กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรา จากการเรียนวิชา CBT

ทุกคนคงสงสัยว่า CBT คืออะไร เราจะบอกให้ว่าคือ Community Based Tourism หรือการท่องเที่ยวโดยชุมชน
นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษาและสัมผัสกับวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้านในชุมชนของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆโดยการได้เข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับคนในชุมชน

เราจะไปลงพื้นที่กันที่เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา 3 วัน 2 คืน
อยู่กันแบบบ้านพัก Homestay ซึ่งก่อนจะเข้าพักเราจะต้องทำการติดต่อประสานกับทางชุมชนก่อน
เพื่อที่ทางชุมชนจะได้เตรียมบ้านพักไว้ให้ โดยติดต่อผ่าน นายสำเริง ราเขต หรือบังหมี  โทร 081-9680877

ตามไปด้วย ดำน้ำใส่ถังกันที่ เกาะนาคาน้อย จังหวัดพังงา




การเดินทางของเรา มีเพื่อนร่วมทาง 4 คนและเราอีก 1 คน
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มาลงที่สนามบินภูเก็ต
เราโชคดีที่มีญาติอยู่ภูเก็ต เลยให้ญาติมารับเพื่อเดินทางต่อไปที่ ท่าเรือบางโรง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก

เราเดินทางมาถึงท่าเรือบางโรงเวลาประมาณ 10 โมงนิดๆและเรือก็กำลังจะออกพอดี
รีบซื้อตั๋วเรือและขึ้นเรือกันเล้ยยยยยยยย พร้อมกับโทรหาบังหมีว่า
ฮัลโหลบังหมีคะ พวกหนูขึ้นเรือแล้วค่ะ แล้วบังหมีจะเตรียมรถมารับเราถึงท่าเรือของเกาะยาวน้อยเลย


ตารางเวลาเดินเรือ มีทั้งเรือเร็วและเรือธรรมดา
เรือเร็วราคา 200 บาท และเรือธรรมดา ราคา 120 บาท

ออกเดินทางกันเลยจ้า ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงถึงท่าเรือที่เกาะยาวน้อย

พอถึงท่าเรือที่เกาะยาวน้อยแล้วเราก็เจอบังคนนึง ซึ่งบังหมีส่งมารับพวกเราไปยังบ้านพัก

ถึงแล้ว Homestay ของเรา บ้านหลังนี้ยื่นลงไปในทะเล บรรยากาศดีสุดๆ
เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว เค้าให้เราเรียกว่า 'จ๊ะ' เพราะลูกๆกับสามีไปทำงานอยู่บนฝั่ง


พอถึงบ้านพัก เราก็เก็บของเข้าห้อง แล้วจ๊ะก็เตรียมกับข้าวไว้ให้พวกเราเต็มโต๊ะเลย
ปู !! กุ้ง !! ปลา !! บลาๆๆๆ


พอเรากินข้าวเสร็จเราก็พักกันแปปนึง แล้วบังก็มารับเราพาเราทัวร์รอบเกาะเลยจ้า




หลังจากพาเราไปเดินเล่น ถ่ายรูปที่ชายหาดเสร็จ
ก็พาเรามาทำผ้าบาติก ทำผ้านี้ไม่รวมอยู่ในโปรแกรมนะคะ ต้องเสียค่าทำผ้าบาติกผืนละ 200 บาทจ้า


ต่อไปบังจะพาเราไปทุ่งนากลางเกาะ และไปกินน้ำมะพร้าววสดๆจากต้น


ขอแวะถ่ายรูปแปปนะคะบังขา





นั่งคุยกับลุง ลุงบอกว่าลุงอยู่บ้านนี้คนเดียว ทำมะพร้าวมาก็นานแล้ว เราก็ถามว่าลูกหลานลุงหายไปไหนหมด
ลุงแกเล่าว่า แกเคยมาอยู่กรุงเทพได้7เดือน แล้วแกอยู่ไม่ไหวเลยกลับมาอยู่ที่เกาะยาวน้อยนี้เหมือนเดิม
รู้สึกว่ากรุงเทพมันอึดอัด รถก็ตติด ไม่เห็นมีอะไรดีเลย กลับมาอยู่บ้านดีกว่า

นั่งคุยกับลุงจนพระอาทิตย์ตกดิน เลยกราบลาและเดินออกมาขึ้นรถเพื่อที่จะกลับที่พักไปพักผ่อนกันจ้า
น้องคนนี้ชื่อ ไข่ลุ่ย เป็นหลานของจ๊ะเจ้าของบ้าน วันนี้อาสาเป็นไกด์พาพวกเราเที่ยว
อยู่บนเกาะนี้หันไปทางไหนก็เจอแต่รอยยิ้ม

กลับมาถึงบ้านเสร็จ กินข้าว อาบน้ำ นอน ต่างคนต่างสลบสไล๋

วันที่สอง จ๊ะปลุกเรากินข้าวแต่เช้า เพื่อที่จะเตรียมตัวไปเที่ยว กระชังปลาและหมู่เกาะห้องกัน
พอเราอาบน้ำกินข้าวเสร็จ เรือของบังก็มารอรับที่ระเบียงบ้านเลยจ้า ลืมถ่ายรุปไว้ แง
เราปีนลงเรือจากระเบียงบ้าน และหอบข้าวกลางวันขึ้นเรือไปกินด้วย จ๊ะเตรียมกับข้าวไปให้เยอะมากๆ ทั้งข้าวผัด ปู กุ้ง บลาๆๆ กินซีฟู๊ดกันให้เอือมไปเลย

ออกเดินทางไปที่กระชังปลากันเลยจย้า
พอถึงกระชังปลา พวกเราก็ตื่นเต้นกับการให้อาหารปลา ได้จับปลาดาว ปลาฉลาม ปลาปักเป้า กุ้งมังกรตัวยักษ์ เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน

ต่อไปเราจะเดินทางไปกันที่หมู่เกาะห้อง ซึ่งหมูเกาะห้อง เป็นเกาะที่ขึ้นอยู่กับจังหวัดกระบี่
ว้าวแสดงว่า ทริปนี้ เราไป 3 จังหวัดเลยนะ ภูเก็ต พังงา กระบี่ 5555555

ถึงแล้วที่แรกที่เราจะไปคือ เกาะห้องลาลูน เป็นห้องโถงกว้างกลางทะเล เกาะห้องเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะเหลาบิเละ
ที่เรือสามารถแล่นเข้าไปได้เมื่อน้ำขึ้น มีทางเข้าออกทางเดียว โดยล่องเรือผ่านช่องผา ภายในมีป่าโกงกางนิดหน่อยและอ้อมล้อมด้วยขุนเขา
คล้ายปากปล่องภูเขาไป ภายในน้ำทะเลใสคริสตันไม่ลึกมากสามารถว่ายเล่นได้ อีกทั้งยังได้พบกับฝูงปลาหลากหลายสีสันด้วย

เราเดินทางไปกันต่อที่นี่เลย
เตรียมอุปกรณ์ดำน้ำมาด้วย
บนเกาะนี้มีชายหาดให้นอนอาบแดดจ้า
แล้วเราก็สามารถเดินลงไปดำน้ำตื้นในทะเลได้เลย

เราอยู่เกาะนี้กันประมาณชั่วโมงกว่า ก็เดินกลับไปตรงที่ลงเรือมา เพื่อที่จะเดินทางไปต่อที่เกาะอื่นต่อ
แต่เนื่องจากตัวเปียก มือเปียก เปียกไปหมด เลยถ่ายรูปมาได้ไม่ครบค่ะ
เราอยากไปไหน อยากทำอะไร บอกบังได้เลย บังจัดให้ !!
เราไปแวะพักกินข้าวกันที่เกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นจุดดำน้ำอีกจุดนึง ขอบอกว่า ปลาสวยๆเยอะกว่าเกาะเมื่อกี้อีกค่า


ตากแดดกันให้ตัวดำไปเลยจ้า


ตกเย็นกลับมาที่พัก จ๊ะทำกับข้าวไว้ให้ ก็ซีฟู๊ดอีกแล้วจ้าาาา เอาให้เอือมเอาให้สุดไม่สุดไม่กลับ
พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในบ้าน นั่นก็คือสามีของจ๊ะนั่นเอง
ชื่อว่า ลุงเดือน ซึ่งลุงเดือนได้มานั่งุยกับพวกเรา คุยไปคุยมาก็ชวนพวกเราไปดำน้ำแบบ Scuba เฉยเลย
รอช้าอะไรละคะ เราก็ตอบตกลงเค้าไปอย่างรวดเร็วเลยค่ะ ลุงเดือนเลยบอกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่ฝั่ง 9 โมง
ลุงจะพาพวกเราไป Scuba Driving กันนนนน !!! เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะชีวิตนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้ลองดำน้ำใส่ถัง

รีบเข้านอนแล้ว พบกันวันใหม่

วันที่สาม ตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะกลับฝั่งไปหาลุงเดือนแล้วจะข้ามไปเกาะนาคาน้อยเพื่อที่จะไป ดำน้ำกันนนน เห้

สวัสดีเกาะนาคาน้อย ถึงแล้วๆ เราลงเรือมาลำเดียวกับพวกพี่ไกด์สอนดำน้ำ
ตีสนิทเลยค่ะ รออะไร พวกพี่เค้าน่ารักมากๆ ใครว่าคนใต้ดุ เราขอเถียง ไปใต้ทีไรเจอแต่คนใจดี ><'

อุปกรณ์พร้อม กายพร้อม ใจพร้อม เราก็ไปลุยกันเลย
ขอบอกก่อนว่า การดำน้ำแบบScuba นี้ เป็นเหมือนการเรียนดำน้ำแบบใส่ถังเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมี License ก็ดำได้

พอดำน้ำเสร็จเราก็คุยกันว่าอยากเล่นบานาน่าโบ๊ท อยากเล่นโน่นเล่นนี้ซึ่งบนเกาะนาคาน้อย มีกิจกรรมให้เราทำหลายอย่างเลย
เช่น  บาบนาน่าโบ๊ท เจ็ทสกี พาราชูว์หรือร่มลากๆ
แต่ลุงเดือนได้ยินเราคุยกัน เลยบอกว่า เดี๋ยวให้ลูกชายเค้าไปเล่น ซึ่งสรุปแล้วเราก็ได้เล่นไอ้เจ้านี้ค่าาาา
ด้วยราคา พิเศษ พิเศษ พิเศษ 555555555555 ไม่รอช้าค่ะ ก็ไปสิคะพี่

ขอบคุณชาวบ้านบนเกาะยาวน้อยทุกคนที่ต้อนรับเราเป็นอย่างดี
ขอบคุณลุงเดือนที่ทำให้เรากล้าลองทำอะไรใหม่ๆอย่างที่ไม่คิดว่าได้ทำ
ขอบคุณพี่ไกด์ทุกคนที่คอยดูแลเราเป็นอย่างดี
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป เค้าบอกกันว่าจุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่ากับระหว่างทางจริงๆ

สรุปค่าใช้จ่าย

-ค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 2000 บาท
-ค่า Homestay บนเกาะยาวน้อย 3,000 บาท
รวมค่าที่พัก ค่าพาเที่ยวรอบเกาะ ค่าทริปเที่ยวหมู่เกาะห้อง ค่ากินซีฟู๊ดทุกมื้อแบบหนัมใจ ค่ามอเตอร์ไซร์ที่เราขอขี่เล่นรอบเกาะ
เอาง่ายๆว่า 3,000 บาทนี่รวมทุกอย่างยกเว้น ค่าเรือข้ามฝั่งจากท่าเรือบางโรง-เกาะยาวน้อย ต้องจ่ายเพิ่มไป-กลับ 400 บาท (เรือสปีดโบ๊ท)
บอกเลยว่า คุ้มมากกก !!!
-ค่าดำน้ำ Scuba driving 2,100 บาท มีชุดมีอะไรให้พร้อม มีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำให้ด้วย
ติดต่อลุงเดือนได้ที่เบอร์ 095-0147314 หรือไปถามร้านกาแฟที่ท่าเรือบางโรงได้เลยค่า
-ค่าเบ็ดเตล็ด ไร้สาระของเราอีกประมาณ 1,000 บาท

รวมทั้งสิ้นประมาณ 8,000 บาท เอาอยู่แน่นอน

ความคุ้มค่า คือสิ่งที่เราได้มา มากกว่า สิ่งที่เสียไป จากการไปเสียตังของเราในครั้งนี้
พวกเราได้ประสบการณ์กลับมากันเพียบบบบ ได้รู้จักคนเพิ่มอีกมากมาย ได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะแยะ
คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ไม่เสียดายและไม่เสียใจกับการได้ไปทริปนี้ค่ะ