สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแนะนำวิธีการและเอกสารในการขอเชงเก้นวีซ่า(สวีเดน)นะคะ
ไปยื่นขอวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2559
ก่อนอื่นขอขอบคุณพันทิปไว้ ณ ที่นี้เลย ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมเลยจริง ๆ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ
โดยส่วนตัวจขกท.เอง เคยขอวีซ่าประเทศต่างๆ มาหลายครั้งแล้วรวมถึงเชงเก้นด้วยก็รู้สึกไม่ได้ยุ่งยากอะไรในการเตรียมเอกสาร
เนื่องจากเมื่อก่อนเป็นพนักงานบริษัทมีใบรับรองจากบริษัท สลิปเงินเดือนและ statement ก็จบ
แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทอีกต่อไปแถมพาคุณพ่อ คุณแม่ที่เกษียณแล้วไปด้วย
อีกทั้งกิจการเล็กๆ ที่เป็นโรงแรมรับฝากแมว และมีของขายเกี่ยวกับแมวๆ อีกนิดหน่อย (
https://www.facebook.com/CoZyCatHotelByUsa/)
ก็พึ่งเริ่มเปิดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ ก็หวั่นๆ ว่าจะผ่านมั๊ยน๊อ เลยมีความตื่นตัวในการเตรียมเอกสารเป็นพิเศษค่ะ
เอกสารที่เตรียมไปขอวีซ่า
1. สำเนา Book Bank ของคุณแม่และเรา (ของคุณแม่มี 6 หลัก ของเรามี 5 หลัก ช่างกล้า55+)
2. สำเนาทะเบียนบ้านของเรากับคุณแม่ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (จ้างเค้าแปลเมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ ยังเสียดายเงินไม่หาย)
3. สำเนาทะเบียนบ้านของคุณพ่อ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (ที่เราแปลให้เอง)
4. สำเนาทะเบียนการค้าของเรา พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (แปลเองค่ะ)
5. ปริ๊นใบจองตั๋วเครื่องบินจาก e-mail (ให้เอเจ้นท์จองให้ยังไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องบินนะคะ)
6. ปริ๊นใบจองโรงแรมจาก e-mail (เราจองผ่าน Booking.com ค่ะ ดูแบบยกเลิกได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมนะคะ
เผื่อถ้าอยากเปลี่ยนโรงแรมใหม่หรือเปลี่ยนแพลนใดๆ )
9. กรอกและปริ๊น Tourist questionnaire อยู่ในเวปของ VFS ค่ะ
10. ปริ๊น Insurance ที่ซื้อไว้จาก Internet มีหลายบริษัทให้เลือกสรร วงเงิน ล้านห้า
(เค้ากำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูโร)
10. ปริ๊น check list อยู่ในเวปของ VFS ค่ะ
11. เขียนจดหมาย Sponsor ว่าคุณแม่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้คุณพ่อกับเราคนละ 1 ฉบับ
12. ปริ๊น application form กรอกแค่คนละ 2 หน้าเองค่ะ
13. Copy หน้า Passport ของทุกคน คนละ 2 ชุด พร้อมเล่มจริง
14.ทะเบียนสมรสของคุณพ่อคุณแม่ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ
(จ้างเค้าแปลที่ตึกเทรนดี้เลยเพราะเราดันลืมค่ะ ทำง่ายมากแค่เปลี่ยนชื่อ เสียดายเงินอีกแล้ว)
15. Itinerary เขียนแบบง่ายๆ ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ทำเป็นตารางสองช่อง
ช่องแรกใส่ Day 1,2...7 เรียงกันลงมา แล้วก็พิมพ์สถานที่ ที่จะไปเที่ยวในวันนั้นๆ ก็เปิดดูจากใน Internet เนี่ยแหละค่ะ เช่น
Day 1 Arrive at Stockholm by TG960 check in at hotel and sightseeing to City Hall and Vasa-Museum
รูปถ่ายไม่ต้องเตรียมไปนะคะเฉพาะสถานฑูตสวีเดนเท่านั้น เกือบเสียตังค์ค่าถ่ายรูปไปซะแล้ว
เรากะว่าเข้าไปเอาคิวก่อนแล้วค่อยออกมาถ่ายรูปปรากฎว่ารอไม่นานถึงคิวยื่นวีฯซะแล้ว
เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่ต้องใช้รูปค่ะทางสถานฑูตให้ VFS ถ่ายเองค่ะ เราก็แบบแต่ในเวป VFS
ยังบอกให้เตรียมรูปอยู่เลยนะคะ คือยังไม่ได้อัพเดตเวปไงคะ ดีสิคะไม่ต้องเสียตังค์ค่าถ่ายรูป
อยากให้สถานฑูตอื่นๆ ที่ใช้ระบบนี้ยกเลิกรูปถ่ายบ้าง
จากบ้านเดินทางไปรถติดพอสมควรไปถึงเที่ยงพอดีก็นึกว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานแต่ปรากฎว่าเค้าสลับกันไปทานข้าว
เลยเปิดทำการปกติ คิวก็เลยน้อยไปด้วยรอไม่ถึง 5 นาทีก็เรียกแล้ว เราแบ่งเอกสารใส่ซองคนละ 1 ชุด ไม่ต้องแม็กนะคะ
เพราะเอกสารทุกใบเค้าต้องเอาไปสแกนเก็บไว้ จะได้ไม่เสียเวลาเจ้าหน้าที่แกะแม็กออกอีก
เรายื่นให้เค้าตรวจสอบทีละชุด จนครบ 3 ชุด ถ้าลืมซีร็อกซ์อะไรเค้าก็จะให้ออกไปซีฯข้างนอก
แต่ตอนนั้นเป็นช่วงพักพนักงานไม่อยู่ เจ้าหน้าที่เลยซีร็อกซ์ให้ถึงจะแค่สองสามแผ่นแต่ก็ทำให้เราประทับใจมากค่ะ
หลังจากตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รอถ่ายรูปกับสแกนลายนิ้วมือ เบ็ดเสร็จแล้วใช้เวลาไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ
พอยื่นเสร็จก็โล่งค่ะที่คิดว่ามันยุ่งยาก พอผ่านไปได้แล้วก็สบายค่ะ
พอวันพุธตอนเช้าก็ส่ง message มาบอกว่าผลออกแล้วให้ไปรับ Passport ที่ VFS ได้
ใช้เวลาแค่ 3-4 วันในการพิจารณาเองรวดเร็วทันใจมาก ให้คุณพ่อเป็นคนไปรับเล่มแทน
โดยเรากับคุณแม่เขียนจดหมายมอบฉันทะไปด้วยค่ะ ขอไป 7 วันก็ให้อยู่ได้ 7 วันเป๊ะค่ะ
แต่มีระยะเวลาของวีซ่าให้ 22 วัน คือเราต้องเข้าออกภายในวันที่วีซ่ากำหนดไว้ค่ะ
สุดท้ายนี้ขอปรึกษาหน่อยค่ะ ใครเคยมีปัญหาอยู่เกินระยะเวลาที่เค้ากำหนดให้ไว้บ้างไหมคะ
แต่วีซ่ายังไม่หมดอายุนะคะ ไปๆ มาๆ รู้สึกว่าเจ็ดวันนี้น้อยไป เลยอยากจะอยู่ต่อค่ะ
ถ้าใครสงสัยอะไรเพิ่มเติมถามได้เลยนะคะ ยินดีตอบค่ะ
สุดท้ายนี้ฝากกดไลค์เพจด้วยจ้า ขอกำลังใจให้เราที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/CoZyCatHotelByUsa/
การขอเชงเก้นวีซ่า(สวีเดนท่องเที่ยว)ให้คุณพ่อ คุณแม่ที่เกษียณแล้ว และของตัวเองที่ใช้ทะเบียนการค้า
ไปยื่นขอวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2559
ก่อนอื่นขอขอบคุณพันทิปไว้ ณ ที่นี้เลย ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมเลยจริง ๆ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ
โดยส่วนตัวจขกท.เอง เคยขอวีซ่าประเทศต่างๆ มาหลายครั้งแล้วรวมถึงเชงเก้นด้วยก็รู้สึกไม่ได้ยุ่งยากอะไรในการเตรียมเอกสาร
เนื่องจากเมื่อก่อนเป็นพนักงานบริษัทมีใบรับรองจากบริษัท สลิปเงินเดือนและ statement ก็จบ
แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทอีกต่อไปแถมพาคุณพ่อ คุณแม่ที่เกษียณแล้วไปด้วย
อีกทั้งกิจการเล็กๆ ที่เป็นโรงแรมรับฝากแมว และมีของขายเกี่ยวกับแมวๆ อีกนิดหน่อย (https://www.facebook.com/CoZyCatHotelByUsa/)
ก็พึ่งเริ่มเปิดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ ก็หวั่นๆ ว่าจะผ่านมั๊ยน๊อ เลยมีความตื่นตัวในการเตรียมเอกสารเป็นพิเศษค่ะ
เอกสารที่เตรียมไปขอวีซ่า
1. สำเนา Book Bank ของคุณแม่และเรา (ของคุณแม่มี 6 หลัก ของเรามี 5 หลัก ช่างกล้า55+)
2. สำเนาทะเบียนบ้านของเรากับคุณแม่ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (จ้างเค้าแปลเมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ ยังเสียดายเงินไม่หาย)
3. สำเนาทะเบียนบ้านของคุณพ่อ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (ที่เราแปลให้เอง)
4. สำเนาทะเบียนการค้าของเรา พร้อมแปลภาษาอังกฤษ (แปลเองค่ะ)
5. ปริ๊นใบจองตั๋วเครื่องบินจาก e-mail (ให้เอเจ้นท์จองให้ยังไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องบินนะคะ)
6. ปริ๊นใบจองโรงแรมจาก e-mail (เราจองผ่าน Booking.com ค่ะ ดูแบบยกเลิกได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมนะคะ
เผื่อถ้าอยากเปลี่ยนโรงแรมใหม่หรือเปลี่ยนแพลนใดๆ )
9. กรอกและปริ๊น Tourist questionnaire อยู่ในเวปของ VFS ค่ะ
10. ปริ๊น Insurance ที่ซื้อไว้จาก Internet มีหลายบริษัทให้เลือกสรร วงเงิน ล้านห้า
(เค้ากำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูโร)
10. ปริ๊น check list อยู่ในเวปของ VFS ค่ะ
11. เขียนจดหมาย Sponsor ว่าคุณแม่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้คุณพ่อกับเราคนละ 1 ฉบับ
12. ปริ๊น application form กรอกแค่คนละ 2 หน้าเองค่ะ
13. Copy หน้า Passport ของทุกคน คนละ 2 ชุด พร้อมเล่มจริง
14.ทะเบียนสมรสของคุณพ่อคุณแม่ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ
(จ้างเค้าแปลที่ตึกเทรนดี้เลยเพราะเราดันลืมค่ะ ทำง่ายมากแค่เปลี่ยนชื่อ เสียดายเงินอีกแล้ว)
15. Itinerary เขียนแบบง่ายๆ ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ทำเป็นตารางสองช่อง
ช่องแรกใส่ Day 1,2...7 เรียงกันลงมา แล้วก็พิมพ์สถานที่ ที่จะไปเที่ยวในวันนั้นๆ ก็เปิดดูจากใน Internet เนี่ยแหละค่ะ เช่น
Day 1 Arrive at Stockholm by TG960 check in at hotel and sightseeing to City Hall and Vasa-Museum
รูปถ่ายไม่ต้องเตรียมไปนะคะเฉพาะสถานฑูตสวีเดนเท่านั้น เกือบเสียตังค์ค่าถ่ายรูปไปซะแล้ว
เรากะว่าเข้าไปเอาคิวก่อนแล้วค่อยออกมาถ่ายรูปปรากฎว่ารอไม่นานถึงคิวยื่นวีฯซะแล้ว
เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่ต้องใช้รูปค่ะทางสถานฑูตให้ VFS ถ่ายเองค่ะ เราก็แบบแต่ในเวป VFS
ยังบอกให้เตรียมรูปอยู่เลยนะคะ คือยังไม่ได้อัพเดตเวปไงคะ ดีสิคะไม่ต้องเสียตังค์ค่าถ่ายรูป
อยากให้สถานฑูตอื่นๆ ที่ใช้ระบบนี้ยกเลิกรูปถ่ายบ้าง
จากบ้านเดินทางไปรถติดพอสมควรไปถึงเที่ยงพอดีก็นึกว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานแต่ปรากฎว่าเค้าสลับกันไปทานข้าว
เลยเปิดทำการปกติ คิวก็เลยน้อยไปด้วยรอไม่ถึง 5 นาทีก็เรียกแล้ว เราแบ่งเอกสารใส่ซองคนละ 1 ชุด ไม่ต้องแม็กนะคะ
เพราะเอกสารทุกใบเค้าต้องเอาไปสแกนเก็บไว้ จะได้ไม่เสียเวลาเจ้าหน้าที่แกะแม็กออกอีก
เรายื่นให้เค้าตรวจสอบทีละชุด จนครบ 3 ชุด ถ้าลืมซีร็อกซ์อะไรเค้าก็จะให้ออกไปซีฯข้างนอก
แต่ตอนนั้นเป็นช่วงพักพนักงานไม่อยู่ เจ้าหน้าที่เลยซีร็อกซ์ให้ถึงจะแค่สองสามแผ่นแต่ก็ทำให้เราประทับใจมากค่ะ
หลังจากตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รอถ่ายรูปกับสแกนลายนิ้วมือ เบ็ดเสร็จแล้วใช้เวลาไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ
พอยื่นเสร็จก็โล่งค่ะที่คิดว่ามันยุ่งยาก พอผ่านไปได้แล้วก็สบายค่ะ
พอวันพุธตอนเช้าก็ส่ง message มาบอกว่าผลออกแล้วให้ไปรับ Passport ที่ VFS ได้
ใช้เวลาแค่ 3-4 วันในการพิจารณาเองรวดเร็วทันใจมาก ให้คุณพ่อเป็นคนไปรับเล่มแทน
โดยเรากับคุณแม่เขียนจดหมายมอบฉันทะไปด้วยค่ะ ขอไป 7 วันก็ให้อยู่ได้ 7 วันเป๊ะค่ะ
แต่มีระยะเวลาของวีซ่าให้ 22 วัน คือเราต้องเข้าออกภายในวันที่วีซ่ากำหนดไว้ค่ะ
สุดท้ายนี้ขอปรึกษาหน่อยค่ะ ใครเคยมีปัญหาอยู่เกินระยะเวลาที่เค้ากำหนดให้ไว้บ้างไหมคะ
แต่วีซ่ายังไม่หมดอายุนะคะ ไปๆ มาๆ รู้สึกว่าเจ็ดวันนี้น้อยไป เลยอยากจะอยู่ต่อค่ะ
ถ้าใครสงสัยอะไรเพิ่มเติมถามได้เลยนะคะ ยินดีตอบค่ะ
สุดท้ายนี้ฝากกดไลค์เพจด้วยจ้า ขอกำลังใจให้เราที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/CoZyCatHotelByUsa/