- - - เล่าความเห็น ... กับภาพยนตร์เรื่อง "พรจากฟ้า" - - -



คงไม่เรียกว่าเป็นการวิจารณ์ภาพยนตร์ ... แต่เป็นการพูดถึงภาพยนตร์ จากมุมมองส่วนบุคคล ส่วนตัว (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล)
...
ส่วนแรก ขอพูดถึงเรื่องบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์
...
ภาพยนตร์เริ่มต้นจากการกำกับของ ผกก. สามชุด กับสามเรื่องภาพยนตร์ เปิดตัวด้วยแนวเรื่องกุ๊กกิ๊ก กับชื่อตอนว่า "ของขวัญแทนความรัก" ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ประกอบ คือ เพลง ยามเย็น Love at Sundown ... ซึ่งต้องบอกเหมือนเดิมว่า เพลงพระราชนิพนธ์ ทันสมัยเสมอ ... และสามารถนำไปบรรเลง เรียงร้อยในรูปแบบใดก็ยังคงได้อารมณ์และความรู้สึกของเพลงพระราชนิพนธ์เช่นที่เคยเป็น... บทเพลงยามเย็นถูกนำมาทำในรูปแบบ Acapella โดยใช้เสียงร้องนำของ วี วิโอเล็ต ที่นำแสดงในตอนนี้ ... ในฐานะที่ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ ต้องบอกว่า เวอร์ชั่นยามเย็นแบบเต็มเพลงและเล่นทั้งสองเวอร์ชั่นคือไทยและอังกฤษ ที่ปูลาดไปบนบทหนังและภาพหนัง ทำได้ลงตัวและสมบูรณ์แบบมาก ๆ (ความเห็นส่วนบุคคล) ถือเป็นเพลงที่(ผม)ชอบมากที่สุดของสามบทเพลงจากสามตอน ... น่าเสียดายถ้าหากทาง GDH จะไม่ทำออกมาเป็นซีดีเพลงประกอบภาพยนตร์ .... ขอส่งเสียงร้อง วิงวอน อ้อนขอ จงทำ จงทำ จงทำ
...
ตอนที่สอง "ของขวัญแทนความทรงจำ" ใช้บทเพลง Still on My Mind หรือเพลง ในดวงใจนิรันดร์ มาบรรเลงในรูปแบบเปียโน ผสมผสานไปกับการตีคอร์ดกีตาร์ประกอบ ... อารมณ์ดนตรีเมื่อลงบนภาพหนังแล้ว ยังไม่ถือว่าดึงความรู้สึกออกมาได้มากนัก (หากไม่ได้พลังการแสดงของ มิว นิษฐา มาช่วย ตัวเพลงดูไม่เข้มแข็งเท่าไรนัก) รูปแบบการบรรเลง การเรียบเรียง ไม่ค่อยแตกต่างจากเวอร์ชั่นเปียโนที่มีทำออกมาหลายรูปแบบแล้ว แต่ถ้าหากฟังดี ๆ ปล่อยให้อารมณ์ไปตามภาพหนัง ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง
...
ตอนที่สาม "ของขวัญแทนความสุข" มีหลากหลายเพลงประกอบในตอนนี้ แต่บทเพลงพระราชนิพนธ์ที่นำมาใช้คือ "พรปีใหม่ - New Year Greeting" ใช้รูปแบบบรรเลงผสมผสานหลากหลายเครื่องดนตรี ทั้งเครื่องเป่า เพอร์คัชชั่น และมีแอบแถมเครื่องดนตรีไทยบางส่วน (ในตัวหนัง เสียงมิกซ์มาดูผสม ๆ เลยไม่แยกชัดเท่าไรนักกับเครื่องดนตรีบางชิ้น ... ถ้าหากไม่เห็นภาพว่าเล่นอะไรประกอบเข้ามา) อารมณ์ดนตรี สนุกสนาน เหมาะสมกับความเป็นเทศกาลและการเฉลิมฉลองไปสู่ความมุ่งหมายหรือเป้าหมาย ที่หลาย ๆ คนมักเลือกเอาวันปีใหม่เป็นจุดเริ่มต้น ... ซึ่งเป็นการตบบทให้ลงตัวกับชื่อภาพยนตร์ "พรจากฟ้า" เพราะเพลง "พรปีใหม่" เหมือนดั่งคำอำนวยอวยพรจากฟากฟ้าที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เสด็จสู่สวรรค์ได้ประทาน(พระราชทาน)ลงมาให้หมู่มวลชาวไทย
...
ส่วนพูดคุยเรื่องหนัง
ถือว่าเป็นการร้อยเรียงเรื่องสั้นสามเรื่องให้เข้าประกอบเป็นเรื่องยาวหนึ่งเรื่องได้ค่อนข้างลงตัวและถูกใจ (ความคิดเห็นส่วนบุคคล) มีการวางตัวละครเพื่อนำไปสู่บทบาทในตอนต่อไปได้อย่างไม่สะดุดและติดขัด หนังสร้างแนวเรื่องเพื่อปูทางอารมณ์คนดู โดยเริ่มด้วยการให้ออเดิฟเบา ๆ แบบกรุ้มกริ่ม กินยังไม่อิ่ม แต่หวาน ๆ เพลิน ๆ ก่อนจะกระชากความรู้สึกให้ตกลงด้วยหนังตอนสอง ที่สะกดให้อารมณ์อึดอัดไปในช่วงห้าถึงสิบนาทีของภาพยนตร์ตอนสอง หากใครมีปมมีเรื่องราวที่เคยประสบพบเจอในการดูแลบุพการีเมื่อยามป่วย ตอนนี้ถือเป็นตอนที่ตีต่อมน้ำตาได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายความสามารถในการสร้างอารมณ์เศร้าน้ำตาไหลโดย มิว นิษฐา ที่ปล่อยเต็ม จัดหนักในส่วนที่สองนี้ หนังเริ่มคลายอารมณ์ลงไปเพื่อเตรียมดึงเข้าสู่ตอนที่สาม ด้วยการใช้ซันนี่ เข้ามาช่วยประคองเรื่อง ไม่เช่นนั้น หนังจะอึดอัดมาก ... เมื่อเข้าสู่ตอนสามก้เป็นการปล่อยให้อารมณ์คนดูได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ พร้อมกับการปลุกเร้าให้เกิดแรงจูงใจและสร้างพลังในการทำตามฝัน ทำตามสิ่งที่ชอบ เรื่องที่ชอบ ที่ควรชอบที่ควรจะทำ ตอนสามอาจจะออกแนวแฟนตาซีเฮฮาตามรูปแบบของหนังเต๋อ ฉันทวิชช์ กับ หนูนา หนึ่งธิดา (แต่ไม่ได้แสดงซีนอารมณ์หรือดึงพลังออกมามากเหมือนอย่างกวน มึน โฮ ที่สองคนนี้แสดงร่วมกัน) แนวอารมณ์อาจจะออกดูเรื่อย ๆ เหมือนดูภาพการใช้ชีวิตปกติของดาราทั้งสองคน อาจจะดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ด้วยความที่เป็นสไตล์ตลกแฟนตาซี เพื่อให้เรื่องดำเนินไปได้ ... การปิดตอนสามด้วยอารมณ์หนังแบบนี้ถือว่าทำให้ภาพรวมของหนังทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นอาหารครบรสที่อิ่มได้ภายในเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงครึ่ง หากไม่มีตอนสามมาดึงภาวะความรู้สึกคนดูให้กลับคืนมา หนังเรื่องนี้(แบบที่มีแค่สองตอน) จะถือว่าทำร้ายคนดูอย่างมาก แต่เมื่อประกอบครบทั้งสามเรื่องสามร่าง ... ใครว่าง ก็แนะนำให้ไปดูครับ เสพเพลงได้อย่างไพเราะ สบายอารมณ์ และที่สำคัญ ... เพลงพระราชนิพนธ์ ที่คุณจะได้รู้จักและเข้าถึงได้ ....
....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่