ว่าด้วยวรรณคดีศึกษา+บทประพันธ์

กระทู้สนทนา
ขออนุญาตตั้งกระทู้พูดคุยขึ้นใหม่นะครับ สำหรับพูดคุยเรื่องการเขียนเรื่องแต่ง การวิเคราะห์งานเขียนประเภทเรื่องแต่งทุกชนิด โดยอาจว่าตามกรอบการวิเคราะห์ตามแนวคิดทางวรรณคดีศึกษา และพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปในงานเขียนแนวแฟนตาซีทุกชนิด ผ่านกรอบการวิเคราะห์ทางสาขาวิชาต่างๆ

ทั้งนี้ กระทู้นี้เปิดขึ้นเพื่อการศึกษาในเชิงวรรณคดีศึกษา


คำชี้แจง
1. สามารถอ้างหรือยกเนื้อหาต้นฉบับ หรือสปอยล์เนื้อหาต้นฉบับในกระทู้นี้ได้เลย ถ้าส่วนที่กมานั้นมีความสำคัญต่อประเด็นที่พูดคุยในขณะนั้น
2. หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบที่ดูไม่สมเหตุสมผลทั้งตามท้องเรื่องและตามตรรกะ เช่น การเปรียบเทียบความสามารถของตัวละครข้ามเรื่อง ที่มีสเกลพลังต่างกันมากเกินไป
3. หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์วิชาการถ้าไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นต้องใช้ ให้อธิบายความหมายเพิ่มเติมด้วยเมื่อยกขึ้นมาครั้งแรกในกระทู้นี้
4. อัพเดตข่าวสารในแวดวงวิชาการและแวดวงเทคโนโลยีได้เพื่อประกอบการพูดคุย/เปิดประเด็นถกเถียงใหม่
5. หลีกเลี่ยงการใช้เหตุผลวิบัติ หรือข้ออ้างที่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าผิดได้ เพื่อรักษาบรรยากาศในการสนทนา
6. ขอความร่วมมือ งดการกล่าวหาว่าประเด็น/ข้อถกเถียง/ข้ออ้าง ของผู้ร่วมสนทนาว่าเป็นการมโน เหตุผลตามข้างล่างนี้

สาเหตุที่ผมไม่อยากให้ใช้คำว่ามโน เพราะว่า อันที่จริงแล้ว กระดานสนทนาไม่ควรเป็นเรื่องของการเล่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในตัวเนื้อหา แต่ควรเป็นที่สำหรับพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสวนา วิพากษ์วิจารณ์งานเขียน ทั้งในมุมของผู้เขียน ผู้อ่าน และจากตัวเนื้องานเอง และสามารถตั้งสมมติฐานหรือทฤษฎีเพื่ออธิบายเรื่องราวที่ไม่ถูกระบุอย่างแน่ชัดในตัวเนื้องาน และเพื่ออธิบายผลกระทบและนัยยะของตัวงานที่มีผลต่อโลกความเป็นจริงในปัจจุบัน

สิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการพูดคุย ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหาตั้งแต่แรก หรือถ้าปรากฏก็จะไม่ใช่สิ่งที่ไม่ต้องตีความ เพราะหากเป็นสิ่งที่ระบุในเนื้องานอย่างแน่ชัดแล้ว ก็เท่ากับว่ามันเป็นของตาย ที่ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยในเรื่องนั้นกันอีกแล้ว เพราะจะไม่ให้ความรู้ใหม่หรือไม่ให้แนวความคิดใหม่ ประเด็นที่ชัดเจนแล้วเป็นเรื่องที่จะใช้เป็นข้อมูลซึ่งเป็นฐานที่ใช้ประกอบการวิเคราะห์ประเด็นที่กำลังสนใจ โดยข้อมูลจากศาสตร์ต่างๆหรือข้อมูลจากภายนอกจะเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบการพูดคุยอีกทีหนึ่ง

ทั้งนี้ เพราะสิ่งที่ไม่ปรากฏในงานเขียน ไม่ใช่สิ่งที่จะสรุปว่ามีหรือไม่มีได้ และเราจะทำความเข้าใจมันได้ ผ่านการตีความข้อมูลและบริบท ตลอดจนการถกเถียงในประเด็นนั้นๆเท่านั้น

ประการต่อมา เพื่อนสมาชิกในเว็บบอร์ดแห่งนี้ ใช้คำว่า "มโน" ในความหมายที่กว้าง ครอบคลุมการพูดคุยเรื่องที่ไม่ปรากฏในงานและการตีความสิ่งที่กล่าวถึงในตัวงานไม่ชัดเจนทั้งหมด ซึ่งเป็นการใช้คำนี้ในขอบเขตที่เกินเลย และเป็นการพยายาม "ปิดปาก" ผู้สนทนาตลอดจนผู้ศึกษางาน

การกล่าวว่าการพูดในสิ่งที่ไม่มีเนื้อหาในตัวงานเขียนรองรับว่าเป็นการมโน ถือเป็นความเข้าใจที่ผิดที่ผิดทาง เป็นการสำคัญผิดว่าความหมายของงานเขียนขึ้นอยู่กับผู้เขียนทั้งหมด ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะผู้เขียนไม่สามารถกำหนดความหมายของงานเขียนได้เต็มที่ทั้งหมดอย่างแน่นอน ความหมายของานนั้น อาจจะถูกเข้าใจเป็นอื่นได้ด้วยปัจจัยหลายประการที่สามารถส่งผลต่อความหมายของเนื้องานได้ ดังนั้น ความเข้าใจว่าเนื้อความของงานเขียน ผู้เขียนเป็นผู้กำหนดเสมือนเป็นพระเจ้าของงานเขียนนั้น จึงถือว่าผิดมหันต์

ในความคิดเห็นของผม ผมมองว่า คำๆนี้ ควรใช้ในความหมายว่า เป็นการกล่าวอ้างขึ้นมาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลที่เพียงพอมาสนับสนุนเท่านั้น ซึ่งหลักฐานหรือเหตุผลสนับสนุนนั้น ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงตัวเนื้องานเสมอไป แต่ทำให้สมเหตุสมผลฟังดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ก็เพียงพอแล้ว
7. ขอความร่วมมือ หลีกเลี่ยงประเด็นทางการเมืองที่ผ่านมาไม่ถึงยี่สิบปีนะครับ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้ง จากประเด็นอ่อนไหวในปัจจุบันและที่ร่วมสมัยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่