ก่อนอื่นบอกก่อนเลยนะครับว่าผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากให้มีการแลกเปลี่ยน และถกกันอย่างผู้มีปัญญา หรือ intellectual discussion ครับ สามารถแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว แชร์ที่มาของวัฒนธรรม หรือความเห็นได้อย่างเสรี แต่อยากให้ทุกคนเปิดใจรับความเห็นต่างของเพื่อนสมาชิกหลายๆคนด้วยนะครับ ถ้าจะเข้ามาด่ากัน เถียงกัน ประชดเหน็บแนมกัน เชิญป้ายหน้าครับ
หัวข้อคือ "คิดอย่างไรกับวัฒนธรรมการรักเดียวใจเดียวในยุคปัจจุบัน"
เริ่มจากผมก่อนเลย
สาเหตุหนึ่งที่ผมมาตั้งกระทู้นี้คือผมเพิ่งจับได้ว่าแฟนที่ผมไว้ใจที่สุด ไม่เคยโกหกผมเลย เค้าโกหกผมเรื่องชู้สาวครับ ไม่ได้ร้ายแรงมากแต่ผมก็ยังไม่ได้ไปคุ้ยกอไผ่ดูว่ามีอะไรในนั้นอีกหรือเปล่า (เค้าขอโทษแล้ว และผมไม่เห็นสาเหตุที่จะไปนั่งคุ้ย แต่คงทำใจไว้ใจเหมือนเดิมลำบาก)
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมเลยมาลองนั่งคิดกับตัวเองดูครับว่าทำไมเราต้องรักเดียวใจเดียว ? มนุษย์เราถูกสร้างมาเพื่อสืบพันธุ์ นอกจากนั้นสารเคมีในสมองที่ทำให้เราหลงใครซักคนแบบโงหัวไม่ขึ้นก็หลั่งออกมาอย่างมากก็ 6 เดือนครับ(ในเคสที่สมหวังนะ) หลังจากนั้นการที่คนเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจริงๆในระยะยาว(1 ปีขึ้นไป) มาจากความเข้ากันของนิสัยใจคอล้วนๆ และถึงแม้จะอยู่ด้วยกันได้เรื่องแต่ sex ก็ไม่ได้มันส์ หรือตื่นเต้น เท่าสมัยคบกันใหม่ๆ แล้วเราจะต้องทนอยู่กับคนๆเดียวทั้งชีวิตไปเพื่ออะไร ?
ยิ่งคิดต่อไปผมก็เลยสงสัยว่าทำไมเราต้องเอาบรรทัดฐานของวัฒนธรรม ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนคิด แถมคิดมาตั้งเป็นร้อยเป็นพันปีแล้วมาใช้ในการดำเนินชีวิตครับ ? ทำไมเราไม่อยู่ด้วยกันแบบ ผมสบายใจที่ได้อยู่กับคุณ ผมก็อยู่กับคุณ แต่เรื่อง sex ผมเบื่อ ผมขอไปมีคนอื่นนะ แต่จะกลับมาหาเหมือนเดิม ถ้ายังไม่เจอคนใหม่ที่ใช่มากกว่า บางคนก็อาจใช้ชีวิต มีเซกส์กับคนไปเรื่อยๆจนเบื่อแล้วค่อยหยุด
ประเด็นคือผมรู้สึกว่าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายๆอย่างบวกกับวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป ทำให้ผมเห็นคนที่ทำแบบที่ผมพูดด้านบนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนอีกหลายคนก็ยังเชื่อว่าการรักเดียวใจเดียวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พอคนสองประเภทนี้มาเจอกันก็จะต้องเกิดปัญหาว่าว่าต้องมีคนเสียใจ แต่เราจะโทษคนที่นอกใจอย่างเดียวสุดท้ายมันใช่รึเปล่า ?ผมสงสัยว่าหรือมันคือวัฒนธรรมที่ขัดกับธรรมชาติของมนุษย์มากกว่ารึเปล่า ที่ทำให้คนต้องเสียใจ ?
เพราะงั้นถ้าให้ผมตอบสั้นๆว่าคิดอย่างไรกับวัฒนธรรมรักเดียวใจเดียวในยุคปัจจุบัน - ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีและสวยงาม แต่เอาไปใช้จริงยากครับ
คิดอย่างไรกับวัฒนธรรมการรักเดียวใจเดียวในสังคมปัจจุบันครับ ?
หัวข้อคือ "คิดอย่างไรกับวัฒนธรรมการรักเดียวใจเดียวในยุคปัจจุบัน"
เริ่มจากผมก่อนเลย
สาเหตุหนึ่งที่ผมมาตั้งกระทู้นี้คือผมเพิ่งจับได้ว่าแฟนที่ผมไว้ใจที่สุด ไม่เคยโกหกผมเลย เค้าโกหกผมเรื่องชู้สาวครับ ไม่ได้ร้ายแรงมากแต่ผมก็ยังไม่ได้ไปคุ้ยกอไผ่ดูว่ามีอะไรในนั้นอีกหรือเปล่า (เค้าขอโทษแล้ว และผมไม่เห็นสาเหตุที่จะไปนั่งคุ้ย แต่คงทำใจไว้ใจเหมือนเดิมลำบาก)
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมเลยมาลองนั่งคิดกับตัวเองดูครับว่าทำไมเราต้องรักเดียวใจเดียว ? มนุษย์เราถูกสร้างมาเพื่อสืบพันธุ์ นอกจากนั้นสารเคมีในสมองที่ทำให้เราหลงใครซักคนแบบโงหัวไม่ขึ้นก็หลั่งออกมาอย่างมากก็ 6 เดือนครับ(ในเคสที่สมหวังนะ) หลังจากนั้นการที่คนเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจริงๆในระยะยาว(1 ปีขึ้นไป) มาจากความเข้ากันของนิสัยใจคอล้วนๆ และถึงแม้จะอยู่ด้วยกันได้เรื่องแต่ sex ก็ไม่ได้มันส์ หรือตื่นเต้น เท่าสมัยคบกันใหม่ๆ แล้วเราจะต้องทนอยู่กับคนๆเดียวทั้งชีวิตไปเพื่ออะไร ?
ยิ่งคิดต่อไปผมก็เลยสงสัยว่าทำไมเราต้องเอาบรรทัดฐานของวัฒนธรรม ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนคิด แถมคิดมาตั้งเป็นร้อยเป็นพันปีแล้วมาใช้ในการดำเนินชีวิตครับ ? ทำไมเราไม่อยู่ด้วยกันแบบ ผมสบายใจที่ได้อยู่กับคุณ ผมก็อยู่กับคุณ แต่เรื่อง sex ผมเบื่อ ผมขอไปมีคนอื่นนะ แต่จะกลับมาหาเหมือนเดิม ถ้ายังไม่เจอคนใหม่ที่ใช่มากกว่า บางคนก็อาจใช้ชีวิต มีเซกส์กับคนไปเรื่อยๆจนเบื่อแล้วค่อยหยุด
ประเด็นคือผมรู้สึกว่าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายๆอย่างบวกกับวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป ทำให้ผมเห็นคนที่ทำแบบที่ผมพูดด้านบนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนอีกหลายคนก็ยังเชื่อว่าการรักเดียวใจเดียวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พอคนสองประเภทนี้มาเจอกันก็จะต้องเกิดปัญหาว่าว่าต้องมีคนเสียใจ แต่เราจะโทษคนที่นอกใจอย่างเดียวสุดท้ายมันใช่รึเปล่า ?ผมสงสัยว่าหรือมันคือวัฒนธรรมที่ขัดกับธรรมชาติของมนุษย์มากกว่ารึเปล่า ที่ทำให้คนต้องเสียใจ ?
เพราะงั้นถ้าให้ผมตอบสั้นๆว่าคิดอย่างไรกับวัฒนธรรมรักเดียวใจเดียวในยุคปัจจุบัน - ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีและสวยงาม แต่เอาไปใช้จริงยากครับ