วันนี้ ..ต้องบอกว่ากำหนด เส้นตาย 10 ธ.ค นี้ มันเป็นห้วงเวลาน่าลุ้นสุด ๆ จริงๆ ... เกมกลรบแบบที่สามก๊กต้องซูฮก
เพราะหลังจากปล่อยกลลวงให้หลวงพี่..หลวงพ่อ เล่นล่อเอาเถิด นั่งต่อรองโง้นงี้กับทาง DSI ออกสื่อ
เพราะความจริงในการเจรจา ยิ่งต่อรองไป ก็ถึงพริกถึงขิง ...พูดมากไป จนลืมไปว่า นี่ไม่ใช่การเจรจากับกองกำลัง BRN นะจ๊ะ
หลวงพี่.หลวงพ่อที่ออกมานั่งเจรจา ต้องตระหนักตัวเองว่าอยู่ในฐานะผู้ให้การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในการช่วยให้เกิดการเข้ามอบตัวหรือจับกุม มิใช่สุดท้ายพูดไปๆ กลายเป็นตัวแทนหรือโฆษกของฝ่ายกองกำลังแบบนี้จะพลาด “เข้าตัวเอง”
เพราะกลับเข้ากุฎิยังไม่ทันได้คุยโวว่า “เห็นมั้ยตำรวจยังต้องมาต่อรองกับเรา”.....ที่ไหนได้ หันไปอีกที.. ท่านทัตตชีโว.. โดนซะแหล่ว!!
โห...ใครจะไปนึกว่าตำรวจไทย..นี่เวลาเค้าเอาเข้าจริง เกมกลรบยิ่งกว่า สามก๊กฉบับหลวงซะนั่น
กลยุทธ์ซ่อนดาบในรอยยิ้ม เล่นล่อให้จ้อจนเผลอ... สุดท้ายเจอ 157 กับ 189 หมัดเด็ดสยบอรหันต์ไปแล้ว
ดังนั้น วันนี้การแจ้งความกล่าวโทษของตำรวจ น่าจะเป็นการตอกย้ำชัดแล้วว่าการบริหารจัดการรัฐกิจว่าด้วยการผดุงกฎหมายให้คงความศักดิ์สิทธิ์นั้น คือภารกิจยิ่งใหญ่ของข้าราชการทุกฝ่ายจะต้องทำอย่างเต็มกำลัง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ..หรือ หน้าโบท่อกใด ๆ ทุกหน้า!
ดังนั้น...โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ สงฆ์ หัววัดหรือสมภารก็ถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายนี้.... ดังนั้น นอกจากจะมีหน้าที่ตามพระธรรมวินัยแล้ว ยังต้องมีหน้าที่ในการช่วยรัฐรักษากฎหมายให้สมฐานะตำแหน่ง. ....
แต่หากกลับไปช่วยผู้ต้องหาที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แบบนี้ก็เลยได้โปรโมชั่นสองชั้น ประมาณ ซื้อเหล้าแถมเบียร์!
ประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าดีว่า ...งานนี้ ไม่ได้หมู เพราะผู้ต้องหา มีครบแก้วสามประการ....ทั้ง อำนาจ..บารมี และที่สำคัญ “เงิน!”
และที่สำคัญ.... ตำรวจไม่ได้ขี้ขลาด เพราะแค่ลำพังคนสวดมนต์ต่อให้ตกใจยังไง...ตำรวจเค้าก็ "เอาอยู่!"
เพียงแต่เค้าไม่อยากทำให้คนเหล่านั้น..... กลายเป็น "เครื่องมือ" ที่ทำให้ต้องได้รับปัญหาตามมาทั้งคดีความ...และ "ของแถม!"
ทั้งผุ้ติดตามเรื่องนี้.... และเหล่าศานุศิษย์ ขอให้คิดซะว่าเป็นเรื่องปกติที่กรณีแบบนี้นี้มันไม่ได้พึ่ง..
เพราะถ้าย้อนกลับไปในยุคอดีตสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ที่ ลัทธิผีบุญ ประกาศตนว่าเป็นผู้วิเศษ...ทำนายทายทัก สารพัดจนกระทั่งลูกศิษย์ลูกหาเหลือคณานับ.. และเมื่อตัวใหญ่..ก็กำเริบเสิบสานคิดการณ์ไปไกลถึงขนาดท้าทายกฎหมายกบิลเมือง ด้วยการขอแยกปกครอง จนกลายเป็นกรณี “กบฏผีบุญ”
ร้อนถึง ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ต้องส่งกำลังลงไปปราบเหล่าผีบุญ... สุดท้าย ทั้งตาย .ทั้งถูกจับเรียบ ไร้ปาฎิหารย์ เสกเป่าหายตัวไม่ได้สักตน..แถมบารมีอย่างที่โม้กลายเป็น ไม่เหลือค่าแม้แต่น้อยนิด!
นี่ไง ...ที่พุทธองค์ทรงสอน ว่าคนเรา...เมื่อศรัทธามันล้นจนปัญญาตามไม่ทัน มันก็เลยกลายเป็น “คลั่งไคล้” และพร้อม ๆกันก็จะทำอะไรที่ขาดสติได้ตลอดเวลา
ดังนั้น...การจัดการ “ผีบุญ” ไม่ว่าจะยุคใด..สมัยไหน ก็ไม่ต่างกัน คืออาจต้องใช้เวลาบ้าง และที่สำคัญ ใช้กำลังอย่างเดียวกับพวกนี้ไม่ได้ จำต้องใช้ปัญญาในการจัดการร่วมกัน
หาก “บุ๋น” มันใช้แล้วยังไม่ได้ ......... เค้าไปว่ากัน “บู๊” ในที่สุด นี่เป็นหลักธรรมดา
จากนี้ไป พระเดชพระคุณทัตตชีโว ท่านก็ต้องมีหน้าที่เตรียมหาทนายมือดีเอาไว้ ....
อย่าไปให้โฆษกหรือศานุศิษย์ มาแถลงมาสร้างวาทะให้คนเค้าเข้าใจว่า ตำรวจแกล้งอีกล่ะ....
เพราะตำรวจเค้าอุตส่าห์ ส่งหนังสือไปให้ท่านปฎิบัติตามหน้าที่ พ.ร.บ สงฆ์ ตั้งแต่ พ.ย และให้เวลาท่านนำตัวธัมมชโยไปมอบให้จากคดีบุกรุกฯ . .แต่เมื่อถึงเวลาท่านก็เพิกเฉยซะ...แบบนี้ ตำรวจที่นั่น บังเอิญท่านหมึกมันดันหมดพอดีก็เลยขีดเส้นต่อให้ไม่ได้แบบ DSI
แต่เอาเถอะถึงคดีนี้แม้นจะเป็นอาญา.. แต่ถือว่ายังหนักหนาน้อยกว่าพวกที่แอบซุ่มอยู่ในแมกไม้ริมคลองสามนั้นแยะ
เมื่อมีการแจ้งความกล่าวโทษ..เจ้าพนักงานก็ต้องตรวจสอบคำกล่าวโทษ,พยานหลักฐานว่า สอดรับกับที่มีผู้มากล่าวโทษหรือไม่ ..ถ้ามีหลักฐานตำรวจก็ต้องออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา
อ๊ะๆ... แนะนำเป็นเด็ดขาดให้ท่านรีบไปพบเจ้าพนักงานทันที่ที่เรียก ....เพราะรีบมาปุ๊ป งานนี้รับประกันว่า ตำรวจท่านให้ประกันปั๊ปแน่นอน!
คนไม่ผิด..จะไปกลัวอะไร .... จะมาอ้างว่ามีการเมือง..มีธง...มีแนวไว้ อย่าไปเชื่อ!
ถ้ายืนยัน...องอาจ...ไม่หวาดหวั่น จะกลัวทำไมกับการต้องเปลื้องจีวร .... เพราะยังไงเค้าก็เปลื้องได้แค่จีวร แต่ในใจและร่างกายยังเป็นเพศพรหมจรรย์สมบูรณ์
ดูอย่างพระพิมลธรรม (รายอื่นอย่างยันตระ..นิกร...ภาวนา...หรือเณรคำ อย่างไปดูล่ะ) ท่านถูกสั่งให้สึกแต่ท่านไม่เปล่งวาจาสึก. ท่านก็เปลี่ยนผ้าแบบอื่นและต่อสู้จนสุดท้ายท่านชนะก็กลับมาเป็น “ภิกษุ” เหมือนเดิม
อย่าเผลอไปฟังใครเค้ายุอีกล่ะว่า “ท่านไม่ผิด..ทำไมท่านต้องไป” หรือ รอให้ตำรวจเข้ามาแจ้งข้อหาในวัดแบบที่เคยถนัด... เพราะถ้าทำแบบหลังนี้ ...........รับรองได้ถูกเปลื้องจีวร free willy กันหมดวัดจริงๆ ด้วย!
ดาบในรอยยิ้ม
เพราะหลังจากปล่อยกลลวงให้หลวงพี่..หลวงพ่อ เล่นล่อเอาเถิด นั่งต่อรองโง้นงี้กับทาง DSI ออกสื่อ
เพราะความจริงในการเจรจา ยิ่งต่อรองไป ก็ถึงพริกถึงขิง ...พูดมากไป จนลืมไปว่า นี่ไม่ใช่การเจรจากับกองกำลัง BRN นะจ๊ะ
หลวงพี่.หลวงพ่อที่ออกมานั่งเจรจา ต้องตระหนักตัวเองว่าอยู่ในฐานะผู้ให้การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในการช่วยให้เกิดการเข้ามอบตัวหรือจับกุม มิใช่สุดท้ายพูดไปๆ กลายเป็นตัวแทนหรือโฆษกของฝ่ายกองกำลังแบบนี้จะพลาด “เข้าตัวเอง”
เพราะกลับเข้ากุฎิยังไม่ทันได้คุยโวว่า “เห็นมั้ยตำรวจยังต้องมาต่อรองกับเรา”.....ที่ไหนได้ หันไปอีกที.. ท่านทัตตชีโว.. โดนซะแหล่ว!!
โห...ใครจะไปนึกว่าตำรวจไทย..นี่เวลาเค้าเอาเข้าจริง เกมกลรบยิ่งกว่า สามก๊กฉบับหลวงซะนั่น
กลยุทธ์ซ่อนดาบในรอยยิ้ม เล่นล่อให้จ้อจนเผลอ... สุดท้ายเจอ 157 กับ 189 หมัดเด็ดสยบอรหันต์ไปแล้ว
ดังนั้น วันนี้การแจ้งความกล่าวโทษของตำรวจ น่าจะเป็นการตอกย้ำชัดแล้วว่าการบริหารจัดการรัฐกิจว่าด้วยการผดุงกฎหมายให้คงความศักดิ์สิทธิ์นั้น คือภารกิจยิ่งใหญ่ของข้าราชการทุกฝ่ายจะต้องทำอย่างเต็มกำลัง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ..หรือ หน้าโบท่อกใด ๆ ทุกหน้า!
ดังนั้น...โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ สงฆ์ หัววัดหรือสมภารก็ถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายนี้.... ดังนั้น นอกจากจะมีหน้าที่ตามพระธรรมวินัยแล้ว ยังต้องมีหน้าที่ในการช่วยรัฐรักษากฎหมายให้สมฐานะตำแหน่ง. ....
แต่หากกลับไปช่วยผู้ต้องหาที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แบบนี้ก็เลยได้โปรโมชั่นสองชั้น ประมาณ ซื้อเหล้าแถมเบียร์!
ประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าดีว่า ...งานนี้ ไม่ได้หมู เพราะผู้ต้องหา มีครบแก้วสามประการ....ทั้ง อำนาจ..บารมี และที่สำคัญ “เงิน!”
และที่สำคัญ.... ตำรวจไม่ได้ขี้ขลาด เพราะแค่ลำพังคนสวดมนต์ต่อให้ตกใจยังไง...ตำรวจเค้าก็ "เอาอยู่!"
เพียงแต่เค้าไม่อยากทำให้คนเหล่านั้น..... กลายเป็น "เครื่องมือ" ที่ทำให้ต้องได้รับปัญหาตามมาทั้งคดีความ...และ "ของแถม!"
ทั้งผุ้ติดตามเรื่องนี้.... และเหล่าศานุศิษย์ ขอให้คิดซะว่าเป็นเรื่องปกติที่กรณีแบบนี้นี้มันไม่ได้พึ่ง..
เพราะถ้าย้อนกลับไปในยุคอดีตสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ที่ ลัทธิผีบุญ ประกาศตนว่าเป็นผู้วิเศษ...ทำนายทายทัก สารพัดจนกระทั่งลูกศิษย์ลูกหาเหลือคณานับ.. และเมื่อตัวใหญ่..ก็กำเริบเสิบสานคิดการณ์ไปไกลถึงขนาดท้าทายกฎหมายกบิลเมือง ด้วยการขอแยกปกครอง จนกลายเป็นกรณี “กบฏผีบุญ”
ร้อนถึง ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ต้องส่งกำลังลงไปปราบเหล่าผีบุญ... สุดท้าย ทั้งตาย .ทั้งถูกจับเรียบ ไร้ปาฎิหารย์ เสกเป่าหายตัวไม่ได้สักตน..แถมบารมีอย่างที่โม้กลายเป็น ไม่เหลือค่าแม้แต่น้อยนิด!
นี่ไง ...ที่พุทธองค์ทรงสอน ว่าคนเรา...เมื่อศรัทธามันล้นจนปัญญาตามไม่ทัน มันก็เลยกลายเป็น “คลั่งไคล้” และพร้อม ๆกันก็จะทำอะไรที่ขาดสติได้ตลอดเวลา
ดังนั้น...การจัดการ “ผีบุญ” ไม่ว่าจะยุคใด..สมัยไหน ก็ไม่ต่างกัน คืออาจต้องใช้เวลาบ้าง และที่สำคัญ ใช้กำลังอย่างเดียวกับพวกนี้ไม่ได้ จำต้องใช้ปัญญาในการจัดการร่วมกัน
หาก “บุ๋น” มันใช้แล้วยังไม่ได้ ......... เค้าไปว่ากัน “บู๊” ในที่สุด นี่เป็นหลักธรรมดา
จากนี้ไป พระเดชพระคุณทัตตชีโว ท่านก็ต้องมีหน้าที่เตรียมหาทนายมือดีเอาไว้ ....
อย่าไปให้โฆษกหรือศานุศิษย์ มาแถลงมาสร้างวาทะให้คนเค้าเข้าใจว่า ตำรวจแกล้งอีกล่ะ....
เพราะตำรวจเค้าอุตส่าห์ ส่งหนังสือไปให้ท่านปฎิบัติตามหน้าที่ พ.ร.บ สงฆ์ ตั้งแต่ พ.ย และให้เวลาท่านนำตัวธัมมชโยไปมอบให้จากคดีบุกรุกฯ . .แต่เมื่อถึงเวลาท่านก็เพิกเฉยซะ...แบบนี้ ตำรวจที่นั่น บังเอิญท่านหมึกมันดันหมดพอดีก็เลยขีดเส้นต่อให้ไม่ได้แบบ DSI
แต่เอาเถอะถึงคดีนี้แม้นจะเป็นอาญา.. แต่ถือว่ายังหนักหนาน้อยกว่าพวกที่แอบซุ่มอยู่ในแมกไม้ริมคลองสามนั้นแยะ
เมื่อมีการแจ้งความกล่าวโทษ..เจ้าพนักงานก็ต้องตรวจสอบคำกล่าวโทษ,พยานหลักฐานว่า สอดรับกับที่มีผู้มากล่าวโทษหรือไม่ ..ถ้ามีหลักฐานตำรวจก็ต้องออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา
อ๊ะๆ... แนะนำเป็นเด็ดขาดให้ท่านรีบไปพบเจ้าพนักงานทันที่ที่เรียก ....เพราะรีบมาปุ๊ป งานนี้รับประกันว่า ตำรวจท่านให้ประกันปั๊ปแน่นอน!
คนไม่ผิด..จะไปกลัวอะไร .... จะมาอ้างว่ามีการเมือง..มีธง...มีแนวไว้ อย่าไปเชื่อ!
ถ้ายืนยัน...องอาจ...ไม่หวาดหวั่น จะกลัวทำไมกับการต้องเปลื้องจีวร .... เพราะยังไงเค้าก็เปลื้องได้แค่จีวร แต่ในใจและร่างกายยังเป็นเพศพรหมจรรย์สมบูรณ์
ดูอย่างพระพิมลธรรม (รายอื่นอย่างยันตระ..นิกร...ภาวนา...หรือเณรคำ อย่างไปดูล่ะ) ท่านถูกสั่งให้สึกแต่ท่านไม่เปล่งวาจาสึก. ท่านก็เปลี่ยนผ้าแบบอื่นและต่อสู้จนสุดท้ายท่านชนะก็กลับมาเป็น “ภิกษุ” เหมือนเดิม
อย่าเผลอไปฟังใครเค้ายุอีกล่ะว่า “ท่านไม่ผิด..ทำไมท่านต้องไป” หรือ รอให้ตำรวจเข้ามาแจ้งข้อหาในวัดแบบที่เคยถนัด... เพราะถ้าทำแบบหลังนี้ ...........รับรองได้ถูกเปลื้องจีวร free willy กันหมดวัดจริงๆ ด้วย!