ก่อนตัดสินใจมาเนเธอร์แลนด์ เราก็เหมือนคนทั่วไปที่อยากไปเรียน MBA ที่อเมริกา แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆในชีวิตๆนึงที่เกิดมา มากกว่าการไปเรียน อยากไปใช้ชีวิตในที่ๆคนไทยไม่ค่อยไปกัน อยากท้าทายตัวเอง อยากเที่ยวเยอะๆ มีเพื่อนต่างชาติเยอะๆ และมีความเชื่อว่า “High Risk High Return” แล้วพอได้มาอยู่จริงๆ ก็พบว่า..
- คนไทยน้อยมาก เรามาเรียนที่ TIAS School of Business and Society, Tilburg University เมือง Tilburg เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ นานๆจะได้เจอคนไทยทีนึง มาอยู่ที่นี่ชอบมาก เพราะได้ฝึกภาษาเต็มที่กับเพื่อนหลายเชื้อชาติ และคนที่นี่ก็อัธยาศัยดี เวลาเจอคนไม่รู้จักในลิฟท์ หรือตามท้องถนน คนที่นี่จะทักทายกัน แรกๆก็ไม่ชิน เพราะที่เมืองไทยถ้าไม่รู้จักกันจะเดินผ่านไปเลย แต่อยู่ๆไป เออ ดีจัง รู้สึกว่าคนดัชต์น่ารัก ไม่มีความรู้สึกถึงการแบ่งแยกเชื้อชาติ เป็นเพื่อนกันได้หมด
- บรรยากาศการเรียนในคลาส interactive มาก ต้องปรับตัวเยอะสำหรับนักเรียนไทย แต่ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เห็นว่าคนอีกซีกโลกนึงเค้าเรียนกันแบบนี้ เค้าถึงพัฒนากันไปไกลโพ้น เราต้องฝึกคิดและแสดงความเห็น ไม่ใช่นั่งฟังอย่างเดียว ยกมืออย่างกล้าหาญ กล้าที่จะแชร์ประสบการณ์ทำงานของเราในคลาส การเรียน MBA นั้น เน้นเรื่อง discussion ในห้องเรียนมาก ดังนั้นเราจะไม่สามารถนั่งเงียบๆได้ ความจริงแล้ว ทุกคนที่มาจากเอเชียจะติดปัญหาเรื่องภาษาไม่แข็งแรง ไม่ค่อยกล้ายกมือตอบ แต่เชื่อเถอะว่า ทุกอย่างจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราพัฒนาตัวเองได้ไวติดจรวด แค่เราพยายามฝึกฝนไปเรื่อยๆ คุยกับเพื่อนเยอะๆ ก็จะเคยชินกับภาษาอังกฤษไปเอง
- เมืองจักรยานที่เค้าร่ำลือกัน มันคือดี!!! ไปไหนมาไหนสะดวกมาก ขี่จักรยานไปได้ทุกที่ 5-10 นาทีถึง ได้สัมผัสธรรมชาติ อากาศดีๆที่มีในเวลาเช้า…ทุกวัน คนที่ใช้รถที่นี่มีมารยาท ทำตามกฎจราจร ให้จักรยานกับคนข้ามถนนไปก่อนเสมอ (ในแยกที่ไม่มีไฟข้าม) แต่โดยส่วนใหญ่ 90% จะมีสัญญานไฟข้ามให้คนและจักรยาน
- ค่าครองชีพถูกกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป เช่น อังกฤษ ที่นี่ไม่ค่อยมีที่ให้เที่ยว 6 โมงเย็นทุกร้านปิดหมด ไม่มีที่ให้กินหรือช็อปปิ้ง เป็นการบังคับกลายๆว่าต้องทำอาหารกินเอง โดยทั่วไปจะมี open market หรือตลาดที่ขายผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ทุกวัน แต่วันเสาร์จะมีตลาดใหญ่ ที่คนไปกันเยอะมาก ของที่นี่ถูก ผัก ผลไม้บางอย่างถูกกว่าไทยด้วยซ้ำ สิ่งที่แพงก็คือค่าที่พักอยูราวๆ 400-600 ยูโร หรือประมาณ 16,000-24,000 บาท ค่ารถ ค่าน้ำมันไม่ต้องเสีย เพราะขี่จักรยาน ^_____^
- โอกาสในการท่องเที่ยว ทั้งในเนเธอร์แลนด์และประเทศในทวีปยุโรป ถ้าใครชอบแนวอาร์ตๆ ขอบอกว่าต้องมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ แล้วจะไม่ผิดหวัง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองอื่นๆได้ ด้วยราคา 200-300 บาทไป-กลับ ถูกมากกกกกจริงๆ ถ้าหยุดยาวๆหน่อยก็ไปเที่ยวต่างประเทศได้ เช่น เยอรมัน เบลเยี่ยม สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส โปรตุเกส ค่าเครื่องบินอยู่ที่ประมาณ 1,500-3,000 บาท ค่ารถไฟก็จะถูกลงมาอีก แต่อาจใช้เวลามากหน่อย
ถ้าใครอยากลองเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะแตกต่าง ก็ลองมองประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง😉
*ติดตามบทความอื่นๆได้ที่
https://kwangsblog.wordpress.com/
Why Netherlands? Dare to make a difference :)
ก่อนตัดสินใจมาเนเธอร์แลนด์ เราก็เหมือนคนทั่วไปที่อยากไปเรียน MBA ที่อเมริกา แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆในชีวิตๆนึงที่เกิดมา มากกว่าการไปเรียน อยากไปใช้ชีวิตในที่ๆคนไทยไม่ค่อยไปกัน อยากท้าทายตัวเอง อยากเที่ยวเยอะๆ มีเพื่อนต่างชาติเยอะๆ และมีความเชื่อว่า “High Risk High Return” แล้วพอได้มาอยู่จริงๆ ก็พบว่า..
- คนไทยน้อยมาก เรามาเรียนที่ TIAS School of Business and Society, Tilburg University เมือง Tilburg เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ นานๆจะได้เจอคนไทยทีนึง มาอยู่ที่นี่ชอบมาก เพราะได้ฝึกภาษาเต็มที่กับเพื่อนหลายเชื้อชาติ และคนที่นี่ก็อัธยาศัยดี เวลาเจอคนไม่รู้จักในลิฟท์ หรือตามท้องถนน คนที่นี่จะทักทายกัน แรกๆก็ไม่ชิน เพราะที่เมืองไทยถ้าไม่รู้จักกันจะเดินผ่านไปเลย แต่อยู่ๆไป เออ ดีจัง รู้สึกว่าคนดัชต์น่ารัก ไม่มีความรู้สึกถึงการแบ่งแยกเชื้อชาติ เป็นเพื่อนกันได้หมด
- บรรยากาศการเรียนในคลาส interactive มาก ต้องปรับตัวเยอะสำหรับนักเรียนไทย แต่ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เห็นว่าคนอีกซีกโลกนึงเค้าเรียนกันแบบนี้ เค้าถึงพัฒนากันไปไกลโพ้น เราต้องฝึกคิดและแสดงความเห็น ไม่ใช่นั่งฟังอย่างเดียว ยกมืออย่างกล้าหาญ กล้าที่จะแชร์ประสบการณ์ทำงานของเราในคลาส การเรียน MBA นั้น เน้นเรื่อง discussion ในห้องเรียนมาก ดังนั้นเราจะไม่สามารถนั่งเงียบๆได้ ความจริงแล้ว ทุกคนที่มาจากเอเชียจะติดปัญหาเรื่องภาษาไม่แข็งแรง ไม่ค่อยกล้ายกมือตอบ แต่เชื่อเถอะว่า ทุกอย่างจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราพัฒนาตัวเองได้ไวติดจรวด แค่เราพยายามฝึกฝนไปเรื่อยๆ คุยกับเพื่อนเยอะๆ ก็จะเคยชินกับภาษาอังกฤษไปเอง
- เมืองจักรยานที่เค้าร่ำลือกัน มันคือดี!!! ไปไหนมาไหนสะดวกมาก ขี่จักรยานไปได้ทุกที่ 5-10 นาทีถึง ได้สัมผัสธรรมชาติ อากาศดีๆที่มีในเวลาเช้า…ทุกวัน คนที่ใช้รถที่นี่มีมารยาท ทำตามกฎจราจร ให้จักรยานกับคนข้ามถนนไปก่อนเสมอ (ในแยกที่ไม่มีไฟข้าม) แต่โดยส่วนใหญ่ 90% จะมีสัญญานไฟข้ามให้คนและจักรยาน
- ค่าครองชีพถูกกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป เช่น อังกฤษ ที่นี่ไม่ค่อยมีที่ให้เที่ยว 6 โมงเย็นทุกร้านปิดหมด ไม่มีที่ให้กินหรือช็อปปิ้ง เป็นการบังคับกลายๆว่าต้องทำอาหารกินเอง โดยทั่วไปจะมี open market หรือตลาดที่ขายผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ทุกวัน แต่วันเสาร์จะมีตลาดใหญ่ ที่คนไปกันเยอะมาก ของที่นี่ถูก ผัก ผลไม้บางอย่างถูกกว่าไทยด้วยซ้ำ สิ่งที่แพงก็คือค่าที่พักอยูราวๆ 400-600 ยูโร หรือประมาณ 16,000-24,000 บาท ค่ารถ ค่าน้ำมันไม่ต้องเสีย เพราะขี่จักรยาน ^_____^
- โอกาสในการท่องเที่ยว ทั้งในเนเธอร์แลนด์และประเทศในทวีปยุโรป ถ้าใครชอบแนวอาร์ตๆ ขอบอกว่าต้องมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ แล้วจะไม่ผิดหวัง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองอื่นๆได้ ด้วยราคา 200-300 บาทไป-กลับ ถูกมากกกกกจริงๆ ถ้าหยุดยาวๆหน่อยก็ไปเที่ยวต่างประเทศได้ เช่น เยอรมัน เบลเยี่ยม สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส โปรตุเกส ค่าเครื่องบินอยู่ที่ประมาณ 1,500-3,000 บาท ค่ารถไฟก็จะถูกลงมาอีก แต่อาจใช้เวลามากหน่อย
ถ้าใครอยากลองเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะแตกต่าง ก็ลองมองประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง😉
*ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://kwangsblog.wordpress.com/