มาแชร์และมาแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับคนที่เพิ่งเป็น หรือเป็นอยู่ค่ะ จขกท. เพิ่งหายมาได้หลายวันแล้ว ใช้เวลาพักฟื้นหลังจากที่ตุ่มเริ่มตกสะเก็ดไม่ถึงอาทิตย์
จขกท. เริ่มมีตุ่มออกวันที่ 13 พย. ตอนแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีตุ่มขึ้น มีเพียงอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเท่านั้น แฟน จขกท ทักว่าตุ่มอะไร เลยเริ่มสังเกตตัวเอง
วันที่ 14 เริ่มมีตุ่มขึ้นตรงไรผม และตรงริมฝีปาก ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนเดิม ก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่คันอะไร จนตอนบ่าย ตุ่มที่ปากนี่เกิดแตกขึ้นมา แสบค่ะ ถามแม่แฟนดู ว่าใช่อีสุกอีใสมั้ย แม่แฟนก็ไม่รู้ จนตอนเย็น รู้สึกแสบ ๆ ที่แก้ม ปรากฎว่ามีตุ่มออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วแตกด้วยกลับมาห้องกำลังจะอาบน้ำ คุณคะ ขึ้นตรงตัว เกือบสิบที่อ่ะ
คืนนั้นเลยไป รพ เล็ก ๆ เป็น รพ ส่งเสริมสุขภาพ ไม่เจอหมอ เจอแต่บุรุษพยาบาล เค้าก็สอบถามปกติ แล้วบอกว่าจะจ่ายแค่ยาแก้ไข้ให้เท่านั้น คือเรามา รพ เพราะคาดหวังว่าจะได้ยาฆ่าไวรัสอ่ะ แต่เค้าไม่ให้ โดยให้เหตุผลว่า เค้าไม่รู้ว่าที่เราเป็นอยู่ เชื้อมันแรงขนาดไหน ถ้าให้ยาไป อาจเป็นมากกว่าเดิม เราก็เออออกับเค้าไป กลับมาตุ่มยังเท่าเดิม ไม่คัน มีอาการแค่ครั่นเนื้อครั่นตัวแค่นั้น
วันที่ 15 ตุ่มเริ่มเพิ่มขึ้น ตรงที่หน้า ที่แขน ขา ไม่มีเลย แต่ที่หน้านี่มาเต็ม ตรงตัวเพิ่มแค่นิดหน่อย ตรงหลังแทบไม่มี ที่หนักสุดคือ เริ่มออกที่ปาก เริ่มเจ็บคอ เย็นวันนั้นเลยไปอีก รพ ครั้งนี้เป็น รพ ประจำอำเภอ หมอที่ รพ ประจำอำเภอยังงงว่า ทำไม รพ แรกเค้าไม่จ่ายยาฆ่าไวรัสมา ไม่งั้นคงจะไม่เห่อขึ้นขนาดนี้ (ตอนนั้นเริ่มเต็มหน้าแล้วค่ะ ที่อื่นไม่เพิ่ม ดันมาเพิ่มที่หน้ากับที่หัวและปาก หมอจ่ายยาฆ่าไวรัสมาให้ เรานี่ไม่รอให้ถึงเวลา เรากินเลยค่ะ แล้วค่อยเริ่มกินอีกเม็ดตอนเวลากินของยา
จากนั้นก็ไม่ออกไปไหน อาบน้ำเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ล้างหน้าบ่อย กินยาได้ 2-3 ครั้ง ตุ่มหยุดขึ้น ประมาณสามวัน ตุ่มเริ่มแห้ง ตอนที่มันเริ่มแห้งนี่ ปวดมาก ตรงหัวกับหน้านี่โคตรปวด ปวดจนร้องไห้ ไม่คัน แต่ปวดอ่ะ เรากินยาแก้แพ้ก่อนนอน เพราะหลับง่าย มันเครียดมาก ส่องกระจกเห็นตัวอะไรไม่รู้อยู่ในนั้น เวลาจะทำอะไร ต้องค่อย ๆ กลัวตุ่มแตก เครียด นอนไม่หลับ ต้องกินยาให้หลับ ไม่งั้นไม่ได้พักผ่อน แฟนเราก็เครียด ไม่ยอมห่างเราเลย สงสาร เป็นห่วง ต้องให้นางดูตุ่มทุกชั่วโมง นางกลัวตุ่มจะขึ้นอีก บอกให้แยกกันอยู่ นางก็ไม่ยอม เราก็กลัวเค้าติด แต่เค้าก็ดื้อไม่ยอมห่างเราเลย คิดแค่ว่า ถ้าติดก็เป็น ก็แค่นั้น แต่เรารู้ว่ามันเป็นยังไง มันไม่สบายตัวเลย เลยทำได้แค่ ใส่ผ้าปิดจมูกทั้งคู่ แยกที่นอน
อีกสองสามวัน ตุ่มเริ่มแห้ง ที่หน้า เริ่มตกสะเก็ดแล้ว อีกไม่กี่วันสะเก็ดที่หน้าเริ่มหลุด เราก็ใช้สมูทอีใส่ ตรงตัวยังไม่แห้ง แต่ที่หน้าเริ่มหายแล้ว ที่ปากเริ่มหาย เริ่มกินข้าวอร่อยขึ้น 555 ของเรานี่ ปากขึ้นเยอะมาก เหงือกเปื่อยอ่ะคิดดู ในคอยังออกเลย ตอนนี้ที่หน้าสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว เปลี่ยนไปใช้สมูทอีเบบี้เฟสครีม เพราะตัวเดิมใช้แล้วแพ้ หน้าเป้นขุนเลย ตุ่มไม่ลึก มีที่หนักกว่าเพื่อนคือ ตุ่มที่แตก นั่นจะลึกและใหญ่กว่าเพื่อน ตรงตัวสะเก็ดเริ่มหลุดแล้ว หน้าไม่ลายแล้ว แต่ตอนจะหายนี่ มันปวด แคะคันมาก ต้องทานยาแก้แพ้ แก้ปวดช่วย เราเครียดเกิน ไมเกรนขึ้นมาเป็นอาทิตย์ละ 555
วิธีปฏิบัติตัวนะคะ
1. ข้อนี้สำคัญที่สุด เมื่อรู้ว่ามีอาการ ครั่นเนื้อครั่นตัว ตุ่มน้ำขึ้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นอีสุกอีใส รีบบึ่งไปหาหมอเลยค่ะ ไปแล้วก็ต้องได้ยาฆ่าไวรัสกลับมาด้วยนะ คือมันหยุดตุ่มที่จะขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ ทานยาให้ตรงเวลาด้วย เรานี่ตั้งปลุกไว้เลยค่ะ กินยาจนฉี่ออกมามีแต่กลิ่นยาอ่ะ
2. รักษาความสะอาด ไอ่ความเชื่อโบราณที่ว่า อย่าอาบน้ำเนี่ย อย่าไปเชื่อค่ะ ถ้าไม่ได้อาบน้ำนี่ เป็นบ้าตายก่อนจะหายแน่ค่ะ 555 ของเรานี่น้าสั่งห้ามไม่ให้อาบน้ำ แต่เราไม่เชื่อ 555
3. ข้อนี้สำคัญมาก อย่าให้ตุ่มแตกเป็นอันขาด ที่อื่นอาจมีบ้าง แต่ที่หน้าห้ามเด็ดขาด ! เพราะถ้าแตกขึ้นมา มันจะมีตุ่มขึ้นรอบ ๆ ตุ่มที่แตกนั้น ทำให้ตอนตกสะเก็ด แผลจะใหญ่ หายช้า และลึกมาก ซึ่งตุ่มแบบนี้แหละ จะทำให้เกิดแผลเป็น ข้อนี้ควรระวังให้มาก ๆ
3. กินค่ะ ไม่ต้องห่วงจะมีของแสลง เราขึ้นที่ปาก พยายามกินให้ได้ ทั้งน้ำ ทั้งข้าว ทั้งนม กินจนน้ำหนักขึ้น ไม่สนเลยค่ะ ห่วงแต่ว่า ถ้าเรากินอาหารได้ ครบห้าหมู่ กินเสริมเข้าไป จะทำให้หายเร็วขึ้น เพราะโปรตีน มันเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ไข่เอย นมเอย เรากินหมด ยกเว้นอาหารที่แพ้เท่านั้นที่งด 555
4. ข้อนี้ถ้าใครไม่ซีก็ไม่ต้องค่ะ พยายามอย่าส่องกระจก เก็บให้หมด 555 เพราะมันเครียดมากกก
5. พักผ่อนเยอะ ๆ
6. อันนี้ความเชื่อเราเอง อย่าทานยาเขียว เพราะมันยิ่งขับให้ตุ่มออก หายเร็วก็จริง แต่เราว่ามันไม่คุ้ม
สุดท้ายนี้ โรคนี้มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันแค่ทำให้การใช้ชีวิตของเรายุ่งยากขึ้นแค่นั้นค่ะ เรารักษาความสะอาด ดูแลตัวเองดีดี มันก็หายเร็วขึ้น ของเราไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หายแล้ว แต่ยังสำออยอยากอ้อนแฟน บวกกับไมเกรนยังมีอยู่ เลยยังพักฟื้นต่อ 555 แค่ไม่กี่วันเอง ตอนนี้ก็ทำงานได้สบายมาก
ใครที่เป็นอยู่ พยายามอย่าเครียด อย่าไปโฟกัสกับมันมาก อยู่เฉย ๆ ก็ ดูหนัง ฟังเพลง แก้เครียดไป กินหนม นอนวนไป คันก็ทานยาแก้แพ้ ปวดก็ทานยาแก้ปวด มีไข้ก็ทานยาแก้ไข้
สุดท้ายอล้วจริง ๆ เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเป็นอยู่ เดี๋ยวก็หายนะตัวเอง อย่าเครียดนะ ท่องไว้เดี๋ยวก็หาย ๆ คิดบวกเข้าไว้
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกระทู้นะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
รีวิว เมื่อเราเป็นอีสุกอีใสตอนอายุ 23
จขกท. เริ่มมีตุ่มออกวันที่ 13 พย. ตอนแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีตุ่มขึ้น มีเพียงอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเท่านั้น แฟน จขกท ทักว่าตุ่มอะไร เลยเริ่มสังเกตตัวเอง
วันที่ 14 เริ่มมีตุ่มขึ้นตรงไรผม และตรงริมฝีปาก ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนเดิม ก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่คันอะไร จนตอนบ่าย ตุ่มที่ปากนี่เกิดแตกขึ้นมา แสบค่ะ ถามแม่แฟนดู ว่าใช่อีสุกอีใสมั้ย แม่แฟนก็ไม่รู้ จนตอนเย็น รู้สึกแสบ ๆ ที่แก้ม ปรากฎว่ามีตุ่มออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วแตกด้วยกลับมาห้องกำลังจะอาบน้ำ คุณคะ ขึ้นตรงตัว เกือบสิบที่อ่ะ
คืนนั้นเลยไป รพ เล็ก ๆ เป็น รพ ส่งเสริมสุขภาพ ไม่เจอหมอ เจอแต่บุรุษพยาบาล เค้าก็สอบถามปกติ แล้วบอกว่าจะจ่ายแค่ยาแก้ไข้ให้เท่านั้น คือเรามา รพ เพราะคาดหวังว่าจะได้ยาฆ่าไวรัสอ่ะ แต่เค้าไม่ให้ โดยให้เหตุผลว่า เค้าไม่รู้ว่าที่เราเป็นอยู่ เชื้อมันแรงขนาดไหน ถ้าให้ยาไป อาจเป็นมากกว่าเดิม เราก็เออออกับเค้าไป กลับมาตุ่มยังเท่าเดิม ไม่คัน มีอาการแค่ครั่นเนื้อครั่นตัวแค่นั้น
วันที่ 15 ตุ่มเริ่มเพิ่มขึ้น ตรงที่หน้า ที่แขน ขา ไม่มีเลย แต่ที่หน้านี่มาเต็ม ตรงตัวเพิ่มแค่นิดหน่อย ตรงหลังแทบไม่มี ที่หนักสุดคือ เริ่มออกที่ปาก เริ่มเจ็บคอ เย็นวันนั้นเลยไปอีก รพ ครั้งนี้เป็น รพ ประจำอำเภอ หมอที่ รพ ประจำอำเภอยังงงว่า ทำไม รพ แรกเค้าไม่จ่ายยาฆ่าไวรัสมา ไม่งั้นคงจะไม่เห่อขึ้นขนาดนี้ (ตอนนั้นเริ่มเต็มหน้าแล้วค่ะ ที่อื่นไม่เพิ่ม ดันมาเพิ่มที่หน้ากับที่หัวและปาก หมอจ่ายยาฆ่าไวรัสมาให้ เรานี่ไม่รอให้ถึงเวลา เรากินเลยค่ะ แล้วค่อยเริ่มกินอีกเม็ดตอนเวลากินของยา
จากนั้นก็ไม่ออกไปไหน อาบน้ำเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ล้างหน้าบ่อย กินยาได้ 2-3 ครั้ง ตุ่มหยุดขึ้น ประมาณสามวัน ตุ่มเริ่มแห้ง ตอนที่มันเริ่มแห้งนี่ ปวดมาก ตรงหัวกับหน้านี่โคตรปวด ปวดจนร้องไห้ ไม่คัน แต่ปวดอ่ะ เรากินยาแก้แพ้ก่อนนอน เพราะหลับง่าย มันเครียดมาก ส่องกระจกเห็นตัวอะไรไม่รู้อยู่ในนั้น เวลาจะทำอะไร ต้องค่อย ๆ กลัวตุ่มแตก เครียด นอนไม่หลับ ต้องกินยาให้หลับ ไม่งั้นไม่ได้พักผ่อน แฟนเราก็เครียด ไม่ยอมห่างเราเลย สงสาร เป็นห่วง ต้องให้นางดูตุ่มทุกชั่วโมง นางกลัวตุ่มจะขึ้นอีก บอกให้แยกกันอยู่ นางก็ไม่ยอม เราก็กลัวเค้าติด แต่เค้าก็ดื้อไม่ยอมห่างเราเลย คิดแค่ว่า ถ้าติดก็เป็น ก็แค่นั้น แต่เรารู้ว่ามันเป็นยังไง มันไม่สบายตัวเลย เลยทำได้แค่ ใส่ผ้าปิดจมูกทั้งคู่ แยกที่นอน
อีกสองสามวัน ตุ่มเริ่มแห้ง ที่หน้า เริ่มตกสะเก็ดแล้ว อีกไม่กี่วันสะเก็ดที่หน้าเริ่มหลุด เราก็ใช้สมูทอีใส่ ตรงตัวยังไม่แห้ง แต่ที่หน้าเริ่มหายแล้ว ที่ปากเริ่มหาย เริ่มกินข้าวอร่อยขึ้น 555 ของเรานี่ ปากขึ้นเยอะมาก เหงือกเปื่อยอ่ะคิดดู ในคอยังออกเลย ตอนนี้ที่หน้าสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว เปลี่ยนไปใช้สมูทอีเบบี้เฟสครีม เพราะตัวเดิมใช้แล้วแพ้ หน้าเป้นขุนเลย ตุ่มไม่ลึก มีที่หนักกว่าเพื่อนคือ ตุ่มที่แตก นั่นจะลึกและใหญ่กว่าเพื่อน ตรงตัวสะเก็ดเริ่มหลุดแล้ว หน้าไม่ลายแล้ว แต่ตอนจะหายนี่ มันปวด แคะคันมาก ต้องทานยาแก้แพ้ แก้ปวดช่วย เราเครียดเกิน ไมเกรนขึ้นมาเป็นอาทิตย์ละ 555
วิธีปฏิบัติตัวนะคะ
1. ข้อนี้สำคัญที่สุด เมื่อรู้ว่ามีอาการ ครั่นเนื้อครั่นตัว ตุ่มน้ำขึ้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นอีสุกอีใส รีบบึ่งไปหาหมอเลยค่ะ ไปแล้วก็ต้องได้ยาฆ่าไวรัสกลับมาด้วยนะ คือมันหยุดตุ่มที่จะขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ ทานยาให้ตรงเวลาด้วย เรานี่ตั้งปลุกไว้เลยค่ะ กินยาจนฉี่ออกมามีแต่กลิ่นยาอ่ะ
2. รักษาความสะอาด ไอ่ความเชื่อโบราณที่ว่า อย่าอาบน้ำเนี่ย อย่าไปเชื่อค่ะ ถ้าไม่ได้อาบน้ำนี่ เป็นบ้าตายก่อนจะหายแน่ค่ะ 555 ของเรานี่น้าสั่งห้ามไม่ให้อาบน้ำ แต่เราไม่เชื่อ 555
3. ข้อนี้สำคัญมาก อย่าให้ตุ่มแตกเป็นอันขาด ที่อื่นอาจมีบ้าง แต่ที่หน้าห้ามเด็ดขาด ! เพราะถ้าแตกขึ้นมา มันจะมีตุ่มขึ้นรอบ ๆ ตุ่มที่แตกนั้น ทำให้ตอนตกสะเก็ด แผลจะใหญ่ หายช้า และลึกมาก ซึ่งตุ่มแบบนี้แหละ จะทำให้เกิดแผลเป็น ข้อนี้ควรระวังให้มาก ๆ
3. กินค่ะ ไม่ต้องห่วงจะมีของแสลง เราขึ้นที่ปาก พยายามกินให้ได้ ทั้งน้ำ ทั้งข้าว ทั้งนม กินจนน้ำหนักขึ้น ไม่สนเลยค่ะ ห่วงแต่ว่า ถ้าเรากินอาหารได้ ครบห้าหมู่ กินเสริมเข้าไป จะทำให้หายเร็วขึ้น เพราะโปรตีน มันเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ไข่เอย นมเอย เรากินหมด ยกเว้นอาหารที่แพ้เท่านั้นที่งด 555
4. ข้อนี้ถ้าใครไม่ซีก็ไม่ต้องค่ะ พยายามอย่าส่องกระจก เก็บให้หมด 555 เพราะมันเครียดมากกก
5. พักผ่อนเยอะ ๆ
6. อันนี้ความเชื่อเราเอง อย่าทานยาเขียว เพราะมันยิ่งขับให้ตุ่มออก หายเร็วก็จริง แต่เราว่ามันไม่คุ้ม
สุดท้ายนี้ โรคนี้มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันแค่ทำให้การใช้ชีวิตของเรายุ่งยากขึ้นแค่นั้นค่ะ เรารักษาความสะอาด ดูแลตัวเองดีดี มันก็หายเร็วขึ้น ของเราไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หายแล้ว แต่ยังสำออยอยากอ้อนแฟน บวกกับไมเกรนยังมีอยู่ เลยยังพักฟื้นต่อ 555 แค่ไม่กี่วันเอง ตอนนี้ก็ทำงานได้สบายมาก
ใครที่เป็นอยู่ พยายามอย่าเครียด อย่าไปโฟกัสกับมันมาก อยู่เฉย ๆ ก็ ดูหนัง ฟังเพลง แก้เครียดไป กินหนม นอนวนไป คันก็ทานยาแก้แพ้ ปวดก็ทานยาแก้ปวด มีไข้ก็ทานยาแก้ไข้
สุดท้ายอล้วจริง ๆ เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเป็นอยู่ เดี๋ยวก็หายนะตัวเอง อย่าเครียดนะ ท่องไว้เดี๋ยวก็หาย ๆ คิดบวกเข้าไว้
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกระทู้นะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ