" ครั้งแรกในลีก "...ดาร์บี้แมตช์ในตำนาน...ศึก 2 วิมเบิลดัน...10 ธันวาคมนี้

วินนี่ โจนส์...ร็อบบี้ เอิร์ล...มาคัส เกยล์....คริส เพอรี่....นีล ซัลลิแวน...เบน แธตเชอร์....ดีน แบล๊คเวลล์....แอนดี้ ธอร์น...อลัน คิมเบิ้ล...นีล อาร์ดลีย์....ดีน โฮลส์เวิร์ธ...เอฟาน อิโกกู...จอน กู๊ดแมน....อลัน ลีฟ...เจสัน ยูเอล...คาร์ล คอร์ต....คาร์ล ลีเบิร์น...ไบรอัน แมคคัลลิสเตอร์....ดันแคน จุ๊บ...ออยวิน ลีออนฮาร์ดเซน...เชรี่ ฮิวจ์...ไมเคิล ฮิวจ์....ปืเตอร์ เฟียร์...ฮาน ซีเกอร์...มิค ฮาฟอร์ด...จอห์น ฟาชชนู...สก็อต ฟิทซ์เจอรัลด์

นักเตะส่วนใหญ่เหล่านี้คงมีชื่อที่ไม่คุ้นหูแฟนบอลมากนัก...เพราะนอกจากพวกเขาจะเป็นนักเตะสมัย 20 กว่าปีก่อนแล้วยังเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก...และพวกเขาส่วนใหญ่ถูกรวบรวมมาจากลีกระดับต่ำชั้น..หรือบางคนมาจากลีกสมัครเล่นก็ยังมี
แต่เขาเหล่านี้คือนักเตะของทีมฟุตบอลที่โลดแล่นอยู่ในเวทีพรีเมียร์ชิพในสมัยทศวรรษที่ 90
ทีมของพวกเขาไม่มีแม้แต่สนามของตัวเอง...ต้องเช่าทีมร่วมเมืองใช้ตลอดช่วงที่อยู่บนพรีเมียร์ชิพ
วิธีการเล่นของพวกเขาเป็นเอกลัษณ์ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้เทียบเท่า
พวกเขาไม่ใช่นัดเตะบิ๊กเนม...แต่ขอโทษเถอะ....ทีมยักษ์ทั้งหลายใช่ว่าจะเก็บ 3 แต้มจากพวกเขาง่าย ๆ...นอกจากชนะไม่ได้ยังโดนเขาถล่มใส่มากันไม่น้อยแล้ว
นับแต่พวกเขาขึ้นชั้นมาลีกสูงสุด..พวกเขาโดนโคตรเซียนทุกสำนักแช่งทุกปีว่าจะตกชั้น...แต่ก็ยังอยู่มาได้เกิน 10 ปี
นี่ล่ะพวกเขา..." เดอะดอนส์ " วิมเบิลดัน เอฟซี หรือ " เครซี่แก๊งค์ " เจ้าของนิยามของความดิบ ห่าม โรคจิต..ที่แฟน ๆ ชาวไทยรุ่น 20 กว่าปีก่อนล้วนรู้จัก

เราจะข้ามเรื่องวิถีแห่งความเป็น วิมเบิลดัน ไป...เพราะเมื่อไม่นานมานี้..น่าจะซักปีที่แล้ว...มีผู้ที่เขียนกระทู้ถึงพวกเขามาแล้ว

แต่มีส่วนหนึ่งของตำนานของพวกเขาที่เราไม่พูดถึงไม่ได้...
ขอเล่าคร่าว ๆ พอสังเขป
หลังจากโลดแล่นอยู่บนเวทีลีกสูงสุดมา 10 กว่าปี...วิมเบิลดันเกิดการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมขึ้น
เจ้าของทีมคนใหม่ชาว นอร์เวย์ คิดจะเปลี่ยนแปลง วิมเบิลดัน แบบหน้ามือเป็นหลังมือ...เขาเริ่มจากการทาบทามผู้จัดการทีมชาติ นอร์เวย์ มานั่งเป็นผู้จัดการแทน โจ คินเนียร์ ซึ่งมีปัญหาเรื่องสุขภาพ...เคยหัวใจวายกลางฤดูกาลมาแล้ว ( แกน่าจะหาเรื่องปลด คินเนียร์ อยู่แล้ว...พอดีได้ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลพอดี )
มีการนำเข้านักเตะจากนอกประเทศเข้ามาเพียบ...วิมเบิลดันไม่เคยมีนักเตะต่างชาตินอกสหราชอาณาจักรมากถึงขนาดนี้
วิธีการเล่นของวิมเบิลดันที่เล่นบอลโด่ง..เข้าบอลแบบถึงลูกถึงคน..ได้เปลี่ยนเป็นบอลเชิงมากขึ้น
ผลของมันก็คือ...แทนที่ วิมเบิลดัน จะกลายเป็นทีมชั้นนำ...กลับทำให้ทีมอยู่ในพรีเมียร์ชิพไม่ถึงศตวรรษที่ 21

การตกชั้นจากพรีเมียร์ชิพ..ส่งผลต่อรายได้ของสโมสรอยู่แล้ว...ยิ่งกับทีมที่แฟนบอลโคตรมหาน้อยอย่าง วิมเบิลดัน...การตกชั้นยิ่งส่งผลหนัก
พวกเขากลับขึ้นชั้นมาไม่ได้...ทำได้แค่เฉี่ยว ๆ พื้นที่เพลย์ออฟ...นักเตะตัวหลักที่อยู่กับทีมตั้งแต่สมัยยังเล่นในพรเมียร์ชิพก็หายไปทีละคนสองคน...ถ้าไม่ย้ายไปอยู่สโมสรอื่นก็แขวนสตั๊ด
แฟนบอล วิมเบิลดัน นั้นน้อยมหาน้อย...ไม่ต้องระบุจำนวนอะไรมาก...เอาเป็นว่าน้อยกว่าทีมระดับ ลีกวัน หรือ ลีกทู ในปัจจุบันหลายทีมด้วยซ้ำ
ด้วยแฟนบอลจำนวนเท่านี้...กับการเล่นในระดับดิวิชั่น 1 ( แชมป์เปี้ยนชิพลีก ในปัจจุบัน ) การจะมาเช่า เซลเฮิลส์พาร์ค ที่มีความจุกว่า 26000 ที่ ของ คริสตัล พาเลซ...มันเกินความจำเป็นและเป็นภาระอย่างหนึ่ง
ในฤดูกาล 2002 - 2003 ผู้บริหารจึงคิดว่าควรจะหาฐานที่มั่นใหม่..สนามเล็กลงเหมาะสมกับฐานแฟนบอล...นั่นคือการย้ายสนามเหย้าของตัวเองไปอยู่ที่ มิลตัน คียน์..ซึ่งมันไกลกว่าถิ่นที่อยู่ของเหล่าแฟน ๆ วิมเบิลดันอย่างมาก...เวลามีแข่งในบ้านทีนึง..พวกเขาต้องเดินทางไกลประมาณ 90 กิโลเมตรทีเดียว...แข่งนัดเยือนกับทีมในลอนดอนด้วยกันยังน่าจะเดินทางใกล้กว่า
แน่นอนครับที่ว่า...แฟน ๆ ต้องโวยอยู่แล้ว...พวกเขารวมตัวกันประท้วงต่อสโมสร....ทว่าสโมสรก็ไม่สนใจ..ยังคงเดินหน้าโครงการต่อไป....ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอลรู้สึกว่าสโมสรไม่เห็นหัวพวกเขาแม้แต่น้อย

ในเมื่อโครงการการย้ายสนามเหย้าของ วิมเบิลดัน ไม่มีทางยกเลิกไปได้....เหล่าแฟนบอลจึงได้คิดทำสิ่งหนึ่ง
แฟนบอลของทีมเล็ก ๆ ซึ่งมีจำนวนน้อยนิดได้ร่วมกันสร้างตำนานบทหนึ่ง...ซึ่งจารึกไว้ในวงการฟุตบอล
พวกเขาเรี่ยรายทรัพย์กัน..จัดตั้งทีมฟุตบอลทีมใหม่ขึ้นมาและตั้งชื่อมันว่า AFC Wimbledon
" เมิงไม่สนใจพวกกู...ย้ายหนีพวกกูไป...ในเมื่อพวกกูไม่มีทีมเชียร์ใกล้บ้าน...ก็ตั้งทีมขึ้นมาเชียร์เองแม่มเลย 555 " ประมาณนั้น
พวกเขาเลือกหันหลังให้ทีมเดิมที่พวกเขาเชียร์มาอย่างยาวนานซึ่งอยู่ในระดับ ดิวิชั่น 1 ( แชมป์เปี้ยนชิพ ในปัจจุบัน )...และหันไปเชียร์ทีมใหม่ของพวกเขาซึ่งเริ่มต้นในลีกสมัครเล่นที่ต่ำชั้นกว่าทีมเดิมนับ 10 ชั้น
ส่วนทีม วิมเบิลดัน เก่า...หลังจากย้ายสนามได้ฤดูกาลเดียว....พวกเขาก็ตกชั้นจากดิวิชั่น 1...ในฤดูกาล 2003 - 2004 ซึ่งนั่นเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่พวกเขาใช้ชื่อ วิมเบิลดัน ...หลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อเป็น มิลตัน คียน์ ดอนส์...หรือ เอ็มเค ดอนส์ จนถึงปัจจุบัน

การแตกเป็นสองทีมของ วิมเบิลดัน นี้..เป็นความคลาสสิคอย่างหนึ่งของวงการฟุตบอล
มันเป็นความขัดแย้งระหว่าง ธุรกิจ กับ ศรัทธา...และทีมทั้งสองก็แบ่งครึ่งด้วย ธุรกิจ และ ศรัทธา

มิลตัน คียน์ ดอนส์ ได้รับสืบทอดรากฐานทางธุรกิจของ วิมเบิลดัน ไปทั้งหมด...ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง...อสังหาที่ครอบครอง...สัญญากับนักเตะ...สัญญากับสปอนเซอร์...สถานะความเป็นทีมในลีกอาชีพของอังกฤษ...รวมทั้งใบอนุญาตประกอบธุรกิจ...แต่แฟนบอลที่สนับสนุนพวกเขาอย่างยาวนานกลับไม่ยืนเคียงข้างพวกเขาอีกต่อไป

เอเอฟซี วิมเบิลดัน ....ทีมต้องเริ่มหาสนามใหม่..หาสปอนเซอร์สนับสนุน...ต้องเริ่มหานักเตะใหม่ตั้งแต่คนแรกแถมต้องไปทำในสวนสาธารณะด้วย...พวกเขาต้องไปเริ่มต้นในลีกสมัครเล่น....ทว่าพวกเขาได้รับสืบทอด " ศรัทธา " เหล่าแฟน ๆ หนุนหลังทีมอย่างอบอุ่น...อดีตนักเตะวิมเบิลดันก็เลือกยืนอยู่ข้างทีม วิมเบิลดัน ใหม่นี้...ดูเหมือนพวกเขาจะรักษาความเป็นตัวตนของพวกเขาไว้ได้...สถานะความเป็นทีมในลีกอาชีพที่สูญเสียไปไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย

ตัวผมเองได้อ่านข่าวการก่อตั้งของ เอเอฟซี วิมเบิลดัน รวมทั้งบทความที่เขียนถึงการก่อตั้งทีม...จากหนังสือพิมพ์ สตาร์ซ็อคเกอร์ ในตอนนั้น
ตัวผมจึงเปรียบเสมือนพยานคนหนึ่งที่จ้องมองการกำเนิดของตำนานนี้
ผมเฝ้ารอมาตลอดว่า..วันใดที่สองทีมนี้จะโคจรมาพบกัน
พวกเขาโคจรมาพบกันครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อนใน เอฟเอคัพรอบ 2....และหลังจากนั้นก็เจอกันในบอลถ้วยอีก 2 ครั้ง
เจอกัน 3 ครั้ง ไม่ซ้ำถ้วยกันเลย...ผลคือ มิลตัน คียน์ ดอนส์ ซึ่งอยู่ในลีกที่สูงกว่าชนะไปได้ 2 ใน 3 ครั้ง

ถึงพวกเขาจะโคจรมาเจอกัน 3 ครั้งแล้ว..แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ผมรอคอย
สิ่งที่ผมรอคอยคือ..การที่ เอเอฟซี วิมเบิลดัน สามารถไต่ระดับไล่ทัน เอ็มเค ดอนส์ ต่างหาก
วันที่ 10 ธันวาคมนี้...สิ่งที่ผมรอคอยมานานได้เป็นจริงแล้ว
ทั้งสองทีมจะดวลกันในลีกเดียวกัน
ถึงจะเป็นการแข่งของทีมในลีกระดับ ลีกวัน...ซึ่งคงไม่เป็นที่สนใจนัก...แต่นี่คือวันประวัติศาสตร์ครับ
วันที่ ทีมวิมเบิลดัน ซึ่งเกิดจากศรัทธาและหัวใจของ แฟนบอลวิมเบิลดันเก่า เมื่อครั้งกระโน้น...ได้เติบโตขึ้นมาจนสามารถเผชิญหน้าอย่างเท่าเทียมกับ ทีมวิมเบิลดัน ที่ยืนอยู่ในลีกอาชีพด้วยวิถีแห่งธุรกิจ

อดีตนักเตะ วิมเบิลดัน อย่าง เจสัน ยูเอล และ นีล ซัลลิแวน เคยมาลงเล่นให้ เอเอฟซี วิมเบิลดัน...เป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่เคยเล่นให้ทั้ง วิมเบิลดันเก่าและใหม่
ผู้จัดการคนปัจจุบันที่กำลังจะนำทัพไปเจอกับ เอ็มเค ดอนส์ คือ นีล อาร์ดลีย์..อดีตนักเตะ วิมเบิลดัน
ในสต๊าฟโค๊ชก็มีชื่อที่เหล่าแฟน วิมเบิลดัน คุ้นเคยอย่าง อลัน ลีฟ อดีตนักเตะวิมเบิลดันอีกคน
มีการรวมประวัติศาสตร์ของ วิมเบิลดันเก่า และ เอเอฟซี วิมเบิลดัน ให้เป็นเนื้อเดียวกัน...อดีตนักเตะของสโมสรวิมเบิลดันถูกถือเสมือนเป็นตำนานของ เอเอฟซี วิมเบิลดันด้วย...ในขณะที่อดีตเหล่านักเตะก็เหมือนกับยอมรับว่า เอเอฟซี วิมเบิลดัน คือทีมเดียวกับวิมเบิลดันของแท้ที่พวกตนเคยเล่นให้...ด้วยการแสดงออกหลายอย่าง...วินนี่ โจนส์ อดีตกัปตันทีมวิมเบิลดัน ถึงขนาดมอบเหรียญชนะเลิศ เอฟเอคัพ ปี 88 ที่แสนสำคัญของเขาให้แก่สโมสร เอเอฟซีวิมเบิลดัน

นี่คือตำนานที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรฟุตบอลกับแรงศรัทธาของแฟนบอลที่น่าซาบซึ้งครับ
น่าเสียดายที่คงไม่ได้ดูแมตช์นี้...

ผู้ที่อยากทราบถึงเรื่อง ตำนานทีมวิมเบิลดัน โดยละเอียด ขอให้อ่านในกระทู้นี้นะครับ
เจ้าของกระทู้...คุณชายซากุระ..เขียนเอาไว้ดีและละเอียดมาก ๆ
http://ppantip.com/topic/34601791
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่