ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในอังกฤษที่อยู่เหนือลอนดอนไปราว80ไมล์ เป็นหมู่บ้านที่รัฐบาลอังกฤษปกปิดให้เป็นสถานที่ลับสุดยอดระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 พื้นในหมู่บ้านถูกใช้ให้เป็นสถานที่ถอด/เจาะรหัสลับของกองทัพนาซีบนเนินเขาเล็กๆ ที่ชื่อ Bletchley Park ซึ่งมีบทบาทสูงมากกับการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีและชัยชนะของอังกฤษที่มีต่อกองทัพเยอรมัน รหัสข้อมูลที่กองทัพนาซีมั่นใจว่ายากมากที่จะถูกถอดรหัสได้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะของ อลัน ทิวริ่ง นักคณิตศาสตร์เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยเครมบริดจ์ที่สร้างเครื่องถอดรหัสและความอุตสาหะเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนที่หมู่บ้าน Bletchley รหัสลับของนาซีถูกถอดเป็นข้อมูลส่งป้อนให้กับกองทัพพันธมิตรและยัดเยียดความพ่ายให้แก่กองทัพนาซีในที่สุด หลังสงครามสิ้นสุดลง พนักงานทุกคนทิ้งอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ กลับไปใช้ชีวิตตามปรกติ หลังจากที่ต้องปกปิดสถานะตัวเองมาหลายปี แม้แต่ลูก เมีย เพื่อนและญาติพี่น้องก็แพร่งพรายไม่ให้ทราบ
คนที่ควรจะยืนเคียงข้างวินสตัน เชอร์ชิล ในฐานะวีรบุรุษสงครามคือ อลัน ทิวริ่ง นักคณิตศาสตร์เกียรตินิยมจากอังกฤษ(ซึ่งต่อมาถูกยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งคอมพิวเตอร์”) ผู้ที่ทุ่มเทกับงานถอดรหัสครั้งนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับหลังจากนั้นเมื่อเขาถูกค้นพบว่าเป็นชายรักร่วมเพศ รัฐบาลอังกฤษมีทางเลือกให้เขาสองทางคือติดคุก หรือไม่ก็ฉีดยาบำบัดคลายความกำหนัดที่มีต่อเพศเดียวกัน เขาเลือกทางสุดท้ายคือบำบัด ต่อมาอีกไม่นาน......เขาจบชีวิตลงด้วยยาพิษไซดยาไนด์ บ้างก็ว่าเขาฆ่าตัวตาย บ้างก็ย่าเขาตายอย่างปริศนา? กลายเป็นบุคคลที่โลกลืม....
เมื่อสิบปีที่ผ่านมา....รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศขอโทษ อลัน ทิวริ่ง ต่อการที่รัฐบาลปฏิบัติกับเขาไม่ถูกต้อง(ในกรณีที่เขาเป็นเกย์)....การขอโทษแม้ดูจะเปล่าประโยชน์และสายไปเสียแล้ว แต่อย่างน้อยๆ...ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย ผมเคยอ่านประวัติเกี่ยวกับสงครามโลกมาบ้าง รู้สึกทึ่งกับประเทศอังกฤษที่ต่อสู้กับกองทัพนาซี พอจะทราบว่ากุญแจสำคัญกับชัยชนะอีกดอกหนึ่งคือการถอดรหัสลับ รู้ตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสมาเห็นหมู่บ้านที่ถูกใช้เป็นสถานที่ลับถอดรหัส และรู้สึกดีใจที่ผมเคยมีโอกาสทำงานในโรงเรียนมัธยมกินนอนที่ Alan เคยเรียนมาก่อน (ติดเชื้อฉลาดมาสักปลายนิ้วก้อยก็คงจะดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ย้อนกลับมาดูที่เมืองไทย กรณีพระยาพิชัยดาบหักที่ต่อสู้กับพม่าจนดาบหักที่เคยถูกยกให้เป็นไอดอลแห่งการรักชาติ ชีวิตบั้นปลายก็หักมุมไม่แพ้กัน....สรุป ท้ายที่สุดชีวิตมันบ่มีอะไรแน่ดอกนาย.....
อาคารเก่าที่ใช้เป็นสถานที่ถอดรหัส
พนักงานที่นั่นเป็นชาวอังกฤษ(เพื่อป้องกันสายลับจากชาติอื่นปลอมตัวมาเป็นไส้ศึก) และรหัสที่ถูกถอดจะมีการเช็คกับอีกหลายภาษาเช่น รัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส ไม่เว้นแม้กระทั่งภาษาจีนและญี่ปุ่น โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่นและจีน เจ้าหน้าที่ต้องเรียนภาษาแบบเหล่านั้นแบบเร่งรัดด้วยตัวเอง นับว่าเป็นความอุตสาหะที่น่าทึ่งทีเดียว
...วีรบุรุษกู้ชาติ กับสิ่งตอบแทนที่ชาติให้ บางทีมันก็เจ็บปวด...
คนที่ควรจะยืนเคียงข้างวินสตัน เชอร์ชิล ในฐานะวีรบุรุษสงครามคือ อลัน ทิวริ่ง นักคณิตศาสตร์เกียรตินิยมจากอังกฤษ(ซึ่งต่อมาถูกยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งคอมพิวเตอร์”) ผู้ที่ทุ่มเทกับงานถอดรหัสครั้งนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับหลังจากนั้นเมื่อเขาถูกค้นพบว่าเป็นชายรักร่วมเพศ รัฐบาลอังกฤษมีทางเลือกให้เขาสองทางคือติดคุก หรือไม่ก็ฉีดยาบำบัดคลายความกำหนัดที่มีต่อเพศเดียวกัน เขาเลือกทางสุดท้ายคือบำบัด ต่อมาอีกไม่นาน......เขาจบชีวิตลงด้วยยาพิษไซดยาไนด์ บ้างก็ว่าเขาฆ่าตัวตาย บ้างก็ย่าเขาตายอย่างปริศนา? กลายเป็นบุคคลที่โลกลืม....
เมื่อสิบปีที่ผ่านมา....รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศขอโทษ อลัน ทิวริ่ง ต่อการที่รัฐบาลปฏิบัติกับเขาไม่ถูกต้อง(ในกรณีที่เขาเป็นเกย์)....การขอโทษแม้ดูจะเปล่าประโยชน์และสายไปเสียแล้ว แต่อย่างน้อยๆ...ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย ผมเคยอ่านประวัติเกี่ยวกับสงครามโลกมาบ้าง รู้สึกทึ่งกับประเทศอังกฤษที่ต่อสู้กับกองทัพนาซี พอจะทราบว่ากุญแจสำคัญกับชัยชนะอีกดอกหนึ่งคือการถอดรหัสลับ รู้ตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสมาเห็นหมู่บ้านที่ถูกใช้เป็นสถานที่ลับถอดรหัส และรู้สึกดีใจที่ผมเคยมีโอกาสทำงานในโรงเรียนมัธยมกินนอนที่ Alan เคยเรียนมาก่อน (ติดเชื้อฉลาดมาสักปลายนิ้วก้อยก็คงจะดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ย้อนกลับมาดูที่เมืองไทย กรณีพระยาพิชัยดาบหักที่ต่อสู้กับพม่าจนดาบหักที่เคยถูกยกให้เป็นไอดอลแห่งการรักชาติ ชีวิตบั้นปลายก็หักมุมไม่แพ้กัน....สรุป ท้ายที่สุดชีวิตมันบ่มีอะไรแน่ดอกนาย.....
อาคารเก่าที่ใช้เป็นสถานที่ถอดรหัส
พนักงานที่นั่นเป็นชาวอังกฤษ(เพื่อป้องกันสายลับจากชาติอื่นปลอมตัวมาเป็นไส้ศึก) และรหัสที่ถูกถอดจะมีการเช็คกับอีกหลายภาษาเช่น รัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส ไม่เว้นแม้กระทั่งภาษาจีนและญี่ปุ่น โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่นและจีน เจ้าหน้าที่ต้องเรียนภาษาแบบเหล่านั้นแบบเร่งรัดด้วยตัวเอง นับว่าเป็นความอุตสาหะที่น่าทึ่งทีเดียว