เป็นมนุษย์ได้โอกาสดีแล้ว
ที่จะเจริญสติปัญญาแก้ปัญหาดับทุกข์ให้ตัวเอง
แทนที่จะย้อนอดีตชาติภพภูมิที่ต่ำกว่าแล้วยึดติด
บางคนหลงผิดบูชาหวังเงินทองโชคดี
สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีสติปัญญาก็คุ้มครองอะไรไม่ได้
อยากให้เราชาวพุทธถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
แต่กว่าจะฝ่าด่านความเชื่อต่างๆนานา ยากจริง
เห็นโพสนิสัยนาคเผยแผ่ทั่ว อดไม่ได้...
แล้วถ้านิสัยเหมือนสัตว์เดรัจฉานแล้วอย่างไร นิสัยมนุษย์ที่ดีก็เยอะนะ
เราเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ มีกี่คนที่สัมผัสต่างภพภูมิได้จริง แทนที่เราจะยึดในสิ่งที่ไม่แน่ชัดแก่ใจ...
ภูมิใจเถอะเกิดเป็นมนุษย์เต็มตัว
เต็มหัวใจ ทำความเห็นชอบ มองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ต้องห้อยพระไหน บูชาอะไรให้เปล่าประโยชน์เลย
ปฏิบัติบูชาเข้าให้ถึงพระรัตนตรัยให้จริง ชีวิตเจริญรุ่งเรืองทั้งชาตินี้และชาติต่อไปหรือเข้านิพพานเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นาคเป็นสัตว์เดรัจฉาน
[๑๒๗] ก็โดยสมัยนั้นแล นาคตัวหนึ่งอึดอัด ระอา เกลียดกำเนิดนาค จึงนาคนั้นได้
มีความดำริว่า ด้วยวิธีอะไรหนอ เราจึงจะพ้นจากกำเนิดนาค และกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์
เร็วพลัน. ครั้นแล้วได้ดำริต่อไปว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้แล เป็นผู้ประพฤติ-
ธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์ กล่าวแต่คำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม หากเรา
จะพึงบวชในสำนักพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร ด้วยวิธีเช่นนี้ เราก็จะพ้นจากกำเนิดนาค
และกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน ครั้นแล้วนาคนั้นจึงแปลงกายเป็นชายหนุ่ม แล้วเข้าไป
หาภิกษุทั้งหลายขอบรรพชา. ภิกษุทั้งหลายจึงให้เขาบรรพชาอุปสมบท. สมัยต่อมา พระนาคนั้น
อาศัยอยู่ในวิหารสุดเขตกับภิกษุรูปหนึ่ง. ครั้นปัจจุสสมัยแห่งราตรี ภิกษุรูปนั้น ตื่นนอนแล้ว
ออกไปเดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง. ครั้นภิกษุรูปนั้นออกไปแล้ว. พระนาคนั้นก็วางใจจำวัด. วิหาร
ทั้งหลังเต็มไปด้วยงู. ขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง. ครั้นภิกษุรูปนั้นผลักบานประตูด้วยตั้งใจจัก
เข้าวิหาร ได้เห็นวิหารทั้งหลังเต็มไปด้วยงู เห็นขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง ก็ตกใจ จึงร้อง
เอะอะขึ้น.
ภิกษุทั้งหลายพากันวิ่งเข้าไปแล้วได้ถามภิกษุรูปนั้นว่า อาวุโส ท่านร้องเอะอะไปทำไม?
ภิกษุรูปนั้นบอกว่า อาวุโสทั้งหลาย วิหารนี้ทั้งหลังเต็มไปด้วยงู ขนดยื่นออกไปทาง
หน้าต่าง.
ขณะนั้น พระนาคนั้น ได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงนั้น แล้วนั่งอยู่บนอาสนะของตน.
ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส ท่านเป็นใคร?
น. ผมเป็นนาค ขอรับ.
ภิ. อาวุโส ท่านได้ทำเช่นนี้เพื่อประสงค์อะไร?
พระนาคนั้นจึงแจ้งเนื้อความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่
พระผู้มีพระภาค.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ใน
เพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วได้ทรงประทานพระพุทธโธวาทนี้แก่นาคนั้นว่า พวกเจ้าเป็นนาค
มีความไม่งอกงามในธรรมวินัยนี้เป็นธรรมดา ไปเถิดเจ้านาค จงไปรักษาอุโบสถในวันที่ ๑๔
ที่ ๑๕ และที่ ๘ แห่งปักษ์นั้นแหละ ด้วยวิธีนี้เจ้าจักพ้นจากกำเนิดนาค และจักกลับได้อัตภาพ
เป็นมนุษย์เร็วพลัน. ครั้นนาคนั้นได้ทราบว่า ตนมีความไม่งอกงามในพระธรรมวินัยนี้เป็นธรรมดา
ก็เสียใจหลั่งน้ำตา ส่งเสียงดังแล้วหลีกไป.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุแห่งความ
ปรากฏตามสภาพของนาค มีสองประการนี้ คือ เวลาเสพเมถุนธรรมกับนางนาค ผู้มีชาติเสมอ
กัน ๑ เวลาวางใจนอนหลับ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุแห่งความปรากฏตามสภาพของนาค ๒
ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ สัตว์ดิรัจฉาน ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบท
แล้ว ต้องให้สึกเสีย.
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ข้อที่ ๑๒๗ หน้าที่ ๑๔๓-144
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อย่าว่าแต่พระนิพพานเลย
สัตว์เกิดกลับมาเป็นมนุษย์มีน้อย เพราะไม่รู้อริยสัจ
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
: ฝุ่นนิดหนึ่งที่เราช้อนขึ้นด้วยปลายเล็บนี้กับมหาปฐพีนี้ ข้างไหนจะมากกว่ากัน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มหาปฐพีนั่นแหละเป็นดินที่มากกว่า. ฝุ่นนิดหนึ่งเท่าที่ทรงช้อนขึ้นด้วยปลายพระนขานี้ เป็นของมีประมาณน้อย. ฝุ่นนั้น เมื่อนำเข้าไปเทียบกับมหาปฐพี ย่อมไม่ถึงซึ่ง
การคำนวณได้ เปรียบเทียบได้ ไม่เข้าถึงแม้ซึ่งกะละภาค (ส่วนเสี้ยว)”
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น :
สัตว์ที่เกิดกลับมาสู่หมู่มนุษย์ มีน้อย;
สัตว์ที่เกิดกลับมาเป็นอย่างอื่นจากหมู่มนุษย์ มีมากกว่าโดยแท้.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อนั้น
เพราะความที่สัตว์เหล่านั้นไม่เห็นอริยสัจทั้งสี่.
อริยสัจสี่ อย่างไรเล่า ? สี่อย่าง คือ :-
อริยสัจคือทุกข์
อริยสัจคือเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
อริยสัจคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้
เธอพึงประกอบโยคกรรม
อันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า
“ทุกข์เป็นอย่างนี้,
เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้”
ดังนี้.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๗๘/๑๗๕๗.
* โยคกรรม คือ การกระทำอย่างเป็นระบบ
สุดท้ายรู้สึกดีที่ได้พูด ถึงอาจจะเป็นแค่เสียงน้อยๆ แต่ก็ตั้งจิตเมตตาโพสกระทู้นี้
ความเชื่อสืบต่อกันมายาวนานฝังรากลึก บัวยังมี 3 เหล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทรงเห็นสัตว์ดุจดอกบัว ๓ เหล่า
ราชกุมาร ! ครั้งนั้น เรารู้แจ้งคำเชื้อเชิญของสหัมบดีพรหมแล้ว, และเพราะอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย เราตรวจดูโลกด้วยพุทธจักขุแล้ว. เมื่อเราตรวจดูโลกด้วยพุทธจักขุอยู่, เราได้เห็นสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีธุลีในดวงตาเล็กน้อยบ้าง, มีมากบ้าง, ผู้มีอินทรีย์แก่กล้าบ้าง อ่อนบ้าง, มีอาการดีบ้าง เลวบ้าง, อาจสอนให้รู้ได้ง่ายบ้าง ยากบ้าง; และบางพวกเห็นโทษในปรโลก โดยความเป็นภัยอยู่ก็มี;
เปรียบเหมือนในหนองบัวอุบล บัวปทุม บัวบุณฑริก, ดอกบัวบางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญในน้ำ อันน้ำพยุงไว้ ยังจมอยู่ในน้ำ,
บางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญในน้ำ อันน้ำพยุงไว้ ตั้งอยู่เสมอพื้นน้ำ,
บางเหล่าเกิดแล้วในน้ำ เจริญในน้ำ อันน้ำพยุงไว้ โผล่ขึ้นพ้นน้ำ อันน้ำไม่ถูกแล้ว, มีฉันใด,
ราชกุมาร ! เราได้เห็นสัตว์ทั้งหลายเป็นต่างๆ กันฉันนั้น. ราชกุมาร ! ครั้งนั้น เราได้รับรองกะสหัมบดีพรหมด้วยคำ (ที่ผูกเป็นกาพย์) ว่า:-
“ประตูแห่งนิพพานอันเป็นอมตะ เราเปิดไว้แล้วแก่สัตว์เหล่านั้น,
สัตว์เหล่าใดมีโสตประสาท สัตว์เหล่านั้น จงปลงศรัทธาลงไปเถิด, ดูก่อนพรหม ! เรารู้สึกว่ายาก จึงไม่กล่าวธรรมอันประณีต ที่เราคล่องแคล่วชำนาญ ในหมู่มนุษย์ ทั้งหลาย” ดังนี้.
ราชกุมาร ! ครั้งนั้น สหัมบดีพรหม รู้ว่า ตนเป็นผู้ได้โอกาสอันพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำแล้วเพื่อแสดงธรรม, จึงไหว้เรากระทำอันประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้น นั่นเอง.
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๖๙
นาค เป็นสัตว์เดรัจฉาน บุญบารมียังไม่ถึงเกิดเป็นมนุษย์อย่างเรา...
แทนที่จะย้อนอดีตชาติภพภูมิที่ต่ำกว่าแล้วยึดติด
บางคนหลงผิดบูชาหวังเงินทองโชคดี
สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีสติปัญญาก็คุ้มครองอะไรไม่ได้
อยากให้เราชาวพุทธถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
แต่กว่าจะฝ่าด่านความเชื่อต่างๆนานา ยากจริง
เห็นโพสนิสัยนาคเผยแผ่ทั่ว อดไม่ได้...
แล้วถ้านิสัยเหมือนสัตว์เดรัจฉานแล้วอย่างไร นิสัยมนุษย์ที่ดีก็เยอะนะ
เราเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ มีกี่คนที่สัมผัสต่างภพภูมิได้จริง แทนที่เราจะยึดในสิ่งที่ไม่แน่ชัดแก่ใจ...
ภูมิใจเถอะเกิดเป็นมนุษย์เต็มตัวเต็มหัวใจ ทำความเห็นชอบ มองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ต้องห้อยพระไหน บูชาอะไรให้เปล่าประโยชน์เลย
ปฏิบัติบูชาเข้าให้ถึงพระรัตนตรัยให้จริง ชีวิตเจริญรุ่งเรืองทั้งชาตินี้และชาติต่อไปหรือเข้านิพพานเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายรู้สึกดีที่ได้พูด ถึงอาจจะเป็นแค่เสียงน้อยๆ แต่ก็ตั้งจิตเมตตาโพสกระทู้นี้
ความเชื่อสืบต่อกันมายาวนานฝังรากลึก บัวยังมี 3 เหล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้