สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 31
บางทีก็รำคาญคนพวกนี้นะครับ
โอเคถ้ามีคนถาม แล้วตอบเลี่ยงๆ ว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเที่ยวพูดอยู่เรื่อยว่าไม่มีๆ ทั้งที่เงินเก็บเงินออมยังมีเยอะแยะบานตะไท พวกนี้น่ารำคาญครับ (เหมือนจะอวดนิดๆ ด้วยแหละ)
เหมือนตอนเรียน พวกที่บอกว่าข้อสอบยาก อุ๊บทำไม่ได้หรอก ปรากฎคะแนนออกมาติดท็อป (คือทำไม่ได้ 2 ข้องี้)
โอเคถ้ามีคนถาม แล้วตอบเลี่ยงๆ ว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเที่ยวพูดอยู่เรื่อยว่าไม่มีๆ ทั้งที่เงินเก็บเงินออมยังมีเยอะแยะบานตะไท พวกนี้น่ารำคาญครับ (เหมือนจะอวดนิดๆ ด้วยแหละ)
เหมือนตอนเรียน พวกที่บอกว่าข้อสอบยาก อุ๊บทำไม่ได้หรอก ปรากฎคะแนนออกมาติดท็อป (คือทำไม่ได้ 2 ข้องี้)
ความคิดเห็นที่ 26
คนร้อยคน โยนคำถามเดียวก็ได้กลับมาร้อยคำตอบ
เอาส่วนของผมบ้างดีกว่า จากที่เคยผ่านมาทั้ง 2 แบบครับ
1. จริง : ตอนนั้นพึ่งเริ่มทำงาน เงินเดือน 9,000 ทำ 6 วัน ก็เหมือนมนุษย์ออฟฟิซทั่วไปโดยเฉพาะสาย ใช้เงินเกินตัว เครียดนี่ทำงานตั้ง 6 วัน พอเงินออกเท่านั้นต้องไปช๊อปไปดื่ม หาบรรดาเปลือกมาประดับตามความชอบ ไม่รู้จักการออมเพราะฟังรุ่นพี่ที่ทำงานกรอกหูบ่อยๆ ว่าเงินมีก็ต้องใช้ เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ปลายเดือนมันก็มา (สโลแกนมันฟังดูเท่ แบบไม่ยึดติดดี ว่ามั๊ย)
แถมใครเป็นสายออม จะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกขี้เหนียว ไม่น่าคบ ไม่ใจ ไปจนถึงอย่ายุ่งกับมัน ไม่ใช่ทีม น่ารังเกียจ.....
สุดท้ายคนกลุ่มนี้แทบไม่มีใครซ่าได้เกิน 10 วัน หน้าดำคร่ำเครียดหมดแล้ว เก่งสุดคือ 15 เว้นแต่บางคนที่มีกิจการส่วนตัวอื่นก็สบายหน่อย ได้อวดคนอื่นว่ากุไม่เห็นกระทบเลย ส่วนไอ้คนอื่นแทนที่จะมองว่าไม่น่าไปเลียนแบบมัน...กลับมองว่า เออเขารวย เลยอยากมีชีวิตแบบนี้บ้าง (เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง)
สุดท้ายคนที่สบายคือไอ้รวยนั่นไง ปล่อยกู้ พวกสิ้นเดือนแทบขาดใจบางคนไม่ใช่ว่าขาดใจเพราะเงินเดือนหมดนะ.....แต่เงินที่กู้มาก็จะหมดเหมือนกัน ใช้เงินในอนาคตแถมเสียดอก ได้เงินมาก็ต้องไปคืนไม่งั้นโดนนินทาประจาน อาย เสียหน้า เพราะมันเป็นกันแบบนี้เลยต้องหาเปลือกมาประดับจนเงินติดลบก็ยอม คนจำพวกนี้สังเกตไม่ยากครับ จะดูเครียดตลอดเวย์ ส่วนบางคนเกิดจากการใช้ชีวิตพลาดมีลูกเร็วแต่ผัวเลว หาเงินไม่ทันเลี้ยง แต่กิเลสก็มี โอ๊ยยยเอาไงดี ความอยากก็มี ลูกก็ต้องใช้เงิน......ทุกอย่างเลยแสดงออกที่กิริยาท่าทางและ พฤติกรรม
2. ไม่จริง : เกอดจากพวกอัพเกรดสมองตัวเองและหยั่งรู้ได้ว่า ชีวิตแบบนั้นควรถอยห่าง เริ่มออมเงินจาก 10 เป็น 20% ของเงินเดือน บางรายจบที่ 50% และพยามหาเงินให้เยอะกว่ารายจ่ายหรือความอยาก ถ้าหาได้ไม่เยอะ ก็ลดความอยากลง รายจ่ายก็น้อยลง
จำไว้ว่าคนเงินเดือนน้อยไม่ใช่จะโง่ ไม่ใช่จะไร้ความสามารถ มาตรฐานพันทิปอายุ 27 รายรับ 50,000 ถือว่าน้อยไปไหม อันนี้อย่าไปให้ราคามัน ทุกอย่างมันวัดที่ความ "พอ และ มีสำรอง" ของคุณ เมื่อรู้ตัวว่าหาเปลือกมาแปะแค่ไหนก็ไม่อาจลบขี้ปากคน เมื่อนั้นคุณจะหลุดพ้นจากคำว่า "ทุกข์ใจ"
ต้องการใช้ก็ถอนจากบัญชีออมตัวเอง ไม่ต้องเสียดอกให้ใคร แต่มีข้อแม้ว่าต้องเติมกลับไปให้เต็มไม่มีข้อยกเว้น แล้วความระแวงตอนสิ้นเดือนคุณจะหายเกลี้ยง แต่เพราะทำแบบนี้ไงไอ้พวกปล่อยกู้มันถึงรังเกียจ เพราะไม่ได้ใช้บริการมันเลย 5555 (แถมไอ้พวกนี้ยังมีฐานเสียงอย่างนักกู้ทั้งหลาย เป็นลิ่วล้อคอยกระแนะกระแหน๋ด้วยสิ น่าสมเพชเป็นบ้า)
คำว่าสิ้นเดือนแทบขาดใจของ 2 จึงเป็นแค่คำฮาๆ แถมบางทีเอาไว้ใช้กันหมา....เอ๊ย บรรดานักกู้ ที่พร้อมจะยืมแล้วเชิดเพราะเห็นว่าเราอ่อน คงไม่มีปัญญาตามอย่างพวกเจ้าแม่นักปล่อยมืออาชีพซักเท่าไหร่
ก็ประมาณนี้ล่ะครับ อยากเป็นแบบ 1 หรือ 2 ก็เลือกเลย แต่ถ้าไม่เคยรู้แบบผมก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีล่ะครับกว่าจะโงหัวได้ เพราะจะรู้ได้เมื่อก่อนต้องหาหนังสืออ่านตาม se-ed ต้องซื้อเอง แล้วหนังสือดีๆ ที่สอนได้ตรงประเด็น มันจะมีมากแค่ไหน กี่เล่มที่ต้องซื้อมาวางกอง อารมณ์นี้ก็น่าจะทราบกันดีจริงไหมครับ
เอาส่วนของผมบ้างดีกว่า จากที่เคยผ่านมาทั้ง 2 แบบครับ
1. จริง : ตอนนั้นพึ่งเริ่มทำงาน เงินเดือน 9,000 ทำ 6 วัน ก็เหมือนมนุษย์ออฟฟิซทั่วไปโดยเฉพาะสาย ใช้เงินเกินตัว เครียดนี่ทำงานตั้ง 6 วัน พอเงินออกเท่านั้นต้องไปช๊อปไปดื่ม หาบรรดาเปลือกมาประดับตามความชอบ ไม่รู้จักการออมเพราะฟังรุ่นพี่ที่ทำงานกรอกหูบ่อยๆ ว่าเงินมีก็ต้องใช้ เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ปลายเดือนมันก็มา (สโลแกนมันฟังดูเท่ แบบไม่ยึดติดดี ว่ามั๊ย)
แถมใครเป็นสายออม จะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกขี้เหนียว ไม่น่าคบ ไม่ใจ ไปจนถึงอย่ายุ่งกับมัน ไม่ใช่ทีม น่ารังเกียจ.....
สุดท้ายคนกลุ่มนี้แทบไม่มีใครซ่าได้เกิน 10 วัน หน้าดำคร่ำเครียดหมดแล้ว เก่งสุดคือ 15 เว้นแต่บางคนที่มีกิจการส่วนตัวอื่นก็สบายหน่อย ได้อวดคนอื่นว่ากุไม่เห็นกระทบเลย ส่วนไอ้คนอื่นแทนที่จะมองว่าไม่น่าไปเลียนแบบมัน...กลับมองว่า เออเขารวย เลยอยากมีชีวิตแบบนี้บ้าง (เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง)
สุดท้ายคนที่สบายคือไอ้รวยนั่นไง ปล่อยกู้ พวกสิ้นเดือนแทบขาดใจบางคนไม่ใช่ว่าขาดใจเพราะเงินเดือนหมดนะ.....แต่เงินที่กู้มาก็จะหมดเหมือนกัน ใช้เงินในอนาคตแถมเสียดอก ได้เงินมาก็ต้องไปคืนไม่งั้นโดนนินทาประจาน อาย เสียหน้า เพราะมันเป็นกันแบบนี้เลยต้องหาเปลือกมาประดับจนเงินติดลบก็ยอม คนจำพวกนี้สังเกตไม่ยากครับ จะดูเครียดตลอดเวย์ ส่วนบางคนเกิดจากการใช้ชีวิตพลาดมีลูกเร็วแต่ผัวเลว หาเงินไม่ทันเลี้ยง แต่กิเลสก็มี โอ๊ยยยเอาไงดี ความอยากก็มี ลูกก็ต้องใช้เงิน......ทุกอย่างเลยแสดงออกที่กิริยาท่าทางและ พฤติกรรม
2. ไม่จริง : เกอดจากพวกอัพเกรดสมองตัวเองและหยั่งรู้ได้ว่า ชีวิตแบบนั้นควรถอยห่าง เริ่มออมเงินจาก 10 เป็น 20% ของเงินเดือน บางรายจบที่ 50% และพยามหาเงินให้เยอะกว่ารายจ่ายหรือความอยาก ถ้าหาได้ไม่เยอะ ก็ลดความอยากลง รายจ่ายก็น้อยลง
จำไว้ว่าคนเงินเดือนน้อยไม่ใช่จะโง่ ไม่ใช่จะไร้ความสามารถ มาตรฐานพันทิปอายุ 27 รายรับ 50,000 ถือว่าน้อยไปไหม อันนี้อย่าไปให้ราคามัน ทุกอย่างมันวัดที่ความ "พอ และ มีสำรอง" ของคุณ เมื่อรู้ตัวว่าหาเปลือกมาแปะแค่ไหนก็ไม่อาจลบขี้ปากคน เมื่อนั้นคุณจะหลุดพ้นจากคำว่า "ทุกข์ใจ"
ต้องการใช้ก็ถอนจากบัญชีออมตัวเอง ไม่ต้องเสียดอกให้ใคร แต่มีข้อแม้ว่าต้องเติมกลับไปให้เต็มไม่มีข้อยกเว้น แล้วความระแวงตอนสิ้นเดือนคุณจะหายเกลี้ยง แต่เพราะทำแบบนี้ไงไอ้พวกปล่อยกู้มันถึงรังเกียจ เพราะไม่ได้ใช้บริการมันเลย 5555 (แถมไอ้พวกนี้ยังมีฐานเสียงอย่างนักกู้ทั้งหลาย เป็นลิ่วล้อคอยกระแนะกระแหน๋ด้วยสิ น่าสมเพชเป็นบ้า)
คำว่าสิ้นเดือนแทบขาดใจของ 2 จึงเป็นแค่คำฮาๆ แถมบางทีเอาไว้ใช้กันหมา....เอ๊ย บรรดานักกู้ ที่พร้อมจะยืมแล้วเชิดเพราะเห็นว่าเราอ่อน คงไม่มีปัญญาตามอย่างพวกเจ้าแม่นักปล่อยมืออาชีพซักเท่าไหร่
ก็ประมาณนี้ล่ะครับ อยากเป็นแบบ 1 หรือ 2 ก็เลือกเลย แต่ถ้าไม่เคยรู้แบบผมก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีล่ะครับกว่าจะโงหัวได้ เพราะจะรู้ได้เมื่อก่อนต้องหาหนังสืออ่านตาม se-ed ต้องซื้อเอง แล้วหนังสือดีๆ ที่สอนได้ตรงประเด็น มันจะมีมากแค่ไหน กี่เล่มที่ต้องซื้อมาวางกอง อารมณ์นี้ก็น่าจะทราบกันดีจริงไหมครับ
แสดงความคิดเห็น
ที่พูดว่า. ไม่มีตัง. เงินเดือนหมด. สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ. คือตังค์หมดจริงๆไหมคะ
หรือหมดจริงคะ. คือยังไง
คนบอกไม่มีตัง. เค้ามีตังไหมคะ
เห็นทุกสิ้นเดือน