วันนี้ 10 ธันวาคม นอกจากเป็นวันรัฐธรรมนูญแล้ว

สหประชาชาติยังกำหนดให้วันนี้เป็นวัน

สิทธิมนุษยชนของโลก World Human Rights Day ด้วย



ในส่วนของปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย จะไม่กล่าวถึงเพราะทุกคนที่เป็นคนไทย

ในช่วงหลายปีนี้ต่างรู้อยู่แก่ใจว่า "มีการละเมิดหรือไม่ บ่อยครั้งเพียงใด"

กระทู้นี้จึงขอกล่าวแค่ในส่วนของ รัฐธรรมนูญ

ในรอบ 40 ปีของการเมืองไทย (พ.ศ 2520 - 2559 ) ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ในการร่าง ร.ธ.น

ซึ่งเป็นที่ถูกใจของคณะ รปห ทุกคณะมี 4 ท่านคือ

๑ ศ.ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน ๒ นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ๓ ดร. วิษณุ เครืองาม ๔ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ

และรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งผ่านประชามติ ก็เป็นฝีมือของ มีชัย ฤชุพันธุ์

วันก่อน มีชัย ออกมาขู่รัฐบาลในอนาคตว่า ถ้าไม่ทำตามยุทธศาสตร์ 20 ปี จะถือว่าเป็นการผิด ร.ธ.น

http://www.matichon.co.th/news/378309



ซึ่งบทลงโทษที่ตามมา คาดได้เลยว่า รัฐบาลนั้นๆจะต้องถูกปลดถูกยึดกลางอากาศเหมือนวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา


ในเนื้อหาตอนหนึ่ง มีชัย ให้เหตุผลว่า

"สมมุติว่า แผนนี้กำหนดว่าประเทศไทยวันข้างหน้าต้องเป็นแบบ 4.0 แต่รัฐบาลใหม่มากลับกำหนดว่า

ไม่เอา กลับไปขี่เกวียนดีกว่า เอาแค่ 1.0 ก็พอ "

ตัวอย่างนี้ของ อ.มีชัย ยกมาได้ถูกใจจริงๆ เพียงแต่ว่า มันออกจะกลับด้านกัน

เมื่อคราวรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ เสนอ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ

หรือที่เรียกกันว่า "พ.ร.บ เงินกู้ 2 ล้านล้าน " ซึ่งมีกรอบการกู้เงิน 7 ปี

(หมายถึงต้องผ่านถึง 3 รัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลเดียว)

ซึ่งโครงการก็มีแผนชัดเจน



แต่ในที่สุด โครงการนี้ ก็ถูกระงับโดย ตลก ศาลรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะนาย สุพจน์ ไข่มุกด์ ให้เหตุผลว่า "ไปทำถนนลูกรังให้หมดก่อน"



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปัจจุบัน สุพจน์ ไข่มุกด์ เป็นรองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนที่ 1


อ. มีชัย เห็นไหมครับว่า ไอ้พวกแนวคิดล้าหลังเป็นพวก 1.0 อยู่ข้างๆตัวท่าน

แต่พวกความคิดทันสมัยที่ท่านยกให้เป็น 4.0 กลับเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

เพราะฉะนั้นการจะกำหนดยุทธศาสตร์อะไรไปอีก 20 ปีข้างหน้าโดยกลุ่มคนที่มีแนวคิดแบบนี้

นึกไม่ออกเลยว่า "ประเทศไทย จะพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างไร"


ยิ่งอ่านร่าง พ.ร.บ พรรคการเมือง ยิ่งไม่สบายใจ

ในร่างซ่อนเงื่อนตายทางการเมืองไว้มากมาย เช่น มาตรา 81 การกระทำการล้มล้างการปกครอง

ประชาธิปไตย เที่ยวนี้นอกจากยุบพรรคแล้ว ยังมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตอีกด้วย

หนำซ้ำ ยังมีอีกหลายมาตราซึ่งซ่อนคำพูดที่เลื่อนลอย แล้วแต่ตีความ เช่น คำว่า "จริยธรรม ศีลธรรม ฯลฯ"


วิกฤตศรัทธาต่อกระบวนการตัดสินข้อพิพากทางการเมืองของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็มาจากการตีความ

ของผู้ตัดสินเหล่านี้ ที่ชัดเจนที่สุด การแก้ ร.ธ.น ในเรื่องที่จะให้ ส.ว มาจากการเลือกตั้ง

ยังถูกหาว่า "ล้มล้าง"  แล้วไอ้คำที่มีความหมายกว้างขวางอย่าง จริยธรรม ศีลธรรม

จะให้เชื่ออย่างไรว่า ในอนาคตวิกฤตการเมืองไทยจะไม่วุ่นวายเหมือนในอดีต

http://www.thairath.co.th/content/384202




อย่าบอกนะครับว่า อันไหนไม่ดีค่อยไปแก้ภายหลัง

ในอดีต ร.ธ.น ของไทย มีแต่พวกท่านเท่านั้นที่แก้ได้ แต่พรรคการเมืองตรงข้าม หรือ ภาคประชาชน

บอกได้เลยเป็นไปไม่ได้ ยิ่งใน ร.ธ.น ฉบับ มีชัย การแก้ไขยิ่งเป็นไปไม่ได้




ถ้ายุทธศาสตร์ 20 ปี หมายถึงการตั้งเป้าหมาย ถึงเรื่องอื่นๆ เช่น จะเป็น ศูยน์กลางการรักษาพยาบาล

ศูยน์กลางโลจิสติกส์  ศูยน์กลางการเงินในภูมิภาค ท่าน ตั้งไปเถอะครับมีแต่คนเห็นด้วย

แต่ในด้านการเมืองแล้ว อย่าไปตั้งยุทธศาสตร์กีดกันคนอีกฟากฝั่งเลยครับ

มิฉะนั้น ประเทศไทย อาจจะเกิดวิกฤตที่รุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา

อย่าทำให้ ประเทศไทย เสียเวลาไปมากกว่านี้เลยครับ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในอดีตเมื่อนาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกช่วงปี 2519 - 2520

ได้เคยกำหนดยุทธศาสตร์การปกครองไว้ 12 ปี แต่ในที่สุดแค่ปีเดียวก็ถูก รปห


โลกเราทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ผู้นำบางประเทศยังวางยุทธศาสตร์ไว้ว่า

ทุกปีต้องมีการเปลี่ยนแปลง 1 ปีเปลี่ยนเล็ก 3 ปีเปลี่ยนใหญ่

แล้ววิสัยทัศน์อย่างกลุ่มพวกท่านจะมองไปไกลถึง 20 ปีเชียวหรือ ?

เปลี่ยนความตั้งใจเถอะครับ เขียนกฏหมายให้ยืดหยุ่นแต่ให้ยุติธรรมที่สุด

อย่าได้จ้องประหัตประหาร ให้เกิดวิกฤตจนต้องเป็นภาระลูกหลานไทยในอนาคตเลย



ป.ล  เสียดายโครงการ 2 ล้านล้าน ถ้าได้ทำป่านนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว

ป.ล 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นเจ้าตลาดเมื่อ 20 ปีก่อน ปัจจุบัน

เสียแชมป์ หรือ ล้ม ไปเป็นจำนวนมาก

ป.ล 3 ย้อนหลังไปประมาณ 10 ปี ใครจะเชื่อว่า SMARTPHONE จะมีประสิทธิภาพมากขนาดนี้