หน้าหนาวมาถึงแล้ว เอ้ามาเร็วววววมาแอ่วเหนือกันเจ้า!!!
อีกไม่นาน เจ้าของกระทู้จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงรายแล้ว เลยได้ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปฝึกงานตามที่ต่างๆ หลังจากที่มีการประกาศว่า "ภูชี้เดือน" ได้เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวได้แล้ว เจ้าของกระทู้กับเพื่อนก็ไม่รอช้า ตัดสินใจทันทีว่านี่แหละจะเป็นที่เที่ยวสั่งลาของพวกเรา เนื่องจากภูชี้เดือนนั้นอยู่เลยภูชี้ดาว ภูชี้ฟ้า และดอยผาตั้งไปไม่ไกล เพื่อนๆหลายคนก็เคยไป ภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาวมาแล้ว ทุกคนก็เลยตกลงกันว่า ภูชี้เดือนนี่และเหมาะที่สุดที่ จะใช้เป็นที่เที่ยวก่อนที่จะแยกย้ายกัน
(ภาพนี้ต้องขอบคุณพี่ๆที่ขึ้นไปเที่ยวภูชี้เดือนในวันนั้นเหมือนกันที่ช่วยถ่ายภาพแบบครบทั้งกลุ่มให้ค่ะ)
ตามภาพด้านบนในทริปนี้ มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 10 คน โดยพวกเราเดินทางด้วยรถยนต์ทั้งหมด 2 คันออกเดินทางจากหน้ามหาวิทยาลัย เวลาประมาณตี 2:40 นาที ขับไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณเกือบตี 5 เราก็มาถึงบริเวณที่ๆเราต้องจ้างรถชาวบ้าน
เพื่อขึ้นไปยังยอดดอยภูชี้เดือนค่ะ
(ป้ายบอกว่าเรามาถึงภูชี้เดือนแล้วค่า )
หลายคนอาจสงสัยว่าพวกเราก็มีรถมาเอง ทำไมถึงต้องจ้างรถชาวบ้านเพื่อขึ้นไปอีก นั่นก็เป็นเพราะเส้นทางที่เราต้องขึ้นไปมีความชันและอันตรายมากค่ะ
เวลาที่เราไปนั้นฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางที่จะขึ้นไปนั้น ไม่มีไฟกิ่ง อีกทั้งไม่มีไฟสัญญาณใดๆเลยด้วย
รถ 1 คันนั่งได้เต็มที่ประมาณ 10 คน พวกเราเลยตกลงว่าจะไปคันเดียวกันทั้งหมดในราคา 1000 บาทค่ะ
(ตอนหลังได้สอบถามราคากับคุณลุงเหมือนจะเป็นแบบเหมาจ่ายนะคะ คือถ้ามา 2-5 คนราคาจะอยู่ที่ 500 บาท/คัน
คิดว่าถ้าเกิน 5 คนคุณลุงน่าจะคิดราคาตามหัวค่ะ ตกหัวละ 100 บาท กลุ่มของเจ้าของกระทู้ไปทั้งหมด 10 คนก็ 1000 บาทค่ะ
หรือบางท่านที่มากันจำนวนน้อยๆ ก็สามารถรอคนอื่น แล้วขึ้นไปพร้อมกันเพื่อประหยัดค่ารถได้นะคะ)
รถที่จะขึ้นไปที่ยอดดอยน่าจะมีมาคอยรอเราอยู่ตั้งแต่ประมาณตี 4 แล้วล่ะค่ะ มีหลายคันเลย โดยจะใช้เวลาจากจุดขึ้นรถ
ไปถึงยอดดอยประมาณ 30 นาทีค่ะ
เนื่องจากพวกเราขึ้นไปบนดอยก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทำให้มืดจนมองไม่เห็นอะไรข้างทางเลยค่ะ
ตลอดระยะเวลาที่ขึ้นไป แต่ละโค้ง แต่ละทางลาด มีเลียงกรี๊ดของพวกเราอยู่ตลอด จนลุงคนขับรถต้องจอดรถแล้วถามว่ากลัวหรอ?
ลุงคะ พวกหนูกำลังสับสนว่ากำลังนั่งรถขึ้นดอยอยู่หรือว่ากำลังเล่นรถไฟเหาะกันแน่ค้าาาา!!! พวกเรากริ๊ดไปด้วย หัวเราะไปด้วย
เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำจริงๆค่ะ เมื่อเราไปถึงด้านบน จะเป็นจุดจอดรถค่ะ
(ที่นี่จะมีห้องน้ำอยู่ด้วย เป็นห้องน้ำแบบนั่งยองนะคะ ห้องน้ำทำจากสังกะสีค่ะ เรียกได้ว่า นั่งไปด้วยเย็นก้นไปด้วยเลยทีเดียว)
จากจุดจอดรถด้านบนนี้เราก็สามารถมองเห็นดาวตก และดวงดาวนับล้านได้แล้วนะคะ แต่ว่าถ้าหากอยากจะเห็นดวงดาว
แบบใกล้กว่าเดิม ทะเลหมอก รวมไปถึงชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วล่ะก็ ต้องเดินขึ้นไปที่ยอดดอยอีก เพียงแค่ 200 เมตร
(200 เมตรแม้ว) เท่านั้นเอ๊งงงงงงง แน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องขึ้นแล้วล่ะค่ะ
ทางเดินขึ้นเรียกได้ว่าดีมาก เมื่อเทียบกับภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาวค่ะ ทางที่เป็นทางลาดยาว มีการขุดให้เป็นขั้นบันไดเพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเดิน พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ แต่สำหรับตัวเจ้าของกระทู้ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะแล้ว ใช้เวลาเกือบ 45 นาทีเลยทีเดียว
(อันนี้เป็นภาพตอนเดินลงค่ะ ตอนเดินขึ้น ทั้งแสง ทั้งสติ ไม่เหลือพอจะมาถ่ายเลย
)
ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกหมูสำรอง เอ้ย ลูกเสือสำรองเลยว่า ทางเดินดีมากๆค่ะ มีที่ให้หยุดพักเป็นช่วงๆด้วย เมื่อเดินถึงบนยอดเขา
เราจะรู้สึกเหมือนกับถูกดวงดาวนับล้านโอบกอดไว้เลยค่ะ อากาศค่อนข้างหนาวและมีลมพัดแรงตลอด เรียกได้ว่าผมเซตมาดีแค่ไหน ก็ตายช็อตนี้แหละค่ะ
ตอนที่เดินขึ้นถึงยอด เจ้าของกระทู้มีเวลาพอที่จะได้เห็น ดาวตกและดวงดาวทั้งหลาย อยู่สักครู่หนึ่งค่ะ
จากนั้นแสงสีส้มก็ค่อยๆขึ้นจากขอบฟ้า ตอนนี้เริ่มมองเห็นทะเลหมอกด้านล่างแล้วล่ะค่ะ
(อันนี้เป็นภาพตอนนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อนบอกเหมือนรูปปั้นสามอันตั้งเรียงกันเลยค่ะ)
(เพื่อนส่วนที่ยัง Strong ส่วนที่เหลือกำลังโดนจู่โจมด้วยความหนาวค่ะ)
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ภาพตรงหน้า ทำเอาน้ำตาเจ้าของกระทู้แทบไหลเลยค่ะ(แต่!ไม่ใช่เพราะปวดขานะคะ)
เรียกได้ว่า คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ที่ได้เห็นทั้งพระอาทิตย์และทะเลหมอก ที่ปกคลุมป่าที่อยู่เบื้องล่าง
(สามารถมองเห็นยอดเขาต่างๆได้จากมุมนี้ด้วยนะคะ)
(ทะเลหมอกสวยจริงๆค่ะ)
(ครั้งหนึ่งเคยมา....)
ส่วนในเรื่องของความหนาวนั้น..…เรียกได้ว่ามาแบบต่อเนื่องหน้าชาไปตามๆกันเลยค่ะ
ลมพัดแรงมากและพัดแทบจะตลอดเวลา(หรือนี่จะเป็นกระทู้ทำร้ายเพื่อน 555)
(#อั่ก!โดนซ้อม.....รูปที่รอดจากการโจมตีของแรงลมก็มีค่าา)
จุดที่ เจ้าของกระทู้และเพื่อนกำลังยืนอยู่เป็นบังเกอร์เก่าค่ะ ถ้าเข้าไปยืนด้านในหลุมจะทำให้อุ่นขึ้นได้
(วิวของอีกฝั่งก็สวยไม่แพ้กันเลยนะคะ)
ในตอนที่กำลังเดินกลับ เจ้าของกระทู้ก็เหลือบไปเห็น จุดชมวิวอีกที่หนึ่ง ซึ่งสามารถไปได้โดยการเดินแยกไปทางขวาเมื่อมาถึงทางแยกแรกค่ะ
จุดชมวิวฝั่งนี้จะใช้เวลาเดินน้อยกว่า และเตี้ยกว่าฝั่งบังเกอร์ แต่ว่าสามารถชมวิวที่สวยงามจากจุดนี้ได้เช่นกันค่ะ
ถึงเวลาต้องลงจากยอดดอยแล้ว ใช้เวลาลงแค่ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเองค่ะ เมื่อเห็นถนนที่เราขึ้นมาแล้ว
บอกเลยว่า นับถือลุงคนขับจริงๆค่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงที่ช่วยพาพวกเรา
ขึ้นและลงจากดอยอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ
ด้านล่างจะมีสะพานอยู่ค่ะ สายฮิปเตอร์หรือสายไหนก็ตาม ห้ามพลาด เพราะวิวดีมากค่ะ
(ช็อตนี้ตายหมดยกเว้นคนกลางค่ะ...ลงภาพต้องถนอมมิตรภาพกับเพื่อนนิดนึง)
(ช็อตนี้ฆ่า(ตัวตาย)ได้ฆ่า ใครฮาช่างมันค่ะ หลังเบลอไปนิ๊ดดดด)
(มาร์คจุดไว้เลยค่ะ ใครถ่ายก็สวย....)
(พยายามจะฮิปเตอร์ แต่เพื่อนบอกเหมือนเด็กสมบูรณ์ TT^TT!)
(พรีเวดดิ้งก็น่ามา....)
(มุมสวยๆมีเยอะมากจริงๆค่ะ ใครที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง)
**สรุปค่าเดินทาง (ไม่รวมค่าอาหาร)**
ค่าน้ำมันรถ ตกแล้วไปกลับ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง-ภูชี้ดาว 500-700 บาท/คัน (100/คน)
ค่าจ้างรถชาวบ้าน ตกคนละ 100 บาท
(ในเชียงราย มีร้านให้เช่ารถเยอะมากค่ะ สามารถหาได้จากเวป GG ได้เลยราคาน่าจะเริ่มต้นที่ 800/วัน)
ในตอนนี้ ที่ภูชี้เดือนยังมีผู้ที่ขึ้นไปท่องเที่ยวเพียงเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวอยากจะให้มาเที่ยวเชียงรายกันเยอะๆนะคะ
Ps.เป็นการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหน พร้อมรับคำติชม ขอบคุณและขออภัยทุกท่านที่เข้ามาชมด้วยนะคะ
ขอบคุณช่างภาพประจำกลุ่ม
Cr : Prae'm LimitedEdition
Cr : C.Chanunchida
Cr : Ammie'z Shn
[CR] รีวิวเที่ยวภูชี้เดือน ฉบับเร่งด่วน
อีกไม่นาน เจ้าของกระทู้จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงรายแล้ว เลยได้ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปฝึกงานตามที่ต่างๆ หลังจากที่มีการประกาศว่า "ภูชี้เดือน" ได้เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวได้แล้ว เจ้าของกระทู้กับเพื่อนก็ไม่รอช้า ตัดสินใจทันทีว่านี่แหละจะเป็นที่เที่ยวสั่งลาของพวกเรา เนื่องจากภูชี้เดือนนั้นอยู่เลยภูชี้ดาว ภูชี้ฟ้า และดอยผาตั้งไปไม่ไกล เพื่อนๆหลายคนก็เคยไป ภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาวมาแล้ว ทุกคนก็เลยตกลงกันว่า ภูชี้เดือนนี่และเหมาะที่สุดที่ จะใช้เป็นที่เที่ยวก่อนที่จะแยกย้ายกัน
ตามภาพด้านบนในทริปนี้ มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 10 คน โดยพวกเราเดินทางด้วยรถยนต์ทั้งหมด 2 คันออกเดินทางจากหน้ามหาวิทยาลัย เวลาประมาณตี 2:40 นาที ขับไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณเกือบตี 5 เราก็มาถึงบริเวณที่ๆเราต้องจ้างรถชาวบ้าน
เพื่อขึ้นไปยังยอดดอยภูชี้เดือนค่ะ
หลายคนอาจสงสัยว่าพวกเราก็มีรถมาเอง ทำไมถึงต้องจ้างรถชาวบ้านเพื่อขึ้นไปอีก นั่นก็เป็นเพราะเส้นทางที่เราต้องขึ้นไปมีความชันและอันตรายมากค่ะ เวลาที่เราไปนั้นฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางที่จะขึ้นไปนั้น ไม่มีไฟกิ่ง อีกทั้งไม่มีไฟสัญญาณใดๆเลยด้วย
รถ 1 คันนั่งได้เต็มที่ประมาณ 10 คน พวกเราเลยตกลงว่าจะไปคันเดียวกันทั้งหมดในราคา 1000 บาทค่ะ
(ตอนหลังได้สอบถามราคากับคุณลุงเหมือนจะเป็นแบบเหมาจ่ายนะคะ คือถ้ามา 2-5 คนราคาจะอยู่ที่ 500 บาท/คัน
คิดว่าถ้าเกิน 5 คนคุณลุงน่าจะคิดราคาตามหัวค่ะ ตกหัวละ 100 บาท กลุ่มของเจ้าของกระทู้ไปทั้งหมด 10 คนก็ 1000 บาทค่ะ
หรือบางท่านที่มากันจำนวนน้อยๆ ก็สามารถรอคนอื่น แล้วขึ้นไปพร้อมกันเพื่อประหยัดค่ารถได้นะคะ)
รถที่จะขึ้นไปที่ยอดดอยน่าจะมีมาคอยรอเราอยู่ตั้งแต่ประมาณตี 4 แล้วล่ะค่ะ มีหลายคันเลย โดยจะใช้เวลาจากจุดขึ้นรถ
ไปถึงยอดดอยประมาณ 30 นาทีค่ะ
เนื่องจากพวกเราขึ้นไปบนดอยก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทำให้มืดจนมองไม่เห็นอะไรข้างทางเลยค่ะ
ตลอดระยะเวลาที่ขึ้นไป แต่ละโค้ง แต่ละทางลาด มีเลียงกรี๊ดของพวกเราอยู่ตลอด จนลุงคนขับรถต้องจอดรถแล้วถามว่ากลัวหรอ?
ลุงคะ พวกหนูกำลังสับสนว่ากำลังนั่งรถขึ้นดอยอยู่หรือว่ากำลังเล่นรถไฟเหาะกันแน่ค้าาาา!!! พวกเรากริ๊ดไปด้วย หัวเราะไปด้วย
เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำจริงๆค่ะ เมื่อเราไปถึงด้านบน จะเป็นจุดจอดรถค่ะ
จากจุดจอดรถด้านบนนี้เราก็สามารถมองเห็นดาวตก และดวงดาวนับล้านได้แล้วนะคะ แต่ว่าถ้าหากอยากจะเห็นดวงดาว
แบบใกล้กว่าเดิม ทะเลหมอก รวมไปถึงชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วล่ะก็ ต้องเดินขึ้นไปที่ยอดดอยอีก เพียงแค่ 200 เมตร
(200 เมตรแม้ว) เท่านั้นเอ๊งงงงงงง แน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องขึ้นแล้วล่ะค่ะ
ทางเดินขึ้นเรียกได้ว่าดีมาก เมื่อเทียบกับภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาวค่ะ ทางที่เป็นทางลาดยาว มีการขุดให้เป็นขั้นบันไดเพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเดิน พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ แต่สำหรับตัวเจ้าของกระทู้ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะแล้ว ใช้เวลาเกือบ 45 นาทีเลยทีเดียว
ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกหมูสำรอง เอ้ย ลูกเสือสำรองเลยว่า ทางเดินดีมากๆค่ะ มีที่ให้หยุดพักเป็นช่วงๆด้วย เมื่อเดินถึงบนยอดเขา
เราจะรู้สึกเหมือนกับถูกดวงดาวนับล้านโอบกอดไว้เลยค่ะ อากาศค่อนข้างหนาวและมีลมพัดแรงตลอด เรียกได้ว่าผมเซตมาดีแค่ไหน ก็ตายช็อตนี้แหละค่ะตอนที่เดินขึ้นถึงยอด เจ้าของกระทู้มีเวลาพอที่จะได้เห็น ดาวตกและดวงดาวทั้งหลาย อยู่สักครู่หนึ่งค่ะ
ในตอนที่กำลังเดินกลับ เจ้าของกระทู้ก็เหลือบไปเห็น จุดชมวิวอีกที่หนึ่ง ซึ่งสามารถไปได้โดยการเดินแยกไปทางขวาเมื่อมาถึงทางแยกแรกค่ะ
ถึงเวลาต้องลงจากยอดดอยแล้ว ใช้เวลาลงแค่ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเองค่ะ เมื่อเห็นถนนที่เราขึ้นมาแล้ว
บอกเลยว่า นับถือลุงคนขับจริงๆค่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงที่ช่วยพาพวกเรา
ขึ้นและลงจากดอยอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ
(มุมสวยๆมีเยอะมากจริงๆค่ะ ใครที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง)
**สรุปค่าเดินทาง (ไม่รวมค่าอาหาร)**
ค่าน้ำมันรถ ตกแล้วไปกลับ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง-ภูชี้ดาว 500-700 บาท/คัน (100/คน)
ค่าจ้างรถชาวบ้าน ตกคนละ 100 บาท
(ในเชียงราย มีร้านให้เช่ารถเยอะมากค่ะ สามารถหาได้จากเวป GG ได้เลยราคาน่าจะเริ่มต้นที่ 800/วัน)
ในตอนนี้ ที่ภูชี้เดือนยังมีผู้ที่ขึ้นไปท่องเที่ยวเพียงเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวอยากจะให้มาเที่ยวเชียงรายกันเยอะๆนะคะ
Ps.เป็นการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหน พร้อมรับคำติชม ขอบคุณและขออภัยทุกท่านที่เข้ามาชมด้วยนะคะ
ขอบคุณช่างภาพประจำกลุ่ม
Cr : Prae'm LimitedEdition
Cr : C.Chanunchida
Cr : Ammie'z Shn