ได้จัดทริปพักผ่อนของครอบครัว (พ่อ แม่ ลูก 2.3 ขวบ) เลือกไปเกาะช้าง 29 พย 59 - 2 ธค 59 ด้วยความที่ลูกค่อนข้างซนมาก และ อยากพักที่พักที่เป็นส่วนตัว สภาพดี ถึงดีมากหน่อย มีความปลอดภัยและไม่อยากให้ความซนของลูกไปรบกวนคนอื่นๆในที่พัก จึงเลือกพักแบบวิลล่าเป็นหลัง มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ทำรั้วต้นไม้แบ่งขอบเขตเป็นสัดส่วนเหมือนบ้านหลังเล็กๆหลังนึงเลย ราคาต่อคืนประมาน 6 พันกว่าบาท วันแรกเห็นมีแขกมาพักค่อนข้างเยอะและทั้งหมดเป็นฝรั่งต่างชาติ ที่ดูมีกำลังจ่าย ดูมีการศึกษา และวัฒนธรรมดี ส่วนรีสอร์ทก็จัดอยู่ในระดับแนะนำของ Trip Advisor ระดับคะแนน 8.8
เข้าพัก 3 คืน วันแรกเข้าพัก ไปถึงเวลาบ่ายโมงต้นๆ ห้องยังไม่เสร็จ รอประมาน 20 นาที แล้วเบลบอยก็ช่วยยกกระเป๋า พาไปส่งที่ห้อง แนะนำอุปกรณ์คร่าว ๆ เช่น มีน้ำฟรี 2 ขวด มีชุดชา กาแฟ ฟรี ตู้เย็นมีมืนิบาร์แต่ไม่ฟรี มีราคาแจ้ง ไดร์เป่าผม กับถุงใส่เสื้อผ้าส่งซักอยู่ในลิ้นชักนี้น่ะ มีเซฟบ๊อค สาธิตวิธีรีเซ็ต ตั้งรหัสเวลาปิด-ปิดของสระว่ายน้ำส่วนรวม เวลาของอาหารเช้า เท่านี้ที่แนะนำ หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย รู้สึกว่าโดยรวมทุกอย่างดูดี เงียบสงบ พ่อ แม่ ลูกสนุกกับการเล่นน้ำนานเท่าที่อยากเล่น คุยกับแฟนว่า ถึงราคาค่อนข้างแพง แต่ได้ความสุขของครอบครัว และลูกสนุกมากก ก็ถือว่าคุ้ม นานๆจ่ายแพงที ก็โอเคละ แต่ก็ด่วนสรุปกันเร็วไปนิด
เช้าวันที่ 2 ก็พักกันปกติ ไปทานอาหารเช้า กลับห้องเก็บทรัพย์สินบางส่วนเข้าเซฟบ๊อค เตรียมของ (นม น้ำของลูก กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ ฯ) เพื่อออกไปข้างนอกจะไปนั่งช้างกัน ฝากกุญแจไว้ที่รีเซฟชั่น ซึ่งเข้าใจเองโดยอัตโนมัติว่า การไปฝากกุญแจและแจ้งว่าจะไปข้างนอกสักพัก เดี๋ยวน่าจะมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้อง ก็ไม่เลยไม่ได้แจ้งว่าช่วยทำความสะอาดห้องให้ด้วย หลังจากนั้นออกไปข้างนอกกัน ว่าจะไปนั่งช้าง พอไปถึงลูกดันหลับ แดดร้อนมาก ถามคนที่นั่งกลับมาบอกว่า ไม่น่าเหมาะกับเด็กเล็ก จึงตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า พอกลับถึงห้องพักเวลาประมาน 11 โมงกว่า เกือบๆ จะเที่ยง ก็ยังไม่มีการมาทำความสะอาดห้อง จึงโทรไปแจ้งที่รีเซฟชั่นว่า ขอให้คนมาทำความสะอาดห้อง จนท.ถามกลับมาว่าจะให้ไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ย ก็ตอบไปว่า ถ้าสะดวกก็มาเลยค่ะ เราสะดวก หลังจากนั้นซัก 20 นาที ดูเวลาเที่ยง10 นาที ยังไม่มีใครมา จึงเข้าใจว่าสงสัยพักเที่ยงกัน เดี๋ยวบ่ายโมงคงมา ก็นั่งนอนดูทีวี จนบ่าย 2 โมงกว่า โทรไปที่รีเซฟชั่นอีกครั้ง คิดว่าลืมรึเปล่า จนท.ถามว่า ยังไม่มีแม่บ้านไปทำเหรอค่ะ (อ้าวว ... ถ้ามีมาทำแล้วจะโทรมาแจ้งอีกหรอ) ก็ตอบว่ายังไม่มีค้าา รบกวนด้วยน่ะค้าา จากนั้นประมาน 15 นาที ได้ยินเสียงกริ่งเหมือนคนกดกริ่งหน้าบ้าน แต่ไม่ได้เอะใจว่า เป็นกริ่งเพื่อกดแจ้งเรา จนมีการกดครั้งที่ 2 เราได้ยิน ก็ถึง ....อ๋อออ เป็นการส่งสัญญาณว่า มีคนกำลังจะเดินเข้ามาในบริเวณที่พัก แปบนึงเห็นมีคนมีชะโงกหน้าตรงประตูด้านข้าง ที่ไม่ได้ปิดม่าน ด้านหน้าจะเป็นประตูกระจกทั้งหมด ช่วงบ่ายแดดร้อนมากต้องปิดม่านหมด ก็เดินไปเปิดประตูและบอกให้เข้ามาได้ เป็นทีมแม่บ้าน (ผญ 1 คน ผช 2 คน ชาวต่างชาติ) ก็แยกย้ายกันทำความสะอาด เรากับลูกก็นั่งดูทีวีกันตรงส่วนนั่งเล่น ประมาน 15 นาทีก็เสร็จแล้วพวกเค้าก็กลับออกไป หลังจากนั้นครอบครัวก็พักผ่อน เล่นน้ำตามอัธยาศัย ตอนเย็นก็สั่งอาหารของโรงแรมมาทานที่ห้องพัก เพราะได้ปล่อยลูกเล่น ส่วนพ่อแม่ก็ได้นั่งทานด้วยกัน คืนที่ 2 ก็ผ่านไปปกติ แต่รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว และมั่นใจในความปลอดภัยขึ้น เพราะจากการที่ พนงกดกริ่งส่งสัญญาณให้รู้ก่อนทุกครั้งที่จะเดินเข้ามาจนถึงด้านหน้า (กริ่งจะติดไว้ที่ส่วนทางเข้าด้านหลังบ้าน และมีระยะทางในการเดินก่อน มาถึงประตูหน้าบ้าน)
เช้าวันที่ 3 ตื่นเช้า พ่อ ลูกเล่นน้ำ แม่เตรียมอาหารให้ลูกทานก่อน พากันไปทานอาหารเช้า เวลา ประมาน 9 โมง แต่ก่อนหน้านี้คุยกันว่า ทานอาหารเช้าแล้วกลับมานั่งเล่น ดูทีวีซักพัก เผื่อลูกหลับ มีเวลาเยอะ สายๆ บ่ายๆ ค่อยออกไปข้างนอกหาร้านตัดผมกัน จากการคุยกันแบบนี้ ทำให้ต่างคนต่างคิดกันเองในใจว่าไปทานอาหารเช้าเดี๋ยวเดียว บวกกับความมั่นใจในความเปนส่วนตัวของห้องพัก แฟนจึงวางกระเป๋าเงิน โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค ไว้บนโต๊ะทำงานด้านหลังหัวเตียง ตัวเราปกติจะถือกระเป๋าที่ใส่เงิน บัตรต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์ ติดมือไปด้วยเสมอ เลยไม่ได้ถือไปด้วย หยิบแต่โทรศัพท์ไปให้ลูกดูการ์ตูน จะได้ไม่วิ่งซน ไปรบกวนคนอื่น เราเป็นคนล็อคห้องและเช็คซ้ำว่าประตูล็อคสนิททั้งหมดแล้ว ถือกุญแจเองตลอด ระหว่างทางเดินไปทานอาหารเช้า เราทั้ง 3 คน (พ่อ แม่ ลูก) ก็เจอทีมทำความสะอาด น่าจะกำลังเตรียมอุปกรณ์ หรือ กำลังทำความสะอาดห้องอื่นอยู่ ไม่ได้สนใจดู จนกลับมาถึงห้องพัก มองเข้าไปในห้อง รู้สึกตกใจ แปลกใจ ประหลาดใจ ในคราวเดียว คือ เตียงถูกทำใหม่ หมอน ผ้าห่ม สภาพเรียบร้อย ก่อนออกไปลูกเล่น รื้อ เตียงยับเยินมากกก พอไขกุญแจเปิดห้องก็ได้กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศ จึงเดินเช็คตามจุดต่างๆ เช่น ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ แก้วกาแฟที่ทานเมื่อเช้าก็ถูกเก็บไป ขยะก็ถูกเก็บไป แชมพู เจลอาบน้ำก็มีขวดใหม่มาเติม หมวกคลุมอาบน้ำก็มีอันใหม่มา เดินกลับมาส่วนที่เป็นโตะทำงาน เตียงนอน ยิ่งตกใจหนักขึ้นเห็นกระเป๋าตังค์ กับโทรศัพท์ ของแฟนวางอยู่ ไม่คิดว่าเค้าจะไม่เอาติดตัวไปด้วย เท่านั้นแหละรีบเด้งตัวไปที่กระเป๋าถือตัวเองเปิดนับเงิน เฮ่ออ ... ค่อยยังชั่ว มีอยู่น้อยนิด แต่อยู่ครบ เช็คพวกชา กาแฟซอง น้ำเปล่าฟรี 2 ขวดเล็กก็ถูกเติมให้ใหม่ แฟนเข้ามาในห้องเห็นเตียงเรียบร้อย ถามเราว่า เราทำเตียงหรอ หืมม .... เดินไป เดินกลับ นั่งอยู่ด้วยกัน จะเอาเวลาตอนไหนมาทำเตียง หืออ ... ถามไม่คิด แต่เราไม่ได้เอะใจถามแฟนให้เช็คกระเป๋าเงินของเค้า หลังจากนั้นซักพักก็ไปข้างนอกหาร้านตัดผม ตอนแฟนหยิบเงินในกระเป๋าของเค้าเพื่อจ่าย เค้าบอกรู้สึกว่าทำไมเงินมันบางๆ ลง แต่ก็ยังไม่อะไร แวะทานข้าว ซื้อของ จนกลับมาถึงที่พักประมานบ่าย 3 โมงกว่าๆ แฟนเช็คกระเป๋าเงิน แล้วเสียงดังว่าเงินหาย เป็นเงินยูโรใบละ 50 ยูโร 4 ใบ แฟนว่าเอาติดกระเป๋ามา 10 ใบ ส่วนเงินบาทไทยไม่แน่ใจ น่าจะใบละ 1,000 ประมาน 4-5 ใบ ก็เกิดการถามกันไปมา เผื่อลืมหยิบออกไปเก็บที่ไหน หรือ จำผิด มีเผลอวางกระเป๋าเงินไว้ที่ไหนบ้างรึเปล่า มีความเป็นไปได้อะไรที่ใครจะเข้าถึงกระเป๋าเงินได้บ้าง จนคำถามที่ว่า แน่ใจได้ยังไงว่า เงินยูโรหายไป 4 ใบ แฟนบอกว่า ก็นับทุกวัน เมื่อคืนยังนับ มี 10 ใบครบอยู่เลย แล้วเช้ามาก็ไม่ได้ออกไปไหน นอกจากไปทานอาหารเช้า แต่วางกระเป๋าตั้งไว้บนโต๊ะในห้องนั่นแหละ เราก็เลย อ้าว ... เมื่อเช้าตอนกลับเข้ามาแล้วถามว่า ทำเตียงหรอ ก็ยังพากันแปลกใจที่ทีมแม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง โดยที่เรายังไม่ได้แจ้ง กุญแจก็ยังไม่ได้ไปฝากที่รีเซฟชั่น ไม่เอะใจเช็คเงินในกระเป๋าหรอ เราก็คิดว่าเช็คแล้ว ไม่มีอะไรหาย เรายังรีบเช็คกระเป๋าเงิน แล้วก็ของอย่างอื่นของเราเลย แฟนกลับต่อว่าเราว่า ทำไมไม่เตือนให้เค้าเช็คกระเป๋าเงินเค้าด้วย อ้าวว ....... จากนั้น ล็อคห้อง รีบพากันเดินไปแจ้งที่รีเซฟชั่น พนง. ก็ฟังแล้วหน้างงๆ บอกเดี๋ยวขอตาม-ถามทีมทำความสะอาดก่อน ไม่เคยเกิดเคสเงินหาย ของหาย ขโมยหรือปัญาหาอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่เปิดมา ออร่าของความมั่นใจเปล่งประกายมาก ส่งผลมาถึงคำพูดทำนองว่า เราหลงลืมเองรึเปล่า มีเงินจริงตามนั้นรึเปล่า มั่นใจยังไงว่าหายจากที่นี่ ให้พวกเรารอ ขอสอบถามกันเองก่อนว่า เอาไปหรือเปล่า ?? พวกเราก็กลับมาที่ห้องพัก ซักพัก พนง.ที่หน้าฟร้อนท์ก็มาแจ้งว่า สอบถามกันแล้ว ไม่ได้เอาไป ไม่ได้หยิบจับกระเป๋าเงินเลย พร้อมๆกันนั้น ผญ ที่อยู่ในทีมทำความสะอาด (น่าจะเป็นหัวหน้าทีม เพราะถือกุญแจสำรองทั้งหมด) ก็วิ่งเข้ามาในท้องสมทบกัน พร้อมกับมองหน้าเรา ให้เราฟังเค้า พยายามพูดว่า ไม่ได้เอาไป คนในทีมก็ไม่ได้เอาไป ไม่เชื่อก็ให้ไปพาตำรวจมาเช็คเรย เห็นอารมณ์ของพี่เค้ากำลังขึ้น และชักสีหน้าใส่เรา เหมือนเป็นคู่กรณีกับเรา แล้วเราไม่สนใจฟังเค้า พี่เค้าก็พูดต่ออีกว่า ให้ไปพาตำรวจมาเลย มาเช็คเลย ไม่ได้เอาไป แล้วถ้าตำรวจเช็คแล้วว่าพี่เค้าไม่ได้เอาไป พี่เค้าก็พูดประมานว่า หึ่ม ....จะว่ายังไง จะเอายังไง พนง.หน้าฟร้อนท์ ก็เลยพูดตัดบทว่าเดี๋ยวพูดเอง จากนั้นเท่าที่ได้ยิน แฟนกับ พนง.หน้าฟร้อนท์ว่า คงต้องแจ้งตำรวจ โอเคตำรวจท่องเที่ยว กับตำรวจพื้นที่มารับเรื่อง สอบถามเหตุการณ์ แต่ละฝ่ายก็ยืนยันตามข้อความด้านบน ทางเรากับแฟนก็ยืนยัน มั่นใจว่า เงินหายระหว่างมาทานอาหารเช้า เพราะวางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะ และ มีการไขกุญแจเข้าไปทำความสะอาดห้อง โดยที่เรายังไม่ได้แจ้งให้มาทำ ทางรีสอร์ท บอกมีป้ายสำหรับแ้งทำความสะอาด /ห้ามรบกวน แต่เราไม่เห็น เพราะห้อยอยู่ข้างนอก ที่เป็นส่วนทางเข้าด้านหลัง ที่มีกริ่งกด ไม่ใช่ในตัวห้องพัก ซึ่งเราไม่เห็น และไม่ได้ไปแตะป้ายเลยด้วยซ้ำ ป้ายก็ยังคงเป็นด้านข้อความว่า "ห้ามรบกวน" แต่ทีมทำความสะอาด ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปตามสะดวก แล้วบอกว่า ก็ทำอย่างนี้กันมา ไม่เคยมีปัญหา จะคอยดูว่า ถ้าแขกไม่อยู่ห้องก็ไปทำความสะอาด และทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้ใส่ของมีค่า แล้วยังไง คือมีเซฟบ๊อคให้ แล้วพนักงานจะเข้า-ออกห้องใคร ตอนไหนก็ได้หรือ ??? แล้วเงินก็หายขึ้นมาแล้วจะว่ายังไง??? ผจก. รีสอร์ทก็ขอเรียก ทีมทำความสะอาดมาถามในืนนี้อีกก่อนว่า ได้ทำ หรือ ไม่ทำ ถ้าในทีมรับสารภาพว่าเป็นคนทำ คืนเงินมาให้ ไม่ต้องแจ้งความให้เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย และเสียภาพพจน์โรงแรม จะให้คำตอบกับเรา พรุ่งนี้ 9 โมง หลังจากนั้นก็จบการสอบถามกับทางคุณตำรวจ และแยกย้าย แต่เราได้รับโทรศัพท์จาก ตร. ท่องเที่ยวว่า ทาง ผจก. สอบถาม 3 คนในทีมทำความสะอาดแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ ไม่ได้เอาเงินไป และทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้แล้ว วางสายได้ 3 นาที ตำรวจพื้นที่โทร มาแจ้งว่า สรุปให้ไปแจ้งความที่ สน. เกาะช้าง ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย หาข้อสรุปต่อไป ส่วนตอนเช้าที่ ผจก. รีสอร์ทแจ้งว่าจะให้คำตอบตอน 9 โมง คือ ไม่มีคำตอบใดๆจาก ผจก. ไม่ปรากฎตัวด้วยซ้ำ ฝากคำพูดไว้กับ พนง. รีเซฟชั่นว่า 3 คนในทีมฯ ยืนยันว่าไม่ได้เอาไป ไม่รู้ว่าลูกค้ามีเงินจริงรึเปล่า (ภาพที่เกิดในหัวตอนฟังคำเค้าพุด คือ ฉันมาสร้างเรื่องเพื่อกินฟรี อยู่ฟรีสิน่ะ เผลอได้เงินกินหนมเพิ่มด้วย .. หรอว่ะ ?? ) พรง.พูดต่อ ทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้แล้ว ถ้าของในเซฟบ๊อคหาย ถึงจะรับผิดชอบ แต่แบบนี้ก็ให้ไปแจ้งความ ให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนค่ะ ผจก.น่าจะไม่เข้ามาค่ะ เพราะมีเคสสำคัญไปทำที่ อบต. (ก็คือ ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันแล้ว แบบนี้??) หืออ .. ประทับอยู่ในใจมิรู้ลืม และตอนเช็คเอ้าท์ ผญ ที่ถือกุญแจ (เหมือนเป็นเจ้ใหญ่อะ) ในทีมทำความสะอาด รอเช็คของในห้อง เดินสวนกับเรา หืออ ... หน้าตานี่แทบจะกินหัว มองค้อน นึกในใจถ้าไปเจอข้างนอก เราจะโดนพี่เค้าตบมั้ยนิ ทำแบบนี้กับแขกที่มาพัก ..ก็ได้หรอ ??? จากนั้นเราก็เคลียร์บิลจ่ายค่าอาหารที่สั่งทั้งหมด คืนกุญแจ ไปแจ้งความที่ สน. เกาะช้าง ลงบันทึกประจำวัน ให้ปากคำกับคุณตำรวจ ก็เป็นขั้นตอนทางกฎหมาย รอการติดต่อและสรุปต่อไป
อยากขอคำชี้แนะ และความเห็นจากผู้รู้ คือ
1 . การเข้าทำความสะอาดของทางโรงแรม รีสอร์ท ตามที่เราเข้าใจ หรือ เคยเ
ห็น กรณีอยู่หลายวัน คือ ไปฝากกุญแจก่อนไปข้างนอก จะแจ้งว่าให้ทำความสะอาดให้ด้วย หรือ ถ้าไม่อยากให้ทำก้อบอก ไม่ต้องทำ หรือถ้าแขกไม่ได้แจ้ง ลืมแจ้ง พนง จะถาม หรือ โทรถาม หรือถ้าติดต่อไม่ได้ แขกกลับมาจะแจ้งว่ายังไม่ได้ทำห้องเพราะติดต่อถามแขกไม่ได้ กรณีมีป้ายห้อย แขกบางคนก้อบอกด้วยป้าย แต่บางคนก้อไม่ได้เปลี่ยนป้ายแจ้ง ทาง พนง. ก็ต้องถามแขกก่อน ถ้ากรณีแขกพักผ่อนอยู่ในห้อง ก็ต้องโทรถามก่อน ไม่ใช่ไขกุญแจเข้าไปามสะดวก คือโดยทั่วไปเป็นแบบนี้ไหม หรือว่ามีหลักปฏิบัติยังไง
2. ต่อเนื่องจากข้อ 1 พอการที่เข้าไปทำความสะอาดโดยเรายังไม่ได้แจ้ง แล้วเงินเราหาย แล้วบอกว่ามีเซฟบ๊อคให้แล้ว ถ้าของในเซฟบ๊อคหายถึงจะรับผิดชอบ อย่างนี้ก็ได้หรอค่ะ
ยาวมาก รบกวนด้วยค่ะ
เงินหายในห้องพักรีสอร์ท ขอคำชี้แนะ ความเห็นจากผู้รู้ ถึงขอบเขตความรับผิดชอบ และการปฏิเสธความรับผิดชอบของรีสอร์ท
เข้าพัก 3 คืน วันแรกเข้าพัก ไปถึงเวลาบ่ายโมงต้นๆ ห้องยังไม่เสร็จ รอประมาน 20 นาที แล้วเบลบอยก็ช่วยยกกระเป๋า พาไปส่งที่ห้อง แนะนำอุปกรณ์คร่าว ๆ เช่น มีน้ำฟรี 2 ขวด มีชุดชา กาแฟ ฟรี ตู้เย็นมีมืนิบาร์แต่ไม่ฟรี มีราคาแจ้ง ไดร์เป่าผม กับถุงใส่เสื้อผ้าส่งซักอยู่ในลิ้นชักนี้น่ะ มีเซฟบ๊อค สาธิตวิธีรีเซ็ต ตั้งรหัสเวลาปิด-ปิดของสระว่ายน้ำส่วนรวม เวลาของอาหารเช้า เท่านี้ที่แนะนำ หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย รู้สึกว่าโดยรวมทุกอย่างดูดี เงียบสงบ พ่อ แม่ ลูกสนุกกับการเล่นน้ำนานเท่าที่อยากเล่น คุยกับแฟนว่า ถึงราคาค่อนข้างแพง แต่ได้ความสุขของครอบครัว และลูกสนุกมากก ก็ถือว่าคุ้ม นานๆจ่ายแพงที ก็โอเคละ แต่ก็ด่วนสรุปกันเร็วไปนิด
เช้าวันที่ 2 ก็พักกันปกติ ไปทานอาหารเช้า กลับห้องเก็บทรัพย์สินบางส่วนเข้าเซฟบ๊อค เตรียมของ (นม น้ำของลูก กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ ฯ) เพื่อออกไปข้างนอกจะไปนั่งช้างกัน ฝากกุญแจไว้ที่รีเซฟชั่น ซึ่งเข้าใจเองโดยอัตโนมัติว่า การไปฝากกุญแจและแจ้งว่าจะไปข้างนอกสักพัก เดี๋ยวน่าจะมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้อง ก็ไม่เลยไม่ได้แจ้งว่าช่วยทำความสะอาดห้องให้ด้วย หลังจากนั้นออกไปข้างนอกกัน ว่าจะไปนั่งช้าง พอไปถึงลูกดันหลับ แดดร้อนมาก ถามคนที่นั่งกลับมาบอกว่า ไม่น่าเหมาะกับเด็กเล็ก จึงตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า พอกลับถึงห้องพักเวลาประมาน 11 โมงกว่า เกือบๆ จะเที่ยง ก็ยังไม่มีการมาทำความสะอาดห้อง จึงโทรไปแจ้งที่รีเซฟชั่นว่า ขอให้คนมาทำความสะอาดห้อง จนท.ถามกลับมาว่าจะให้ไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ย ก็ตอบไปว่า ถ้าสะดวกก็มาเลยค่ะ เราสะดวก หลังจากนั้นซัก 20 นาที ดูเวลาเที่ยง10 นาที ยังไม่มีใครมา จึงเข้าใจว่าสงสัยพักเที่ยงกัน เดี๋ยวบ่ายโมงคงมา ก็นั่งนอนดูทีวี จนบ่าย 2 โมงกว่า โทรไปที่รีเซฟชั่นอีกครั้ง คิดว่าลืมรึเปล่า จนท.ถามว่า ยังไม่มีแม่บ้านไปทำเหรอค่ะ (อ้าวว ... ถ้ามีมาทำแล้วจะโทรมาแจ้งอีกหรอ) ก็ตอบว่ายังไม่มีค้าา รบกวนด้วยน่ะค้าา จากนั้นประมาน 15 นาที ได้ยินเสียงกริ่งเหมือนคนกดกริ่งหน้าบ้าน แต่ไม่ได้เอะใจว่า เป็นกริ่งเพื่อกดแจ้งเรา จนมีการกดครั้งที่ 2 เราได้ยิน ก็ถึง ....อ๋อออ เป็นการส่งสัญญาณว่า มีคนกำลังจะเดินเข้ามาในบริเวณที่พัก แปบนึงเห็นมีคนมีชะโงกหน้าตรงประตูด้านข้าง ที่ไม่ได้ปิดม่าน ด้านหน้าจะเป็นประตูกระจกทั้งหมด ช่วงบ่ายแดดร้อนมากต้องปิดม่านหมด ก็เดินไปเปิดประตูและบอกให้เข้ามาได้ เป็นทีมแม่บ้าน (ผญ 1 คน ผช 2 คน ชาวต่างชาติ) ก็แยกย้ายกันทำความสะอาด เรากับลูกก็นั่งดูทีวีกันตรงส่วนนั่งเล่น ประมาน 15 นาทีก็เสร็จแล้วพวกเค้าก็กลับออกไป หลังจากนั้นครอบครัวก็พักผ่อน เล่นน้ำตามอัธยาศัย ตอนเย็นก็สั่งอาหารของโรงแรมมาทานที่ห้องพัก เพราะได้ปล่อยลูกเล่น ส่วนพ่อแม่ก็ได้นั่งทานด้วยกัน คืนที่ 2 ก็ผ่านไปปกติ แต่รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว และมั่นใจในความปลอดภัยขึ้น เพราะจากการที่ พนงกดกริ่งส่งสัญญาณให้รู้ก่อนทุกครั้งที่จะเดินเข้ามาจนถึงด้านหน้า (กริ่งจะติดไว้ที่ส่วนทางเข้าด้านหลังบ้าน และมีระยะทางในการเดินก่อน มาถึงประตูหน้าบ้าน)
เช้าวันที่ 3 ตื่นเช้า พ่อ ลูกเล่นน้ำ แม่เตรียมอาหารให้ลูกทานก่อน พากันไปทานอาหารเช้า เวลา ประมาน 9 โมง แต่ก่อนหน้านี้คุยกันว่า ทานอาหารเช้าแล้วกลับมานั่งเล่น ดูทีวีซักพัก เผื่อลูกหลับ มีเวลาเยอะ สายๆ บ่ายๆ ค่อยออกไปข้างนอกหาร้านตัดผมกัน จากการคุยกันแบบนี้ ทำให้ต่างคนต่างคิดกันเองในใจว่าไปทานอาหารเช้าเดี๋ยวเดียว บวกกับความมั่นใจในความเปนส่วนตัวของห้องพัก แฟนจึงวางกระเป๋าเงิน โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค ไว้บนโต๊ะทำงานด้านหลังหัวเตียง ตัวเราปกติจะถือกระเป๋าที่ใส่เงิน บัตรต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์ ติดมือไปด้วยเสมอ เลยไม่ได้ถือไปด้วย หยิบแต่โทรศัพท์ไปให้ลูกดูการ์ตูน จะได้ไม่วิ่งซน ไปรบกวนคนอื่น เราเป็นคนล็อคห้องและเช็คซ้ำว่าประตูล็อคสนิททั้งหมดแล้ว ถือกุญแจเองตลอด ระหว่างทางเดินไปทานอาหารเช้า เราทั้ง 3 คน (พ่อ แม่ ลูก) ก็เจอทีมทำความสะอาด น่าจะกำลังเตรียมอุปกรณ์ หรือ กำลังทำความสะอาดห้องอื่นอยู่ ไม่ได้สนใจดู จนกลับมาถึงห้องพัก มองเข้าไปในห้อง รู้สึกตกใจ แปลกใจ ประหลาดใจ ในคราวเดียว คือ เตียงถูกทำใหม่ หมอน ผ้าห่ม สภาพเรียบร้อย ก่อนออกไปลูกเล่น รื้อ เตียงยับเยินมากกก พอไขกุญแจเปิดห้องก็ได้กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศ จึงเดินเช็คตามจุดต่างๆ เช่น ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ แก้วกาแฟที่ทานเมื่อเช้าก็ถูกเก็บไป ขยะก็ถูกเก็บไป แชมพู เจลอาบน้ำก็มีขวดใหม่มาเติม หมวกคลุมอาบน้ำก็มีอันใหม่มา เดินกลับมาส่วนที่เป็นโตะทำงาน เตียงนอน ยิ่งตกใจหนักขึ้นเห็นกระเป๋าตังค์ กับโทรศัพท์ ของแฟนวางอยู่ ไม่คิดว่าเค้าจะไม่เอาติดตัวไปด้วย เท่านั้นแหละรีบเด้งตัวไปที่กระเป๋าถือตัวเองเปิดนับเงิน เฮ่ออ ... ค่อยยังชั่ว มีอยู่น้อยนิด แต่อยู่ครบ เช็คพวกชา กาแฟซอง น้ำเปล่าฟรี 2 ขวดเล็กก็ถูกเติมให้ใหม่ แฟนเข้ามาในห้องเห็นเตียงเรียบร้อย ถามเราว่า เราทำเตียงหรอ หืมม .... เดินไป เดินกลับ นั่งอยู่ด้วยกัน จะเอาเวลาตอนไหนมาทำเตียง หืออ ... ถามไม่คิด แต่เราไม่ได้เอะใจถามแฟนให้เช็คกระเป๋าเงินของเค้า หลังจากนั้นซักพักก็ไปข้างนอกหาร้านตัดผม ตอนแฟนหยิบเงินในกระเป๋าของเค้าเพื่อจ่าย เค้าบอกรู้สึกว่าทำไมเงินมันบางๆ ลง แต่ก็ยังไม่อะไร แวะทานข้าว ซื้อของ จนกลับมาถึงที่พักประมานบ่าย 3 โมงกว่าๆ แฟนเช็คกระเป๋าเงิน แล้วเสียงดังว่าเงินหาย เป็นเงินยูโรใบละ 50 ยูโร 4 ใบ แฟนว่าเอาติดกระเป๋ามา 10 ใบ ส่วนเงินบาทไทยไม่แน่ใจ น่าจะใบละ 1,000 ประมาน 4-5 ใบ ก็เกิดการถามกันไปมา เผื่อลืมหยิบออกไปเก็บที่ไหน หรือ จำผิด มีเผลอวางกระเป๋าเงินไว้ที่ไหนบ้างรึเปล่า มีความเป็นไปได้อะไรที่ใครจะเข้าถึงกระเป๋าเงินได้บ้าง จนคำถามที่ว่า แน่ใจได้ยังไงว่า เงินยูโรหายไป 4 ใบ แฟนบอกว่า ก็นับทุกวัน เมื่อคืนยังนับ มี 10 ใบครบอยู่เลย แล้วเช้ามาก็ไม่ได้ออกไปไหน นอกจากไปทานอาหารเช้า แต่วางกระเป๋าตั้งไว้บนโต๊ะในห้องนั่นแหละ เราก็เลย อ้าว ... เมื่อเช้าตอนกลับเข้ามาแล้วถามว่า ทำเตียงหรอ ก็ยังพากันแปลกใจที่ทีมแม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง โดยที่เรายังไม่ได้แจ้ง กุญแจก็ยังไม่ได้ไปฝากที่รีเซฟชั่น ไม่เอะใจเช็คเงินในกระเป๋าหรอ เราก็คิดว่าเช็คแล้ว ไม่มีอะไรหาย เรายังรีบเช็คกระเป๋าเงิน แล้วก็ของอย่างอื่นของเราเลย แฟนกลับต่อว่าเราว่า ทำไมไม่เตือนให้เค้าเช็คกระเป๋าเงินเค้าด้วย อ้าวว ....... จากนั้น ล็อคห้อง รีบพากันเดินไปแจ้งที่รีเซฟชั่น พนง. ก็ฟังแล้วหน้างงๆ บอกเดี๋ยวขอตาม-ถามทีมทำความสะอาดก่อน ไม่เคยเกิดเคสเงินหาย ของหาย ขโมยหรือปัญาหาอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่เปิดมา ออร่าของความมั่นใจเปล่งประกายมาก ส่งผลมาถึงคำพูดทำนองว่า เราหลงลืมเองรึเปล่า มีเงินจริงตามนั้นรึเปล่า มั่นใจยังไงว่าหายจากที่นี่ ให้พวกเรารอ ขอสอบถามกันเองก่อนว่า เอาไปหรือเปล่า ?? พวกเราก็กลับมาที่ห้องพัก ซักพัก พนง.ที่หน้าฟร้อนท์ก็มาแจ้งว่า สอบถามกันแล้ว ไม่ได้เอาไป ไม่ได้หยิบจับกระเป๋าเงินเลย พร้อมๆกันนั้น ผญ ที่อยู่ในทีมทำความสะอาด (น่าจะเป็นหัวหน้าทีม เพราะถือกุญแจสำรองทั้งหมด) ก็วิ่งเข้ามาในท้องสมทบกัน พร้อมกับมองหน้าเรา ให้เราฟังเค้า พยายามพูดว่า ไม่ได้เอาไป คนในทีมก็ไม่ได้เอาไป ไม่เชื่อก็ให้ไปพาตำรวจมาเช็คเรย เห็นอารมณ์ของพี่เค้ากำลังขึ้น และชักสีหน้าใส่เรา เหมือนเป็นคู่กรณีกับเรา แล้วเราไม่สนใจฟังเค้า พี่เค้าก็พูดต่ออีกว่า ให้ไปพาตำรวจมาเลย มาเช็คเลย ไม่ได้เอาไป แล้วถ้าตำรวจเช็คแล้วว่าพี่เค้าไม่ได้เอาไป พี่เค้าก็พูดประมานว่า หึ่ม ....จะว่ายังไง จะเอายังไง พนง.หน้าฟร้อนท์ ก็เลยพูดตัดบทว่าเดี๋ยวพูดเอง จากนั้นเท่าที่ได้ยิน แฟนกับ พนง.หน้าฟร้อนท์ว่า คงต้องแจ้งตำรวจ โอเคตำรวจท่องเที่ยว กับตำรวจพื้นที่มารับเรื่อง สอบถามเหตุการณ์ แต่ละฝ่ายก็ยืนยันตามข้อความด้านบน ทางเรากับแฟนก็ยืนยัน มั่นใจว่า เงินหายระหว่างมาทานอาหารเช้า เพราะวางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะ และ มีการไขกุญแจเข้าไปทำความสะอาดห้อง โดยที่เรายังไม่ได้แจ้งให้มาทำ ทางรีสอร์ท บอกมีป้ายสำหรับแ้งทำความสะอาด /ห้ามรบกวน แต่เราไม่เห็น เพราะห้อยอยู่ข้างนอก ที่เป็นส่วนทางเข้าด้านหลัง ที่มีกริ่งกด ไม่ใช่ในตัวห้องพัก ซึ่งเราไม่เห็น และไม่ได้ไปแตะป้ายเลยด้วยซ้ำ ป้ายก็ยังคงเป็นด้านข้อความว่า "ห้ามรบกวน" แต่ทีมทำความสะอาด ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปตามสะดวก แล้วบอกว่า ก็ทำอย่างนี้กันมา ไม่เคยมีปัญหา จะคอยดูว่า ถ้าแขกไม่อยู่ห้องก็ไปทำความสะอาด และทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้ใส่ของมีค่า แล้วยังไง คือมีเซฟบ๊อคให้ แล้วพนักงานจะเข้า-ออกห้องใคร ตอนไหนก็ได้หรือ ??? แล้วเงินก็หายขึ้นมาแล้วจะว่ายังไง??? ผจก. รีสอร์ทก็ขอเรียก ทีมทำความสะอาดมาถามในืนนี้อีกก่อนว่า ได้ทำ หรือ ไม่ทำ ถ้าในทีมรับสารภาพว่าเป็นคนทำ คืนเงินมาให้ ไม่ต้องแจ้งความให้เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย และเสียภาพพจน์โรงแรม จะให้คำตอบกับเรา พรุ่งนี้ 9 โมง หลังจากนั้นก็จบการสอบถามกับทางคุณตำรวจ และแยกย้าย แต่เราได้รับโทรศัพท์จาก ตร. ท่องเที่ยวว่า ทาง ผจก. สอบถาม 3 คนในทีมทำความสะอาดแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ ไม่ได้เอาเงินไป และทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้แล้ว วางสายได้ 3 นาที ตำรวจพื้นที่โทร มาแจ้งว่า สรุปให้ไปแจ้งความที่ สน. เกาะช้าง ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย หาข้อสรุปต่อไป ส่วนตอนเช้าที่ ผจก. รีสอร์ทแจ้งว่าจะให้คำตอบตอน 9 โมง คือ ไม่มีคำตอบใดๆจาก ผจก. ไม่ปรากฎตัวด้วยซ้ำ ฝากคำพูดไว้กับ พนง. รีเซฟชั่นว่า 3 คนในทีมฯ ยืนยันว่าไม่ได้เอาไป ไม่รู้ว่าลูกค้ามีเงินจริงรึเปล่า (ภาพที่เกิดในหัวตอนฟังคำเค้าพุด คือ ฉันมาสร้างเรื่องเพื่อกินฟรี อยู่ฟรีสิน่ะ เผลอได้เงินกินหนมเพิ่มด้วย .. หรอว่ะ ?? ) พรง.พูดต่อ ทางรีสอร์ทมีเซฟบ๊อคให้แล้ว ถ้าของในเซฟบ๊อคหาย ถึงจะรับผิดชอบ แต่แบบนี้ก็ให้ไปแจ้งความ ให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนค่ะ ผจก.น่าจะไม่เข้ามาค่ะ เพราะมีเคสสำคัญไปทำที่ อบต. (ก็คือ ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันแล้ว แบบนี้??) หืออ .. ประทับอยู่ในใจมิรู้ลืม และตอนเช็คเอ้าท์ ผญ ที่ถือกุญแจ (เหมือนเป็นเจ้ใหญ่อะ) ในทีมทำความสะอาด รอเช็คของในห้อง เดินสวนกับเรา หืออ ... หน้าตานี่แทบจะกินหัว มองค้อน นึกในใจถ้าไปเจอข้างนอก เราจะโดนพี่เค้าตบมั้ยนิ ทำแบบนี้กับแขกที่มาพัก ..ก็ได้หรอ ??? จากนั้นเราก็เคลียร์บิลจ่ายค่าอาหารที่สั่งทั้งหมด คืนกุญแจ ไปแจ้งความที่ สน. เกาะช้าง ลงบันทึกประจำวัน ให้ปากคำกับคุณตำรวจ ก็เป็นขั้นตอนทางกฎหมาย รอการติดต่อและสรุปต่อไป
อยากขอคำชี้แนะ และความเห็นจากผู้รู้ คือ
1 . การเข้าทำความสะอาดของทางโรงแรม รีสอร์ท ตามที่เราเข้าใจ หรือ เคยเ
ห็น กรณีอยู่หลายวัน คือ ไปฝากกุญแจก่อนไปข้างนอก จะแจ้งว่าให้ทำความสะอาดให้ด้วย หรือ ถ้าไม่อยากให้ทำก้อบอก ไม่ต้องทำ หรือถ้าแขกไม่ได้แจ้ง ลืมแจ้ง พนง จะถาม หรือ โทรถาม หรือถ้าติดต่อไม่ได้ แขกกลับมาจะแจ้งว่ายังไม่ได้ทำห้องเพราะติดต่อถามแขกไม่ได้ กรณีมีป้ายห้อย แขกบางคนก้อบอกด้วยป้าย แต่บางคนก้อไม่ได้เปลี่ยนป้ายแจ้ง ทาง พนง. ก็ต้องถามแขกก่อน ถ้ากรณีแขกพักผ่อนอยู่ในห้อง ก็ต้องโทรถามก่อน ไม่ใช่ไขกุญแจเข้าไปามสะดวก คือโดยทั่วไปเป็นแบบนี้ไหม หรือว่ามีหลักปฏิบัติยังไง
2. ต่อเนื่องจากข้อ 1 พอการที่เข้าไปทำความสะอาดโดยเรายังไม่ได้แจ้ง แล้วเงินเราหาย แล้วบอกว่ามีเซฟบ๊อคให้แล้ว ถ้าของในเซฟบ๊อคหายถึงจะรับผิดชอบ อย่างนี้ก็ได้หรอค่ะ
ยาวมาก รบกวนด้วยค่ะ