[CR] [Mr. Coffee รีวิว 10/2559] พรจากฟ้า (ไม่สปอยล์) : เพลงจากฟ้า ดนตรีติดดิน

พรจากฟ้า - ยามเย็น : รสไม่จัดจ้าน แต่แสนโรแมนติก Still on my mind : เข้มข้นถึงอารมณ์ดราม่า พรปีใหม่ : บ้าบอดีแท้ บันเทิงขั้นสุด



สวัสดีครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "พรจากฟ้า" ในรอบ Sneak ที่เปิดให้ดูกันได้ตั้งแต่ 17:00 น. เป็นต้นไป ในราคา 99 บาทต่อที่นั่ง

       "พรจากฟ้า" เป็น project หนังสั้น 3 เรื่อง ที่มีที่มาจากการการต้องการนำเสนอเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในรูปแบบของภาพยนตร์ และเป็น Project ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยมาก่อนเหตุการณ์อันแสนเศร้าของปวงชนชาวไทยในวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา จึงเป็นที่แน่นอนว่าทาง GDH559 มิได้เร่งสร้างหนังเรื่องนี้เพื่อโหนกระแสแต่อย่างใด โดย project นี้เป็นการทำงานร่วมกันของ 4 ผู้กำกับ โดยตอน "ยามเย็น" กำกับโดย หมู - ชยนพ บุญประกอบ และ ปิง - เกรียงไกร วชิรธรรมพร  นำแสดงโดย วี - วิโอเล็ต วอเทียร์ , นาย - ณภัทร เสียงสมบุญ ตอน Still on My Mind กำกับโดย ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, มิว - นิษฐา จิรยั่งยืน และ "พรปีใหม่" กำกับโดย เก้ง - จิระ มะลิกุล นำแสดงโดย เต๋อ -ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, หนูนา - หนึ่งธิดา โสภณ

       จากหนังตัวอย่าง ก็ทำออกมาได้น่าดู แต่ดูค่อนข้างจะซ้ำซ้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาแห่งความเศร้าเสียใจ ที่เราทุกคนสามารถได้ยินเพลงพระราชนิพนธ์อย่างหลากหลายและทั่วถึง ไม่ว่าจะไปที่ไหน หรือจากสื่อใดๆ เลยทำให้รู้สึกความ "พิเศษ" กับหนังเรืองนี้ในด้านการนำเพลงพระราชนิพนธ์ ถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดาย

"ยามเย็น"

       ช่วงแรกของตอนนี้ เป็นส่วนที่ดู "ธรรมดา" ไปนิด เมื่อเทียบกับมาตรฐานความเป็นหนัง เพราะดูเหมือนซีรีส์วัยรุ่น หนุ่มสาวจีบกัน การดำเนินเรื่องที่ปักหมุดด้านเวลาในอดีตนั้นทำได้ดี แม้แต่รุ่นของมือถือที่ใช้เป็นหลักให้หัวข้อการสนทนาและการจีบกัน ก็เลือกมาได้อย่างเหมาะสม เพราะผมสงสัยว่าทำไมเครื่องมันเล็กๆ แสดงถึงความละเอียดในการถ่ายทำได้เป็นอย่างดี
       
       ช่วงกลาง หนังเริ่มแสดงงานภาพที่สวยงาม โรแมนติก เมื่อนำมาประกอบกับการแสดงดูเข้าตาและเข้ากันของวีกับนาย ทำให้ส่วนนี้ดูเริ่มเป็นหนังมากขึ้น โรแมนติกมากขึ้น และเมื่อเข้าสู่ช่วงที่เริ่มมีเพลง "ยามเย็น" เข้ามา ผมชอบการนำเสนอเพลงนี้ในรูปแบบที่สื่อไปถึงความรัก ซึ่งเนื้อเพลงก็เข้ากันกับจังหวะที่เลือกมาใช้ได้อย่างลงตัว ถึงตรงนี้หนังตอนนี้เริ่มดูเข้าท่าขึ้นมาแล้วครับ

       ช่วงท้าย ผมชอบความโรแมนติก มันแตกต่างไปจากตอนต้นที่ทั้ง 2 คนดูเป็นวัยรุ่นทั่วไป ช่วงท้ายนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน เมื่อเพลง "ยามเย็น" ถูกขับร้องอีกครั้ง ช่างสดใสและโรแมนติกเสียเหลือเกิน จนอดเอาใจช่วยทั้งสองคนไม่ได้เลย

       "ยามเย็น" สำหรับผมนั้น การแสดงของวีและนาย ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ก็เข้ากันได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ผมแปลกใจที่มารู้ภายหลังว่า หมู - ชยนพ เป็นผู้กำกับร่วม เพราะผมคาดหวังความหวือหวาเป็นการ์ตูน จากหมูมากกว่าที่ได้เห็น แต่เมื่อมีปิง - เกรียงไกร เข้ามากำกับร่วม ก็มาอยู่ในระดับที่พอดีๆ เป็นตอนเปิดที่น่าพอใจ ถึงแม้ในช่วงแรกจะดูขาดพลังดึงดูดไปสักหน่อย

Still on My Mind

       ช่วงแรกของ Still on My Mind เล่นกันหนักหนาอยู่พอควรครับ รู้เลยว่าตอนนี้ดราม่ากันเต็มๆแน่นอน ซึ่งเรารับรู้ความ "หนัก" ได้ทันทีตั้งแต่ช่วงแรกเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราพูดถึงโรคอัลไซเมอร์ ก็เป็นที่รับรู้กันอยู่ว่า หนักหนาไม่ธรรมดา และการแสดงของมิวนั้น จัดดราม่ามาเต็มๆเช่นการ ฉากคุยที่รถ เราสามารถเห็นอารมณ์ที่หลากหลายปะปนกันอยู่ภายในสีหน้าที่มิวแสดงออกมาได้อย่างดี เยี่ยมครับ

       ช่วงกลาง เมื่อมีซันนี่เข้ามาในเรื่อง ตอนเปิดตัวผมแอบนึกถึง จิม แครี่ ใน The Cable Guy ขึ้นมาเลยครับ แต่ก็มั่นใจว่า คงจะไม่ทำตัววายป่วงเหมือนเรื่องนั้นเป็นแน่ ผมชอบการเดินเรื่องจากเสียงเพลง ที่เหมือนเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา จากความพยายามของทั้งสองคน

       ช่วงท้าย เข้มข้นดีครับ การลากอารมณ์คนดูขึ้นลง ที่จากอบอุ่น ไปเศร้า แล้วกลับไปอบอุ่นอีกครั้ง ทำได้อย่างลงตัว ด้วยเสียงเพลง Still on My Mind ซึ่งแม้จะเล่นกันเป็นวงเล็กๆแค่สองคน แต่กลับอบอุ่นเหลือประมาณ เป็นบทสรุปที่ผมประทับใจครับ

       Still on My Mind นั้น มีการแสดงที่ดีของ มิว และ พ่อของฟา ที่แสดงได้ดีเหลือเกิน เป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนซันนี่ บทบาทค่อนข้างน้อยไปนิด หนังตอนนี้ทำส่วนดราม่าได้ดีมากจริงๆครับ ไม่น่าแปลกใจที่เป็นผลงานการกำกับของ ต้น - นิธิวัฒน์ ที่เชื่อมือด้านนี้ได้เลย เป็นตอนที่น่าจะเรียกน้ำตาของคนดูมาได้อย่างไม่ยากนัก

"พรปีใหม่"

       ช่วงแรก ตั้งแต่เปิดตอนมาก็เล่นเอาผมปรับอารมณ์แทบไม่ทัน เพราะดูเหมือนหนังจะออกตัวแรงในด้านความฮาและตลก ซึ่งเปลี่ยนโทนไปจากสองตอนก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด และก็ดูว่าจะมีความเป็นการ์ตูน ล้นๆ เวอร์ๆ และใกล้คำว่า "เพี้ยน" เข้าไปทุกที แต่มันสนุกครับ เราได้ลุ้นกับความประหลาดที่พุ่งเข้ามาอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว

        ช่วงกลาง ทำให้หนังช่วงแรกดูธรรมดาไปเลยครับ เมื่อหนังพาเข้าสู่ การเล่นดนตรีแบบจริงจังกลาง Office ที่ผมมองว่ามันแปลกสุดประมาณ ยอมรับว่ามันค่อนข้างจะดู "เหลือเชื่อ" ว่าจะมี office ที่ไหนเป็นกันแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ ความบ้าบอมันสนุกดี หรือที่จริงอาจจะมี office แบบนี้อยู่ก็ได้?? ส่วนตอนนี้อาจจะแปลกที่มีการเล่นเพลงอื่นที่ไม่ใช่เพลงพระราชนิพนธ์เข้ามาด้วย ซึ่งดูเป็นความจริงดีเหมือนกัน

        ช่วงท้าย หนังลากเราเข้าไปสู่ความเกินจริงขั้นสุด แต่น่าประทับใจกับเพลง "พรปีใหม่" ที่เชื่อว่าใครได้ฟังจริงๆ ก็จะรู้สึกถึงความสุขของการเล่นดนตรี และเราก็จะเข้าถึงคำกล่าวที่ว่า "ดนตรีไม่แบ่งชนชั้น" จากการรวมตัวของพนักงานที่หลากหลายกลุ่มเสียเหลือเกิน ผมชอบช่วงจบของตอนนี้ครับ

         "พรปีใหม่" เป็นตอนที่ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองตอนเห็นชื่อผู้กำกับ ว่าจะเป็นหนังของพี่เก้ง - จิระ ผมชอบความไปสุดทางของหนังในตอนนี้ และผมชอบมากที่พี่เก้งใ่สมุกล้อเลียนหนังเรื่องอื่นๆ ผมเห็นหลายเรื่องมากครับ ไม่ว่าจะหนังไทยหนังเทศ ตรงนี้เพิ่มความเจ๋งให้กับหนังตอนนี้ได้อีกเยอะเลย เอาจริงๆ ผมชอบหนังตอนนี้มากที่สุด เพราะความกล้า บ้า เพี้ยน นี่แหละครับ  
       
ภาพรวม

        การแสดงของนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบ ทำได้ตามมาตรฐานของหนังค่ายนี้อยู่แล้ว ไม่ได้เด่นและเหนือกว่าหนังค่ายนี้เรื่องอื่นๆที่เคยผ่านมา การแสดงที่เทพๆ จะมีแค่ของ มิว ที่บทนั้นเข้าทางที่สุด ซึ่งมิวก็ทำได้ดีจริงๆ  ดูเหมือนจะเข้าทางกว่าบทใน แฟนเดย์ ด้วย ส่วน เต๋อ และหนูนา หลายครั้งผมก็ยังอดคิดหวนไปถึง กวนมึนโฮ ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เอื้อให้ทั้งสองได้ "เค้น" การแสดงสักเท่าใดนัก

         สิ่งที่กลับดูด้อยลงไปในหนังเรื่องนี้ เห็นจะเป็นเรื่องของความรักระหว่างตัวละคร อาจเป็นด้วยเวลา ทำให้ความผูกพันธ์ที่หนังพยายามสร้างขึ้น มันไม่มชทำให้ผมเชื่อได้ จะมีแค่ วีกับนาย ที่ผมพอจะเชื่ออยู่บ้าง ของมิวกันซันนี่ ก็ยังพอเห็นอยู่จากการสื่อสารที่ทั้งสองแสดงออกมา แต่กับหนูนาและเต๋อ ผมว่าทั้งสองคนยังอยู่ในขั้น "เพื่อนสนิท" เท่านั้น อีกส่วนที่เห็นแล้วดูแล้วขาดความเป็นธรรมชาติไป คงจะเป็นคำพูดของตัวละคร ที่ใช้เป็นคำคมเกินกว่าบทสนทนาทั่วไปของคนปกติ แต่แน่ล่ะ ถ้าหนังมีเวลาแค่นี้ จะให้พูดกันปกติทั่วไป หนังก็คงต้องมีตอนละ 2 ชั่วโมง..

         หนังเรื่องนี้มีสิ่งที่เจ๋งที่สุด เทพที่สุดของหนังรวมเรื่องสั้นหลายตอนของไทยที่เคยได้ดูมา นั่นคือการเชื่อมโยงเรื่องราวระหว่างทั้ง 3 ตอน ที่ต่อเนื่องกันได้เป็นอย่างดี ในทุกตอน จะมีอีกตอนปนอยู่ นี่คือตัวอย่างหนังรวมเรื่องสั้นที่คนทำหนังไทยควรศึกษาด้านความเชื่อมโยงระหว่างเรื่อง หากหนังรวมเรื่องสั้นทุกเรื่องทำได้แบบหนังเรื่องนี้ ตัวหนังจะมีความกลมกลืนเป็นเรื่องเดียวกัน และสร้างความประทับใจได้ดีกว่าอย่างแน่นอน

         ส่วนในด้านเพลงพระราชนิพนธ์ ทั้ง 3 เพลงในหนังน่าประทับใจเมื่ออยู่ในหนัง เพลงสื่อสารความรู้สึกและอารมณ์ของตัวหนังออกมาได้ดี หากลองเอาเพลงออกไป หนังสั้น 3 เรื่องนี้ คงขาดพลังไปเยอะเลยทีเดียว อย่าให้ความคุ้นชินกับเพลงพระราชนิพนธ์ มาเป็นกรอบกั้นความคิดว่า ก็คงเหมือนสิ่งอื่นๆ สื่ออื่นๆ ที่ได้เห็นมามากมายในช่วงที่ผ่านมา ผมยืนยันว่า ความรู้สึกแตกต่างครับ

        เหนือสิ่งอื่นใดในความเห็นส่วนตัวของผม หนังเรื่องนี้ไม่มีความเป็นหนังเฉลิมพระเกียรติ (หรือที่บางคนเรียกว่า "โหน") เพราะหนังแค่นำเพลงมาใช้ แม้แต่คำว่า "เพลงพระราชนิพนธ์" ถ้าผมจำไม่ผิด ผมไม่ได้ยินเลยในหนัง ซึ่งชัดเจนถึงความเป็นหนังที่เป็นสากลจริงๆ ตรงนี้อยากให้มองถึงเจตนาของหนัง ที่ต้องการนำเพลงพระราชนิพนธ์อันไพเราะ นำเสนอสู่ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยไม่แบ่งชนชั้น ชาติ ภาษา ปล่อยให้ Melody ของดนตรี ที่มีความเป็นสากล ส่งไปสู่ผู้ชม ก็เท่านั้นเองครับ

      สรุป - หนังรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้ มีความเป็นหนังอย่างแท้จริง ที่ทั้งสนุกสนาน โรแมนติก ดราม่า มีการแสดงที่ดี และมีเพลงเพราะๆ ให้ได้รับฟังกัน  ได้มาตรฐานหนังของค่าย GDH559 (และ GTH) ทุกประการ รวมถึงการที่หนังตั้งราคาของตั๋วไว้เพียง 99 บาท รายได้ส่วนหนึ่ง สมทบมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อเป็นพระราชกุศล ก็ยิ่งคุ้มค่า ต้องขอบคุณทาง GDH559 และโรงหนังทุกค่าย ที่มีส่วนร่วมมือกันในครั้งนี้ด้วย และหนังเรื่องนี้ น่าจะทำให้ทุกคนที่ได้ดู อยากจะเล่นดนตรีขึ้นมากับเขาบ้างเหมือนกัน ก็ ดนตรี เป็นความสุขสากล ที่เราทุกคนเข้าถึงได้ เหมือนดังเช่นเพลง "พรปีใหม่" ที่เราทุกคนร้องกันอย่างมีความสุขในช่วงปีใหม่ของทุกปีที่ผ่านมานั่นแหล่ะครับ

ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังสูง / เป็นตามที่หวังไว้

เกรดหนัง – คุ้มค่าน่าดู

คะแนนเฉลี่ย  8/10 (ยามเย็น 2 Still on My Mind 2.4 พรปีใหม่ 2.6 ความเชื่อมโยง 1 = 8 จากคะแนนเต็ม 3 + 3 + 3 +1 =10)

****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
ชื่อสินค้า:   พรจากฟ้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่