หลังจากที่คนไทยทั่วโลกได้พบกับเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องเศร้าเสียใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตในค่ำคืนวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ กับการจากไปของพ่อที่คนไทยรักและเทิดทูนมากที่สุด แต่บนความโศกเศร้าก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่คนไทยได้หันกลับมากลมเกลียวปรองดองกันอีกครั้ง ด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ การร่วมกันทำความดีและการถวายความอาลัยอย่างสุดซึ้ง
ช่อง ๗ ถือว่าเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของไทยที่ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายแด่พ่อหลวง ไม่ว่าจะเป็น การแจกริบบิ้น การนำนักแสดงในสังกัดออกแจกจ่ายอาหารและร่วมกันให้กำลังใจคนไทยด้วยกัน รวมไปทั้งการจัดผังรายการเพื่อคงไว้ซึ่งการถวายความอาลัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการเฉพาะกิจ การบันทึกเพลง “แก้วตาในดวงใจ” หรือแม้แต่การรีรันละครน้ำดีอย่าง “สายโลหิต” และที่ขาดไม่ได้คือ ละครเทิดพระเกียรติ ชุด
“ใต้ร่มพระบารมี” ที่ได้ผู้จัดถึง ๙ ค่ายมาสร้างสรรค์ละครเทิดพระเกียรติชุดนี้
ซึ่งการวางผังละครทั้ง ๙ เรื่องถือว่าทำได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าใครได้ชมตั้งแต่เรื่อง
ครูของแผ่นดิน มาจนกระทั่งจบ
จงรักภักดี จะเห็นว่า ละครชุดนี้ค่อยๆ สอดแทรกเรื่องราวของผู้คนหลายกลุ่ม หลายบทบาท โดยนำเรื่องราว พระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์มาถ่ายทอด ซึ่งแต่ละเรื่องก็เหมือนการเดิน timeline ตั้งแต่ที่พระองค์ยังคงทรงงานจนมาถึงคืนที่พวกเราทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งละครทั้ง ๙ เรื่องถ้าได้ดูตั้งแต่เรื่องแรก สำหรับคนที่มีคำถามว่า
“ทำไมคนไทยจึงรักพระองค์มากขนาดนี้” ผมว่าละครชุดนี้ได้เล่าให้ฟังครับ
“ครูของแผ่นดิน”
ผลิตโดย: พอดีคำเอ็นเทอเทนเมนท์
นำแสดงโดย: เวียร์-ศุกลวัฒน์, ยุ้ย-จีรนันท์, พีพี-พัชญา และนัท-อติรุจ
เรื่องนี้นำเสนอผ่านเค้าโครงเรื่องของ ครูอุทัย พรหมวงศ์ ครูที่เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อเด็กนักเรียนอนาคตของประเทศชาติ โดยการนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่คณะอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓ ที่ว่า
“ครูนั้นจะต้องให้ความรู้แก่เด็กๆด้วยความเมตตา ด้วยความหวังดี คือ ด้วยความเมตตาต่อผู้ที่เป็นลูกศิษย์ และด้วยความหวังดีต่อส่วนรวม เพราะถ้าส่วนรวมประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ ส่วนรวมก็จะไปรอด “ และพระราชดำรัส ที่ทรงพระราชทานแก่ครูอาวุโส เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓ ที่ว่า
“ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ” โดยมี เวียร์-ศุกลวัฒน์ รับบทเป็นครูอุทัย ถ่ายทอดเรื่องราวความน่าประทับที่ครูได้ทำเพื่อเด็กๆ ตามพระบรมราโชวาทที่พระองค์เคยพระราชทานไว้ ในเรื่องนี้ถือว่าตอนที่ค่อนข้างฟีลกู๊ด แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่นำพระบรมราโชวาทของพระองค์ไปปฎิบัติตามจะได้รับความประสบความสำเร็จ
“ทางของพ่อ”
ผลิตโดย: ดาราวิดีโอ
นำแสดงโดย: มิกค์ ทองระย้า, ขวัญ-อุษามณี, กระติ๊บ-ชวัลกร, ปาแปง-กุมภ์, อ้อม-อังคณา และซูกัส-บัณฑวิช
การนำพระราชดำริ
“ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง” และความสามัคคี เรื่องราวของนายแบบที่อกหักและครูสาวที่ทุ่มเทแรงกายสอนเด็กนักเรียนในโรงเรียนเล็กๆ กับเรื่องความสามัคคีของคนในท้องถิ่น ที่มีอคติต่อกันทำให้โครงการการพัฒนาต่างๆ ไม่ได้รับเท่าที่ควร แดเนียลรับบทโดย มิกค์ ทองระย้า ที่ดูสาวหลอกจนหมดตัว ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อที่เป็นที่เคารพของคนในท้องถิ่น เขาปฎิบัติตามคำแนะนำเรื่องการพอเพียง แต่เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม เราต้องทำเรื่องการพอเพียง เพราะไม่เห็นได้อะไรเลย จนมาวันหนึ่งเขาก็ได้พบว่า พอเพียง คืออะไร การมีกินมีเก็บและแบ่งปันคนอื่น เพียงเท่านี้ก็ได้ช่วยชีวิตของใครหลายคน และยังมีการนำเสนอเรื่อง
“ปลานิลของพระราชา” สอดแทรกมาในเนื้อหาด้วย และสุดท้ายความสามัคคียังมีอยู่ในใจคนไทยทุกคน เพียงแต่เราใช้อคติเลยทำให้ความสามัคคีลดทอนไป เมื่อพบกับเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ คนไทยก็ย่อมช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนย่อมลดอคติลง สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้น ดังเช่นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในไทย
“คลื่นแห่งศรัทธา”
ผลิตโดย: มุมใหม่
นำแสดงโดย ไมค์-ภัทรเดช, เซฟ-เซฟฟานี่และ เชน-ณัฐวัฒน์
สำหรับละครเทิดพระเกียรติเรื่องที่ ๓ นำเสนอด้านความอัจฉริยะภาพด้านกีฬาของพระองค์ ซึ่งกีฬาเรือใบเป็นกีฬาที่พระองค์ชื่นชอบ โดยเล่าเรื่องโดยการสอดแทรกพระราชนิพนธ์ที่ให้ข้อคิดเรื่องการอดทนและเพียรพยายาม เรื่อง
“พระมหาชนก” เข้ามาเล่าผ่านตัวละคร วิษณุ รับบทโดย ไมค์-ภัทรเดช และ บัววรุณ รับบทโดย เซฟ-เซฟฟานี่ อดีตที่เจ็บปวดทำให้เกิดปมในหัวใจของวิษณุ เขารู้สึกกลัวทะเลเพราะเคยประสบอุบัติเหตุ และพ่อของเขาก็อยากให้เขาสานต่อสิ่งที่พ่อเขาอยากจะให้ทำ นั่นคือการเป็นนักกีฬาเรือใบ แต่ปัญหาหลักคือเขากลัวยังเจ็บกับอดีตเลยไม่กล้าเปิดใจ จนได้พบกับบัวอรุณอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากล้าต่อสู้กับความกลัว ฉากที่บัวอรุณอ่านส่วนหนึ่งของพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ให้วิษณุฟัง ผมว่าถ้าใครได้ฟังได้ดูก็ต้องมีน้ำตาซึมกันบ้าง เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงสอนผ่านพระราชนิพนธ์ เป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริง หากคนเราตั้งใจทำสิ่งใดแล้ว สิ่งที่มีค่าที่สุดคือการได้ทำถึงแม้จะไม่สำเร็จก็จะไม่มีใครมาติเราได้
[7HD] ขอบคุณช่อง 7 สีกับละครเทิดพระเกียรติ ชุด "ใต้ร่มพระบารมี"
ช่อง ๗ ถือว่าเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของไทยที่ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายแด่พ่อหลวง ไม่ว่าจะเป็น การแจกริบบิ้น การนำนักแสดงในสังกัดออกแจกจ่ายอาหารและร่วมกันให้กำลังใจคนไทยด้วยกัน รวมไปทั้งการจัดผังรายการเพื่อคงไว้ซึ่งการถวายความอาลัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการเฉพาะกิจ การบันทึกเพลง “แก้วตาในดวงใจ” หรือแม้แต่การรีรันละครน้ำดีอย่าง “สายโลหิต” และที่ขาดไม่ได้คือ ละครเทิดพระเกียรติ ชุด “ใต้ร่มพระบารมี” ที่ได้ผู้จัดถึง ๙ ค่ายมาสร้างสรรค์ละครเทิดพระเกียรติชุดนี้
ซึ่งการวางผังละครทั้ง ๙ เรื่องถือว่าทำได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าใครได้ชมตั้งแต่เรื่อง ครูของแผ่นดิน มาจนกระทั่งจบ จงรักภักดี จะเห็นว่า ละครชุดนี้ค่อยๆ สอดแทรกเรื่องราวของผู้คนหลายกลุ่ม หลายบทบาท โดยนำเรื่องราว พระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์มาถ่ายทอด ซึ่งแต่ละเรื่องก็เหมือนการเดิน timeline ตั้งแต่ที่พระองค์ยังคงทรงงานจนมาถึงคืนที่พวกเราทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งละครทั้ง ๙ เรื่องถ้าได้ดูตั้งแต่เรื่องแรก สำหรับคนที่มีคำถามว่า “ทำไมคนไทยจึงรักพระองค์มากขนาดนี้” ผมว่าละครชุดนี้ได้เล่าให้ฟังครับ
“ครูของแผ่นดิน”
ผลิตโดย: พอดีคำเอ็นเทอเทนเมนท์
นำแสดงโดย: เวียร์-ศุกลวัฒน์, ยุ้ย-จีรนันท์, พีพี-พัชญา และนัท-อติรุจ
เรื่องนี้นำเสนอผ่านเค้าโครงเรื่องของ ครูอุทัย พรหมวงศ์ ครูที่เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อเด็กนักเรียนอนาคตของประเทศชาติ โดยการนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่คณะอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓ ที่ว่า “ครูนั้นจะต้องให้ความรู้แก่เด็กๆด้วยความเมตตา ด้วยความหวังดี คือ ด้วยความเมตตาต่อผู้ที่เป็นลูกศิษย์ และด้วยความหวังดีต่อส่วนรวม เพราะถ้าส่วนรวมประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ ส่วนรวมก็จะไปรอด “ และพระราชดำรัส ที่ทรงพระราชทานแก่ครูอาวุโส เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓ ที่ว่า “ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ” โดยมี เวียร์-ศุกลวัฒน์ รับบทเป็นครูอุทัย ถ่ายทอดเรื่องราวความน่าประทับที่ครูได้ทำเพื่อเด็กๆ ตามพระบรมราโชวาทที่พระองค์เคยพระราชทานไว้ ในเรื่องนี้ถือว่าตอนที่ค่อนข้างฟีลกู๊ด แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่นำพระบรมราโชวาทของพระองค์ไปปฎิบัติตามจะได้รับความประสบความสำเร็จ
“ทางของพ่อ”
ผลิตโดย: ดาราวิดีโอ
นำแสดงโดย: มิกค์ ทองระย้า, ขวัญ-อุษามณี, กระติ๊บ-ชวัลกร, ปาแปง-กุมภ์, อ้อม-อังคณา และซูกัส-บัณฑวิช
การนำพระราชดำริ “ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง” และความสามัคคี เรื่องราวของนายแบบที่อกหักและครูสาวที่ทุ่มเทแรงกายสอนเด็กนักเรียนในโรงเรียนเล็กๆ กับเรื่องความสามัคคีของคนในท้องถิ่น ที่มีอคติต่อกันทำให้โครงการการพัฒนาต่างๆ ไม่ได้รับเท่าที่ควร แดเนียลรับบทโดย มิกค์ ทองระย้า ที่ดูสาวหลอกจนหมดตัว ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อที่เป็นที่เคารพของคนในท้องถิ่น เขาปฎิบัติตามคำแนะนำเรื่องการพอเพียง แต่เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม เราต้องทำเรื่องการพอเพียง เพราะไม่เห็นได้อะไรเลย จนมาวันหนึ่งเขาก็ได้พบว่า พอเพียง คืออะไร การมีกินมีเก็บและแบ่งปันคนอื่น เพียงเท่านี้ก็ได้ช่วยชีวิตของใครหลายคน และยังมีการนำเสนอเรื่อง “ปลานิลของพระราชา” สอดแทรกมาในเนื้อหาด้วย และสุดท้ายความสามัคคียังมีอยู่ในใจคนไทยทุกคน เพียงแต่เราใช้อคติเลยทำให้ความสามัคคีลดทอนไป เมื่อพบกับเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ คนไทยก็ย่อมช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนย่อมลดอคติลง สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้น ดังเช่นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในไทย
“คลื่นแห่งศรัทธา”
ผลิตโดย: มุมใหม่
นำแสดงโดย ไมค์-ภัทรเดช, เซฟ-เซฟฟานี่และ เชน-ณัฐวัฒน์
สำหรับละครเทิดพระเกียรติเรื่องที่ ๓ นำเสนอด้านความอัจฉริยะภาพด้านกีฬาของพระองค์ ซึ่งกีฬาเรือใบเป็นกีฬาที่พระองค์ชื่นชอบ โดยเล่าเรื่องโดยการสอดแทรกพระราชนิพนธ์ที่ให้ข้อคิดเรื่องการอดทนและเพียรพยายาม เรื่อง “พระมหาชนก” เข้ามาเล่าผ่านตัวละคร วิษณุ รับบทโดย ไมค์-ภัทรเดช และ บัววรุณ รับบทโดย เซฟ-เซฟฟานี่ อดีตที่เจ็บปวดทำให้เกิดปมในหัวใจของวิษณุ เขารู้สึกกลัวทะเลเพราะเคยประสบอุบัติเหตุ และพ่อของเขาก็อยากให้เขาสานต่อสิ่งที่พ่อเขาอยากจะให้ทำ นั่นคือการเป็นนักกีฬาเรือใบ แต่ปัญหาหลักคือเขากลัวยังเจ็บกับอดีตเลยไม่กล้าเปิดใจ จนได้พบกับบัวอรุณอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากล้าต่อสู้กับความกลัว ฉากที่บัวอรุณอ่านส่วนหนึ่งของพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ให้วิษณุฟัง ผมว่าถ้าใครได้ฟังได้ดูก็ต้องมีน้ำตาซึมกันบ้าง เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงสอนผ่านพระราชนิพนธ์ เป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริง หากคนเราตั้งใจทำสิ่งใดแล้ว สิ่งที่มีค่าที่สุดคือการได้ทำถึงแม้จะไม่สำเร็จก็จะไม่มีใครมาติเราได้