ชีวิตอับเฉา ปลายปีแล้วระวังกระเป๋าตังดีๆ
สำหรับโพสนี้อับเฉามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์สำหรับผู้ที่อยู่เมืองจีน มาท่องเที่ยวหรือมาทำงานในช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีนะครับ
เพราะตั้งแต่มาทำงานอยู่เมืองจีน เพื่อนๆหลายคนก็ชอบบอกว่า ปลายปีแล้วระวังตัวด้วยล่ะ ใกล้ปีใหม่แล้วดูของดีๆด้วยล่ะ แล้วก็สงสัยว่าระวังก็ต้องระวังมันอยู่แล้วล่ะ มันเกี่ยวอะไรกับปลายปีด้วยล่ะเนี่ย เรื่องนี้ต้องท้าวความหน่อยครับ
เนื่องจากประเทศจีนมีประชากรมากถึง 1,300ล้าน รวมทั้งส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่นปักกิ่งมีประชากรถึง 21ล้านคน(ถ้าไม่เห็นภาพ กรุงเทพฯประชากรประมาณ 15ล้านคนครับ) ฉะนั้นในเมืองจีนจะไม่มีวันหยุดกระปิบกระปอยแบบเมืองไทยเรา หยุดวิสาขฯ หนึ่งวัน วันรัฐธรรมนูญหนึ่งวันแบบนี้นะครับ แต่เมืองจีนจะมีวันหยุดยาว “长假” ยาวแค่ไหน ก็หยุดไปเลยอาทิตย์นึงน่ะครับ วันหยุดลักษณะนี้ ปีหนึ่งมี 2 ครั้ง คือ ปีใหม่จีน(ตรุษจีน) และ วันชาติ(国庆节 วันที่ 1 ตค. ของทุกปี) นอกจากนั้นก็มีวันหยุดเล็กๆบ้างวันสองวันเช่น วันเชงเม้ง วันไหว้บะจ่าง วันไหว้พระจันทร์ครับ
ภาพจาก
http://roll.sohu.com/20160130/n436406522.shtml
ตรุษจีน วันปีใหม่จีน( 新年,春节)
วันปีใหม่จีนเป็นวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฎิทินจันทรคติของจีน นับเอาวันเริ่มปีใหม่จากวันแรกของเทศกาลใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไปแล้ว อากาศกำลังจะอุ่นขึ้นจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว จึงเรียกได้อีกอย่างว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ “春节,Spring Festival”
แล้วตรุษจีนเค้าทำอะไรกัน ตั้งโต๊ะแดงไหว้เป็ดไก่ให้บรรพบุรุษแบบคนจีนในบ้านเราหรือเปล่า?
คนจีนบางบ้าน โดยเฉพาะในชนบทก็ทำเช่นกันครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการไหว้และทำเหมือนกันแทบทุกบ้านคือการอยู่พร้อมกันทานอาหารร่วมกัน โดยเฉพาะตรงวันปีใหม่พอดี(初一) ฉะนั้นเริ่มเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ คนจีนจากใน 1,300ล้านที่เข้าเมืองไปหางานทำต้องแห่กันกลับบ้านเกิด เกิดเป็นปรากฎการณ์ที่การเดินทางช่องทางต่างๆล้วนล้นทะลักไปด้วยฝูงชนเรียกว่า “春运” หรือแปลง่ายๆว่า Spring Transportation หมายถึงช่วงเวลา 7 วันก่อนปีใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็น ถนนเดินรถ รถไฟ เครื่องบิน ต่างๆ หน้าร้านขายตั๋วต่างๆมีคนตื่นแต่เช้ามือมาต่อแถวท่ามกลางอากาศหนาวๆตั้งแต่ตี4ตี5ที่ร้านยังไม่เปิด โดยเฉพาะตั๋วรถไฟ และตั๋วเครื่องบินต้องจองล่วงหน้ากันหลายเดือนทีเดียว และยิ่งราคาสูงเป็นเท่าตัวหากจองใกล้เวลา
ภาพจาก news.hexun.com
เกริ่นเรื่องปีใหม่กันมาตั้งนานเริ่มเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการระวังข้าวของล่ะเนี่ย?
ก็เนื่องจากคนต่างถิ่นที่ย้ายเข้าเมือง
จนคนจีนชอบพูดเล่นว่า ระวังนะช่วงนี้ใกล้ปลายปีแล้ว พวกหัวโขมยต้องทำยอด ทำKPI(指标)เพื่อหาเงินกลับบ้าน ใช้เป็นค่าเดินทาง นำเงินไปฝากหรือซื้อของไปฝากคนที่บ้าน โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่อากาศหนาวที่สุดแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็กำลังหนาวสั่นงกๆไม่ทันระวังคนรอบตัว หรือว่าใส่เสื้อขนเป็ดหนาเตอะโดนล้วงกระเป๋าไม่รู้สึกตัว
กระบวนท่าตะเกียบฉกกระเป๋าที่เลื่องลือของหัวขโมยจีน
ภาพจาก
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4MzE2MTkxOQ==&mid=10013306&idx=4&sn=f88c14d472
ภัยแบบนี้ชอบมาในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำกันเป็นกลุ่ม เป็นขบวนการครับ เวลาอยู่ข้างนอกถ้ามีเรื่องแปลกๆเข้ามา เช่น มีคนเข้ามาชวนคุย(โดยเฉพาะเด็ก!) เข้ามาถามทาง เจอคนทำของหล่น(โดยเฉพาะทำเงินหล่น!) สะบัดร่มเปียกๆใส่เรา ให้ระวังไว้ก่อนเลยครับว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจให้พาร์ทเนอร์เค้ามาหยิบของๆเราไป ทางที่ดีเมื่ออยู่ข้างนอกมีคนทำอะไรแปลกๆ อันดับแรกควรสำรวจรอบตัว จับข้าวของสิ่งของเช่นกระเป๋าเงิน มือถือ กระเป๋าให้มั่นเลยครับ หรือบางที่อาจไม่ใช่เข้ามาดึงดูดความสนใจแต่มิจฉาชีพก็ชอบเข้ามาตอนเรากำลังสนใจอย่างอื่น เช่นกำลังซื้อของ กำลังต่อแถว รอรถ หรือถ้าคุณเป็นผู้ชายกำลังยืนปัสสาวะอยู่(เป็นสภาวะที่ไร้ทางต่อต้านเจ้าหัวขโมย) หรือแม้แต่ในรถไฟฟ้าใต้ดิน ถึงสถานึนึงปุบประตูจะปิดดึงกระเป๋าวิ่งไปเลย
นอกจากการระวังตัวเวลาอยู่ข้างนอกแล้วบ้าน ที่พัก หรือแม้แต่รถรา ก็ต้องตรวจตราล๊อคเป็นพิเศษครับ อย่างไรก็ตามการระมัดระวังตั้งแต่ต้นก็เป็นการป้องกันความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งลดความต้องตาต้องใจสำหรับพวกหัวขโมยด้วย ของแบบนี้ก็รู้ๆอยู่ว่าหายไปแล้วแจ้งตำรวจก็คาดหวังอะไรไม่ได้มากนะครับ สุดท้ายทำอะไรก็ก็ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลานะครับ อย่าลืมว่าปลายปีใกล้ปีใหม่แล้ว
อาจจะ edit เยอะไปหน่อย อับเฉาเพิ่งเริ่มเขียนเพจนะครับ
โดยอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตทั้งที่เคยเรียนและตอนนี้ทำงานในประเทศจีน
ถ้าเพื่อนๆสนใจสามารถติดตามเรื่องราวของอับเฉาได้ที่นี่ครับ
http://www.facebook.com/apchaolife
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ อยู่เมืองจีน ปลายปีแล้วระวังกระเป๋าตังดีๆ
สำหรับโพสนี้อับเฉามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์สำหรับผู้ที่อยู่เมืองจีน มาท่องเที่ยวหรือมาทำงานในช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีนะครับ
เพราะตั้งแต่มาทำงานอยู่เมืองจีน เพื่อนๆหลายคนก็ชอบบอกว่า ปลายปีแล้วระวังตัวด้วยล่ะ ใกล้ปีใหม่แล้วดูของดีๆด้วยล่ะ แล้วก็สงสัยว่าระวังก็ต้องระวังมันอยู่แล้วล่ะ มันเกี่ยวอะไรกับปลายปีด้วยล่ะเนี่ย เรื่องนี้ต้องท้าวความหน่อยครับ
เนื่องจากประเทศจีนมีประชากรมากถึง 1,300ล้าน รวมทั้งส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่นปักกิ่งมีประชากรถึง 21ล้านคน(ถ้าไม่เห็นภาพ กรุงเทพฯประชากรประมาณ 15ล้านคนครับ) ฉะนั้นในเมืองจีนจะไม่มีวันหยุดกระปิบกระปอยแบบเมืองไทยเรา หยุดวิสาขฯ หนึ่งวัน วันรัฐธรรมนูญหนึ่งวันแบบนี้นะครับ แต่เมืองจีนจะมีวันหยุดยาว “长假” ยาวแค่ไหน ก็หยุดไปเลยอาทิตย์นึงน่ะครับ วันหยุดลักษณะนี้ ปีหนึ่งมี 2 ครั้ง คือ ปีใหม่จีน(ตรุษจีน) และ วันชาติ(国庆节 วันที่ 1 ตค. ของทุกปี) นอกจากนั้นก็มีวันหยุดเล็กๆบ้างวันสองวันเช่น วันเชงเม้ง วันไหว้บะจ่าง วันไหว้พระจันทร์ครับ
ภาพจาก http://roll.sohu.com/20160130/n436406522.shtml
ตรุษจีน วันปีใหม่จีน( 新年,春节)
วันปีใหม่จีนเป็นวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฎิทินจันทรคติของจีน นับเอาวันเริ่มปีใหม่จากวันแรกของเทศกาลใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไปแล้ว อากาศกำลังจะอุ่นขึ้นจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว จึงเรียกได้อีกอย่างว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ “春节,Spring Festival”
แล้วตรุษจีนเค้าทำอะไรกัน ตั้งโต๊ะแดงไหว้เป็ดไก่ให้บรรพบุรุษแบบคนจีนในบ้านเราหรือเปล่า?
คนจีนบางบ้าน โดยเฉพาะในชนบทก็ทำเช่นกันครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการไหว้และทำเหมือนกันแทบทุกบ้านคือการอยู่พร้อมกันทานอาหารร่วมกัน โดยเฉพาะตรงวันปีใหม่พอดี(初一) ฉะนั้นเริ่มเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ คนจีนจากใน 1,300ล้านที่เข้าเมืองไปหางานทำต้องแห่กันกลับบ้านเกิด เกิดเป็นปรากฎการณ์ที่การเดินทางช่องทางต่างๆล้วนล้นทะลักไปด้วยฝูงชนเรียกว่า “春运” หรือแปลง่ายๆว่า Spring Transportation หมายถึงช่วงเวลา 7 วันก่อนปีใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็น ถนนเดินรถ รถไฟ เครื่องบิน ต่างๆ หน้าร้านขายตั๋วต่างๆมีคนตื่นแต่เช้ามือมาต่อแถวท่ามกลางอากาศหนาวๆตั้งแต่ตี4ตี5ที่ร้านยังไม่เปิด โดยเฉพาะตั๋วรถไฟ และตั๋วเครื่องบินต้องจองล่วงหน้ากันหลายเดือนทีเดียว และยิ่งราคาสูงเป็นเท่าตัวหากจองใกล้เวลา
ภาพจาก news.hexun.com
เกริ่นเรื่องปีใหม่กันมาตั้งนานเริ่มเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการระวังข้าวของล่ะเนี่ย?
ก็เนื่องจากคนต่างถิ่นที่ย้ายเข้าเมือง
จนคนจีนชอบพูดเล่นว่า ระวังนะช่วงนี้ใกล้ปลายปีแล้ว พวกหัวโขมยต้องทำยอด ทำKPI(指标)เพื่อหาเงินกลับบ้าน ใช้เป็นค่าเดินทาง นำเงินไปฝากหรือซื้อของไปฝากคนที่บ้าน โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่อากาศหนาวที่สุดแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็กำลังหนาวสั่นงกๆไม่ทันระวังคนรอบตัว หรือว่าใส่เสื้อขนเป็ดหนาเตอะโดนล้วงกระเป๋าไม่รู้สึกตัว
กระบวนท่าตะเกียบฉกกระเป๋าที่เลื่องลือของหัวขโมยจีน
ภาพจาก http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4MzE2MTkxOQ==&mid=10013306&idx=4&sn=f88c14d472
ภัยแบบนี้ชอบมาในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำกันเป็นกลุ่ม เป็นขบวนการครับ เวลาอยู่ข้างนอกถ้ามีเรื่องแปลกๆเข้ามา เช่น มีคนเข้ามาชวนคุย(โดยเฉพาะเด็ก!) เข้ามาถามทาง เจอคนทำของหล่น(โดยเฉพาะทำเงินหล่น!) สะบัดร่มเปียกๆใส่เรา ให้ระวังไว้ก่อนเลยครับว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจให้พาร์ทเนอร์เค้ามาหยิบของๆเราไป ทางที่ดีเมื่ออยู่ข้างนอกมีคนทำอะไรแปลกๆ อันดับแรกควรสำรวจรอบตัว จับข้าวของสิ่งของเช่นกระเป๋าเงิน มือถือ กระเป๋าให้มั่นเลยครับ หรือบางที่อาจไม่ใช่เข้ามาดึงดูดความสนใจแต่มิจฉาชีพก็ชอบเข้ามาตอนเรากำลังสนใจอย่างอื่น เช่นกำลังซื้อของ กำลังต่อแถว รอรถ หรือถ้าคุณเป็นผู้ชายกำลังยืนปัสสาวะอยู่(เป็นสภาวะที่ไร้ทางต่อต้านเจ้าหัวขโมย) หรือแม้แต่ในรถไฟฟ้าใต้ดิน ถึงสถานึนึงปุบประตูจะปิดดึงกระเป๋าวิ่งไปเลย
นอกจากการระวังตัวเวลาอยู่ข้างนอกแล้วบ้าน ที่พัก หรือแม้แต่รถรา ก็ต้องตรวจตราล๊อคเป็นพิเศษครับ อย่างไรก็ตามการระมัดระวังตั้งแต่ต้นก็เป็นการป้องกันความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งลดความต้องตาต้องใจสำหรับพวกหัวขโมยด้วย ของแบบนี้ก็รู้ๆอยู่ว่าหายไปแล้วแจ้งตำรวจก็คาดหวังอะไรไม่ได้มากนะครับ สุดท้ายทำอะไรก็ก็ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลานะครับ อย่าลืมว่าปลายปีใกล้ปีใหม่แล้ว
อาจจะ edit เยอะไปหน่อย อับเฉาเพิ่งเริ่มเขียนเพจนะครับ
โดยอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตทั้งที่เคยเรียนและตอนนี้ทำงานในประเทศจีน
ถ้าเพื่อนๆสนใจสามารถติดตามเรื่องราวของอับเฉาได้ที่นี่ครับ http://www.facebook.com/apchaolife