกับนักเลงเจ้าถิ่น ทำให้ภรรยาและลูกสาวของเขาถูกข่มขืนและฆ่าโดยที่โทนี่เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ โทนี่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งสิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เอ็ดเวิร์ดดูจงใจจะตั้งชื่อหนังสือว่า "Nocturnal Animals" ซึ่งเป็นฉายาที่เอ็ดเวิร์ดเคยใช้เรียกซูซานสมัยที่อยู่ด้วยกันว่าซูซานเป็นเหมือนสัตว์ที่ออกหากินกลางคืน(ผมก็ไม่แน่ใจรายละเอียดตรงนี้ว่าเพราะปัญหาเรื่องนอนไม่หลับของซูซานรึเปล่านะครับ) และส่งมาในจังหวะที่ซูซานมีปัญหาในชีวิตพอดี
เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของชีวิตในอดีตของซูซานและเอ็ดเวิร์ดสมัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะได้เห็นตั้งแต่ทั้งคู่พบกันและรักกัน ไปจนถึงเกิดปัญหาจนต้องเลิกรากันแล้วซูซานก็พบรักใหม่ ซึ่งก็คือสามีคนปัจจุบันของเธอนี่เอง
อย่างที่บอกไปตอนต้นครับว่าหนังใช้วิธีเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาทั้งสามเหตุการณ์ เพื่อให้เห็นถึงการแก้แค้นที่เอ็ดเวิร์ดต้องการให้ซูซานรับรู้ถึงความเจ็บปวดแบบที่เค้าเคยได้รับเมื่อตอนที่ซูซานทิ้งเค้าไป ในมุมของผมนะครับ โทนี่ในนวนิยายที่เอ็ดเวิร์ดเขียนไม่ใช่ตัวเอ็ดเวิร์ดเอง แต่เอ็ดเวิร์ดจงใจเขียนให้โทนี่เสมือนเป็นตัวซูซาน เพราะโทนี่กับซูซานมีสิ่งที่เหมือนกันคือเมื่อเจอกับปัญหาก็เลือกที่จะซ่อนตัวจากปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้า ปล่อยให้คนที่ตัวเองเคยพูดว่ารักนักหนาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็หนีเอาชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะเจ็บช้ำขนาดไหน ซึ่งเอ็ดเวิร์ดเขียนให้ภรรยาและลูกสาวของโทนี่ถูกข่มขืนและฆ่าตาย มันก็เหมือนกับตัวเค้าเองที่หลังจากถูกซูซานทิ้งก็ไม่ต่างอะไรกับการตายไปแถมยังถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนักทั้งเห็นภาพที่ซูซานอยู่กับผู้ชายคนใหม่และซูซานทำแท้งลูกของเขา สิ่งต่างๆที่เอ็ดเวิร์ดเจอมันเจ็บปวดไม่ต่างจากที่ภรรยาและลูกสาวของโทนี่(ในหนังสือ) ได้เจอเลย อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ทั้งคู่ตายไป ไม่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดซ้ำซากแบบที่เอ็ดเวิร์ดเจอในชีวิตจริง
สารภาพตามตรงว่าเอาจริงๆผมก็ไม่กล้าฟันธงหรอกครับว่าสิ่งที่ผมเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะมันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมรู้สึกว่าหนังจงใจใส่มาเพื่อตอกย้ำการเทียบเคียงชีวิตของซูซานกับเอ็ดเวิร์ด และครอบครัวของโทนี่ในหนังสือ เพียงแต่ผมยังตีไม่แตก จะไปดูซ้ำก็รู้สึกว่าจิตใจยังไม่พร้อมจะรับความเครียดขนาดนั้นอีกรอบ ฮ่าๆๆ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าผมเข้าใจถูกต้องก็คือเอ็ดเวิร์ดจงใจแต่งนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นซูซานแน่ๆล่ะครับ เผลอๆเอ็ดเวิร์ดอาจจะติดตามชีวิตของซูซานจนรู้ถึงสภาพปัญหาที่ซูซานกำลังเจออยู่ด้วยซ้ำก็เลยจงใจส่งนวนิยายเรื่องนี้มาให้ซูซานอ่านในช่วงเวลานี้พอดี บวกกับเรื่องที่ซูซานเคยพูดกับเอ็ดเวิร์ดว่านวนิยายที่เอ็ดเวิร์ดเขียน(ในอดีต) ล้วนมีแต่เรื่องของตัวเอง มันไม่น่าสนใจ ดังนั้นผมเลยค่อนข้างมั่นใจว่าโทนี่ ตัวเอกในนวนิยายน่าจะไม่ใช่ตัวเอ็ดเวิร์ดเอง แต่หมายถึงซูซานนั่นแหละ เอ็ดเวิร์ดพาซูซานไปรับรู้ความเลวร้ายที่ซูซานเคยทำไว้กับเค้าผ่านโทนี่ และเอ็ดเวิร์ดน่าจะรู้แน่ๆว่าเมื่อซูซานอ่านจบ ซูซานจะต้องรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดต้องการจะสื่อ ซึ่งนั่นคือการบรรลุการแก้แค้นของเอ็ดเวิร์ดแล้วครับ เมื่อซูซานส่งอีเมล์ไปขอนัดพบกับเอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดจึงตอบรับทันที แต่เค้ากลับไม่มาตามนัด เพื่อให้ซูซานได้รู้สึกถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยว และเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เหมือนกับที่ซูซานเคยทำไว้กับเค้า ซึ่งผมว่ามันเจ็บนะครับ ในขณะที่เรากำลังต้องการใครบางคนเพื่อมาบรรเทาความเจ็บปวดในใจ คนคนนั้นกลับไม่คิดจะกลับมาหาเราอีกแล้ว นี่แหละครับที่ผมรู้สึกว่ามันคือการแก้แค้นของเอ็ดเวิร์ด
ผมว่าหนังเรื่องนี้มันเด่นในแง่ของการถ่ายทอดอารมณ์ ทุกฉากในหนังมันมีพลังมากในการทำให้เรารู้สึกเหมือนที่ตัวละครรู้สึก ฉากไหนตัวละครเสียใจ เราก็จะรู้สึกได้จริงว่าตัวละครเสียใจเพราะอะไร ฉากไหนที่ตัวละครโกรธ เราก็จะเข้าใจว่าทำไมเค้าต้องโกรธ คือมันจะเป็นหนังที่เราต้องคิดตามไปกับเรื่องแบบ 100% เลยอ่ะครับ และมันก็จะเป็นที่มาของอาการเหนื่อยแบบที่ผมเป็น เพราะต้องคิดตามตลอดเวลาจริงๆ ผมว่าแนวการเล่าเรื่องของหนังมันจะคล้ายๆหนังของคุณเป็นเอก รัตนเรือง ถ้าใครเคยได้ดูนะครับ คือมันจะมีเส้นเรื่องของมันแหละ แต่ดูจบอาจจะงงๆนิดหน่อยว่าเนื้อเรื่องที่เราเข้าใจมันตรงกับสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อมั้ย หรือบางทีไปดูกับเพื่อน เพื่อนอาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องไปอีกแบบนึงก็ได้ ผมว่ามันค่อนข้างเป็นหนังที่เล่นกับอารมณ์และประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนอ่ะครับ ความเข้าใจในเนื้อเรื่องอาจจะไม่สำคัญเท่ากับการรับรู้อารมณ์ก็ได้ แต่ถ้าถามว่าดูยากมั้ย อย่างที่บอกครับ ผมว่าสไตล์มันคล้ายหนังของคุณเป็นเอก เช่น พลอย นางไม้ เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล อะไรแนวนั้น แต่มาในโทนที่ดาร์คและหม่นกว่า พูดเรื่องการแก้แค้นโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่เจ็บยิ่งกว่าถูกฆ่าให้ตายซะอีก!!