เมื่อฉันเป็นอีสุกอีใส>>>โรคที่โหดร้าย TT TT

กระทู้สนทนา
อยากแชร์อาการของโรคนี้ในเพื่อนๆฟัง เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับมัน!!!
>> 16.1.2014
เริ่มมีอาการตาร้อน ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย เลิกงานกลับไปกินยาแก้ปวด 2 เม็ดหลับยาวเลยจ้าาาา ^^
>>17.1.2014
ตื่นมาอาบน้ำ(เมื่อคืนไม่ได้อาบ) แต่งตัวไปทำงานปกติ เฮ้ยย!!! มีตุ่มขึ้นที่แขนขวา 1 เม็ด
ตอนแรกคิดว่า...ไม่ได้อาบน้ำคืนเดียวนี่ตุ่มสกปรกขึ้นเลยหรอเนี่ยยย 0.D
เริ่มตะหงิดๆลอง เสิร์ช ในกูเกิลว่า   " อีสุก อีใส อาการ " เฮ้ยยย!!! มันคล้ายๆกับเราเลยนิ เอาเเล้วไง?
ไปถึงที่ทำงาน  >> เรา  :  พี่ๆโรคสุกอีใสมันเป็นยังไงหรอ?
                         พี่   :  %#@%$*(*)_)+_+_(^&$^^^^#$!@#^$^%^&*(()(**$^%#@%#$^&*())((*&^^%#^$&^*
                                  %^&O*P()__I)((*&^%$^&*(พี่เค้าก้ออธิบายมายืดยาว)
                         เรา : หนูมีตุ่มขึ้นอ่าา TT  TT
                         พี่   : ไหนดูซิ!!!
                         เรา  :  (เปิดให้ดู)
                        พี่     :  ไปห้องพยาบาลกัน!!!
หลังจากให้พยาบาลยืนยันอีกหนึ่งเสียง สรุปคือ....เราน่าจะเป็นอีสุขอีใส  
12.00 เราก้อลางานเพื่อไปหาหมอ เราไปโรงพยาบาลXXX เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในจังหวัดอยุธยา
                    เรา  : หมอค่ะ มียาหรือวัคซีนไม่ให้มันขึ้นเยอะๆไหม??
                   หมอ : ไม่มีคับ ต้องปล่อยให้มันขึ้นไป
                     เรา :  - -"
กลับหอมาพร้อมกับยา 1. แก้ปวด 2. แก้อักเสบ 3. แก้คัน 4. ยาอมแก้เจ็บคอ ( 680 บาท)+ ใบรับรองเเพทย์  
>> 18.1.2014 กลับมาบ้าน
มันเริ่มขึ้นเป็นจุดแดงๆตามขา ตามตัว และหลัง เยอะขึ้น มีไข้ ปวดตัว เหมือนเมื่อวาน
เราลองเสิร์ชอินเตอร์เน็ต/เพื่อนที่เคยเป็นบอก มียาชื่อ อะไซคลอเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส เเล้วก้อ สามารถฉีดยาเพื่อระงับการขึ้นของตุ่มได้
คำถามคือว่า...ทำไมหมอถึงไม่จ่ายยาต้านไวรัสหรือฉีดยาให้ซักอย่าง??
เรารีบไปหาหมออีกครั้ง(ที่บ้าน) พร้อมจดชื่อยา acyclovir ไปให้หมอ/ เอายาเก่าไปให้หมอดูด้วย
เรา : หมอค่ะ หนูเป็นอีสุก อีใส หนูอยากได้ยา ตัวนี้ค่ะ>>ส่งโพสอิสชื่อยาให้หมอดู
หมอ : จิงๆหมอไม่แนะนำนะ ยานี่  ข้อดี บลาาาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ข้อเสีย บลาาาาาาๆๆๆๆ ไหนเปิดเสื้อให้หมอดูหน่อยซิ!!!
เรา : ^^
หมอ : ท่าทางจะขึ้นเยอะนะเนี่ย!! ระวังผลข้างเคียงของ หากมีอาการแพ้ยารีบกลับมาพบหมอด้วยละกันนะ
555 เรากลับบ้านอย่างสบายใจ พร้อมกับยาต้านไวรัส ^^
>>19-20.1.2014
ขอเล่าแบบรวดยอดนะค่ะ 2 วันนี้เลวร้ายสุดๆตุ่มจะเริ่มขึ้นเรื่อยๆของเราขึ้นที่หน้า ปาก เป็นส่วนใหญ่  ตามตัวขึ้นน้อยย
คำเตือนสำหรับเราก้อคือ ห้ามส่องกระจก เด็ดขาด ยิ่งส่องยิ่งอยากร้องไห้แบบว่า เฮ้ยยย!!ตัวอะไรอยู่ในกระจก TT  TT
2 วันนี้เป็น 2 วันแห่งความทรมาณ สำหรับเรา
>> 21.1.2014
อาการวันนี้คือ...ตื่นขึ้นมาสบยาตัวขึ้นมากก เหมือนว่าอาการไข้จะหายไป ตุ่มยังมีอยู่แต่ไม่ขึ้นเพิ่มแล้วววว เย้!!!
แต่ยังน่าเกลียดเหมือนเดิม - -" ตุ่มที่ริมฝีปากเจ็บมากกกก

สรุปจากที่เรารู้เกี่ยวกับโรคนี้(ไม่รู้ว่าถูกทั้งหมดรึป่าวนะ)
1. ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่นๆกินยาต้านไวรัสมันจะขึ้นน้อยมากกก (เรารู้เมื่อสายไปแล้วว)
2. ยาเขียวมันจะขับให้ออกมาเยอะขึ้น
3. บางโรงพยาบาลจะฉีดยาให้เเล้วมันจะไม่ขึ้นต่ออีก (อันนี้คือยาอะไรไม่รู้นะ)
4. อย่าส่องกระจก!!! มันจะทำให้เราโคตร fail
5. นอนพักเยอะๆอยู่ในที่เย็นๆ รักษาความสะอาดดีๆด้วยเดี๋ยวแผลจะติดเชื้อ
6. อยู่ในที่เย็นๆ เพราะอากาศร้อนมันจะยุบยิบ ยุบยุบ ทั้งตัว
7. ไอ่ตุ่ม ถนอมวันไว้ให้เหมือนไข่ในหินเพราะถ้ามันแตก มันจะกลายเป็น "แผลเป็น" (ด้านหลังเราแตกทุกเม็ด TT  TT)
8. คุณจะได้หยุดงานอย่างน้อย 1 อาทิยต์จ้าา
9. เป็นโรคติดต่อที่รวดเร็วมากกก ส่วนใหญ่เเล้วอยู่บ้านเดียวกันจะมีโอกาสติดกันถึง 80-90 เปอร์เซ็น
สุดท้าย ยิ่งรู้เร็วยิ่งมีโอกาสที่มันจะขึ้นน้อย (ถ้ากินยาทัน)

- อยากรู้ว่าประมาณกี่วันมันถึงเริ่มยุบ ตอนนี้เราซื้อ สกาเจล มารอไว้เเล้ววววว อยากหายไว้ๆๆๆ
- สำหรับผู้หญิงที่เป็นโรคนี้ แน่นอนว่าคุณจะเครียด ร้องไห้ หน้าช้านนนน!!!  ขาช้านนนน!!!   แขนช้านนนน!!! เราเป็นกำลังใจให้นะค่ะ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่