Internet Banking ที่ไม่เคยสมัครใช้ เสียเงินเกือบล้าน และเกือบเสียชีวิต

ปกติผมจะชอบอ่านพันทิปมาก เนื่องจากได้ความรู้ดีครับ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเขียนเรื่องราว เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสมาชิกพันทิปทุกท่าน ได้รับทราบ เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เพราะสุดท้ายแล้วบางทีกฏหมายอาจจะเอื้อมไปลงโทษผู้ร้ายไม่ได้ ถึงแม้เราจะมีหลักฐานมากมายสักเท่าใดก็ตาม

เขียนกระทู้ครั้งแรก อาจมีสับสนบ้างนะครับ ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัดแห่งหนี่งไม่ไกลจาก กทม.ครับ และได้รู้จักกับชาวต่างชาติท่านนึงเป็นอดีตคุณหมอชาวอังกฤษ   รู้จักกันเนื่องจากได้ช่วยเหลือบางอย่างให้ท่าน  จากนั้นเวลามีอะไร ท่านจะโทรมาปรึกษาบ่อย เลยกลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่สนิทกันพอสมควร จนท่านได้ย้ายไปอยู่กทม.  ซึ่งถ้ามีเวลาว่าง ก็จะเจอกินข้าวกับแกบ้างตามโอกาส นาน ๆ ครั้ง แต่จะทักทายกันผ่านทางไลน์ตลอด จนผมเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวแกเลยก็ว่าได้ เพราะมีเรื่องอะไร เอกสารอะไร ท่านจะเอามาให้ผมดูให้ก่อน อธิบายให้ฟังก่อนเสมอ ทั้งๆ ที่ภาษาผมก็ใช้ได้ประมาณหนึ่งเท่านั้น

เข้าเรื่องราว เมื่อประมาณต้นปี ช่วงนั้นแกหายไปหลายวันโดยไม่มีการทักทายกันทางไลน์ ผมคิดว่า แกคงเดินทางไปต่างประเทศ แต่ก็แปลก ปกติแกจะแจ้งผมว่า ช่วงไหนจะไม่อยู่ในไทย แต่ผมก็คิดว่าแกคงรีบหรือมีธุระด่วน เนื่องจากท่านจะยังมีเคสคนป่วยที่ต้องติดตามในต่างประเทศหลายที ผมจำไม่ได้ผ่านไปกี่วัน ในที่สุดท่านก็ติดต่อมา บอกผมว่าป่วย ผมแทบไม่เชื่อว่าท่านจะป่วย เพราะปกติ จะดูแข็งแรงมาก อาหารการกินแบบระมัดระวังมาก แต่ก็ไม่ถามไรมาก

จนได้มีโอกาสเจอกินข้าวกันเนื่องจากผมไปทำธุระในกรุงเทพ ประกอบกับท่านต้องการขายรถเบนซ์ให้ผมเดินเรื่อง ติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้ ก็วันที่เข้าไปก็ เตนท์รถก็เอาเงินค่ารถพร้อมรับรถที่คอนโดที่พักพอดี ก็ให้ผมช่วยนับเงิน กว่า 1.5 ล้าน (ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นเงินล้าน 555 เพราะด้วยกำลังและความสามารถคงไม่อาจมีได้) แล้วก็เดินทางไปเข้าแบงค์ แล้วจู่ ๆ ท่านก็ปรึกษาเรื่องธนาคารว่าจะย้ายเงินไปธนาคารไทยอันไหนดี ตอนนี้ท่านฝากไว้ 2 ที่คือ Citibank และอีกธนาคารก็เป็นธนาคารที่เกิดปัญหานี้ขึ้น เป็นธนาคารสีฟ้า จากประเทศอังกฤษ  ซึ่งธนาคารหลังนี้ท่านไว้วางใจเพราะเป็นธนาคารของประเทศตัวเอง จึงเอาเงินเข้าไปร่วม 4,000,000 บาท (สี่ล้านบาทถ้วน) ตั้งแต่เริ่มอยู่ไทยราว 7-8 ปีที่แล้ว โดยไม่ได้เบิกออกมาใช้เลย ซึ่งจะมียอดแจ้ง SMS แจ้งอัพเดทยอดตลอดเดือนละครั้ง

คราวนี้ผมเลยถามว่าทำไมต้องย้าย คราวนี้เรื่องเลยพรั่งพรูออกมากจากท่านโดยไม่ได้ปกปิดว่า (จากนี้ไปเป็นเรื่องที่ท่านเล่า และเอกสารต่าง ๆ จากตำรวจและจากธนาคารแห่งนั้นที่ส่งมา) หากทุกท่านอ่านแล้วมีข้อสงสัยให้ถามได้เลยครับ ผมจะค่อย ๆ หาข้อมูลแล้วมาตอบคำถามให้นะครับ
รายละเอียดจากเอกสารแจ้งความไว้ ณ สถานีตำรวจ ทุ่งมหาเมฆ

ท่านได้นัดพบชายไทยคนหนึ่งผ่านทาง application ไลน์  โดยนัดเจอกันในวันที่ 2 มีนาคม 2559 ที่ที่พักของท่าน  ในเวลา 23.00 น. (ที่พักค่อนข้างมีระดับหน่อย มีระบบความปลอดภัย รปภ. ต้องแลกบัตรทุกครั้ง และมีกล้องวงจรปิดหลายจุด)  หลังจากชายคนดังกล่าวถึงห้อง หลังจากท่านเปิดประตูให้ หลังจากนั้น ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย หมดสติไป จากนั้นวันที่ 4 มีนาคม 2559 แม่บ้านและรปภ.ประจำตึกคงสงสัยว่าทำไมท่านไม่ลงมานาน หลายวัน ปกติ ต้องลงมาทุกวัน  เพื่อออกไปทานข้าวข้างนอก ด้วยอัธยาศัยดี ท่านจะทักทายทุกคนจนเป็นกิจวัตร (ข้อดีของคนมนุษย์สัมพันธ์ดี เมือเราหายไปจะมีคนสงสัย) จึงได้ไปเคาะห้องเมื่อไม่มีการตอบรับจึงได้ใช้กุนแจสำรองไขเข้าไป และนำตัวท่านส่ง รพ.เอกชนใกล้เคียง  ต้องพักรักษาตัวอยู่นาน หลายวันเนื่องจากได้ถูกวางยา Ben.......หมอใช้คำว่า overdose และถ้าปริมาณยาเพิ่มอีกนิด ท่านจะเสียชิวิตได้

หลังจากออกจากรพ.มา พบกว่ามีทรัพย์สินถูกขโมยไปหลายรายการดังนี้  I-Phone5 และ I-Phone  6 อย่างละเครื่อง เงินสด 10,000 บาท จากนั้นก็พบว่า เงินในบัญชีธนคารกับธนาคารดังกล่าว หายไป กว่า 900,000 บาท (เก้าแสนบาทถ้วน)  วันที่ 5 เมษายน 2559 จึงได้เข้าแจ้งความ เหตุที่แจ้งความช้า เนื่องจากว่า คิดว่าเป็นแค่ทรัพย์สินที่หายไป ไม่คิดว่าเงินในบัญชีจะถูกขโมยออกไปด้วยเพราะท่าน ไม่เคยเปิดการใช้งานแบบออนไลน์เลยทุกธนาคารที่มีตั้งแต่เปิดบัญชีมา  จนมี SMS แจ้งเตือนในวันที่ 2 เมษายน 2559 ถึงรู้ว่าเงินหายออกจากบัญชีไป  

หลังจากแจ้งธนาคารและขอตรวจสอบจึงพบว่า คนร้ายได้มีการโอนเงินออกผ่าน internet banking (ทำได้ยังไง ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยใช้เลย ไม่มีการบันทึกอะไรใด ๆ ในเครื่องมือถือ มีแต่เพียง sms แจ้งยอดเท่านั้น งงจนปัจจุบัน) การโอนเงินทั้งสิ้น 18 ครั้ง ทั้งที่เป็นชื่อคนร้ายเองและบุคคลอื่นในวันที่ 3 มีนาคม 2559 คือ
เวลา 02.11 ==> 50,0000 บาท ไปยังบัญชีธนาคารกรุงเทพ ชื่อชายคนหนึ่ง(มีชื่อนามสกุลชัดเจน)
เวลา 02.12 ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีชายคนเดิม
เวลา 02.13 ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีชายคนเดิม
เวลา 02.20 ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีชื่อคนร้ายเองของธ.ทหารไทย (ชื่อนามสกุลชัดเจนหน้าตาตรงกับฐานข้อมูลตำรวจที่พิมพ์ออกมาและเป็นบุคลลที่คุณหมอนัดเจอ)
เวลา 02.21 ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีคนร้าย
เวลา 02.22 (16 วินาที) ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีคนร้ายเอง
เวลา 02.22 (56 วินาที) ==> 50,000 บาท ไปยังบัญชีคนร้ายเอง
เวลา 02.23 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.24 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.25 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.26 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.27 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.28 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.29 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.30 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.31 (32 วินาที) ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.32 (3 วินาที)  ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
เวลา 02.33 ==> 50,000 บาทไปยังบัญชีชายคนแรก
ข้อมูลการโอนทั้งหมดได้รับการยืนยันจาก ธนาคารเอง  ซึ่งปัจจุบันยังงงอยู่ว่า คนร้ายใข้วิธีการใดในการทำแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีรายละเอียดใด ในโทรศัพท์มือถือเลย เพราท่านใช้ internet banking ไม่เป็น และไม่เคยใช้เลย
ตลอดที่มีการติดต่อกับทางธนาคาร ทางธนาคารได้ปฏิเสธความรับผิดชอบมาโดยตลอด โดยมีหนังสือจากธนาคารมา 2 ครั้ง ปฏิเสธความรับผิดชอบตั้งแต่วินาทีแรก จนปัจจุบันเลย โดยหนังสือฉบับแรกลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2559 ที่ส่งมา ธนาคารอธิบายวิธีการสมัครและใช้ Internet Banking  และยืนยันว่าการขอเปลี่ยน password และการโอนเงินทั้ง 18 ครั้งนั้น ทำอย่างถูกต้อง  หลังจากนั้น ผมขอให้ท่านแจ้งทาง ธนาคารแห่งประเทศไทยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมส่งเอกสารต่าง ๆ ให้   ทางธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเขาบอกว่าจะประสานงานให้โดยใช้เวลา 15 วัน ถึง 1 เดือน เมือ่ถึงเวลา ธนาคารแห่งประเทศไทยก็แจ้งมาว่า ทางธนาคารฯ จะติดต่อยังเราโดยตรง (ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจทำอะไร แค่ประสานงานเท่านั้น)
จากนั้นมีจดหมายฉบับที่ 2 จากธนาคารฯ ดังกล่าว ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ก็คงยังยืนยันเหมือนเดิม 3 ข้อ ผมขอยกมาจากจดหมายเป็นภาษาอังกฤษเลยนะครับ
1.    The bank is absolutely confident that our operational processes have been strictly followed. All on line banking transactions were completed via mobile number which is registered under your name. We were unable to stop servicing customer’s requests which passed genuine authentication as per normal process since the bank did not have any record from the account owner for any lost/stolen of mobile phone before the incident happened. Your complaint issue was considered by our management committee and concluded that it is beyond the bank’s responsibility
2.    The bank is committed to take full responsibility if an incident is proven to be the bank’s fault. In this case, there is no clear evidence proving that the incident was caused by bank
3.    For the staff service issue and other issue, please refer to our explanation on our previous letter dated 25 July 2016.


ตอนนี้หลักฐานการโอนเงิน ภาพคนร้ายที่ทางตำรวจพิมพ์ออกมา ซื่งทางท่านและรปภ.ตึกยืนยันเป็นคนคนเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจนบัดนี้ ยังไม่มีหมายจับออกมา รอให้ตำรวจออกหมายจับไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานขนาดไหน เพราะหากมีหมายจับ ผมจะเดินทางไปบ้านคนร้ายด้วยตัวเองที่จ.พะเยา (ยังรอหมายจับ)

ตอนนี้เหมือนหมดหนทาง ไม่รู้จะเดินต่อยังไง ตอนนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของคนร้ายไปครับ ได้เงินไปเกือบล้านเพียงชั่วข้ามคืน (แต่ถ้าหมายจับออกวันไหน คงเป็นอีกเรื่อง) ตอนนี้เงินที่เหลือได้ปิดบัญชีทั้งหมด โอนมาเข้าธนาคารอื่นที่มีบัญชี เพราะความเชื่อใจหมดไปแบบไม่เหลือเลย นี่ขนาดไม่มีรายละเอียดข้อมูลใด ๆ บนมือถือ โจรยังสามารถทำได้ผ่านมือถือ ดังนั้นถ้าใครมีข้อมูลบัญชีธนาคารไว้ในมือต้องระมัดระวังให้มากครับ เพราะสุดท้ายแล้ว ธนาคารคงไม่รับผิดชอบ เหมือนกรณีนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ internet banking คงต้องแจ้งธนาคารไป น่าจะดี เพราะถ้ามีโจรฉลาด ๆ ทำแบบนี้เราจะไม่เหลืออะไรเลย  เพราะเราไม่สามารถถามหาความช่วยเหลือจากใครได้  

ถือว่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์นะครับ  ที่สำคัญ ผมดันผ่อนบ้านอยู่กับธนาคารนี้ซะด้วย รออีก 3 ปีกว่าจะย้ายธนาคารได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ ผมเขียนไม่ค่อยเก่ง อาจจะสับสนบ้างหากมีข้อสงสัยให้ถามมาได้เลยครับ  ผมจะสามารถเข้ามาตอบได้ตอนค่ำ ๆเนื่องจากทำงานครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่