ความประทับใจเมื่อฉันไปสักการะพระบรมศพ...

เมื่อคืน (23 พ.ย. 2559) ฉันกับเพื่อนอีก 4 คน ได้ไปร่วมสักการะพระบรมศพ  ออกจากที่ทำงานประมาณ 16.30 น. นั่งแท็กซี่ไป โชคดีที่คนขับรู้ทางพาไปถนนสามเสน รถเลยไม่ติดมาก ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสนามหลวงแล้ว ตอนไปถึงคนไม่เยอะมาก อาจจะเป็นวันธรรมดา ถึงที่ก็เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย แล้วก็เข้าแถวรอตรวจบัตร ปชช. ตรวจกระเป๋า เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในเต็นท์นั่งรอ ฉันกับเพื่อนๆได้นั่งแถว จ 16-17 ตอนนั้นเวลาประมาณ 17.30 น. คนยังไม่เยอะมา เก้าอี้แถวข้างๆยังว่างเพียบ แต่สักพักคนก็มาเต็ม เก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นแถวตอนยาว นั่งเรียงหน้ากระดาน 4 แถว ด้วยไปกัน 5 คน ก็เลยแบ่งกันนั่ง 2 แถว สองคนนั่งหน้า อีกสามคนนั่งหลัง ซึ่งฉันนั่งแถวหลัง ทำให้ที่ข้างๆว่าง เจ้าหน้าที่ก็จะจัดให้เต็มแถวก่อนจึงจะเริ่มแถวใหม่ พอนั่งได้สักพัก ก็มีคนมานั่งข้าง เหลือบมองก็เห็นเป็นผู้ชายตัวสูงๆ ขายาวๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว มานั่งด้วย  ตอนนั้นก็ผ่านไป...

จากนั้น พอนั่งกันได้สักพัก เหล่าจิตอาสาก็นำอาหารมาแจกตามแถว แต่ละคนก็รับไปกินกัน เมนูแรกเป็นไก่ผัดพริกหยวก แบบพริกแกงใต้ อร่อยมาก แต่ก็เผ็ดมากด้วย ฉันหยิบมาจานนึงแบ่งกับเพื่อน กลัวกินไม่หมด แต่พอเริ่มกินก็ชักจะหิว แล้วก็มีเมนูที่ 2 ตามมา เป็นเมนูคั่วกลิ้งไข่ปลาแขยง มีแตงกวาด้วย ก็เลยหยิบมาอีกจานนึง กะจะกินแตงกวาแก้เผ็ด แต่เพราะเริ่มหิวก็เลยกินไปเรื่อย เผ็ดก็ยังกิน สรุปหมดจาน  แต่ด้วยความเป็นร้อนของพริกแกงใต้ทำให้แสบท้องขึ้นมาในบัดดล ร้องหาน้ำกันใหญ่ ทั้งน้ำเปล่าน้ำหวานจัดมาเต็ม จากนั้นเหล่าจิตอาสาก็มีขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ของแจกเล็กๆน้อยๆมาให้เรื่อยๆ เนื่องจากฉันนั่งกลางแถวการจะหยิบจะรับของก็ต้องผ่านคนที่แถวข้างหยิบจับให้ ถึงตรงนี้ มันก็เริ่มขึ้น...

จากที่นั่งกันแบบไม่ได้ใส่ใจ ก็มีเสียงถามขึ้นมาว่า "มาจากไหนกันครับ?" ในใจแอบคิดว่า พวกฉันคุยกันเสียงดังเกินไปเหรอถึงกับต้องถามถึงแหล่งที่มากันเลยทีเดียว แล้วก็หันไปตอบว่ามาจาก....(ชื่อและสถานที่ทำงาน).... เขาก็บอกว่า "อ่อ ก็ไม่ไกลเนอะ"  แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้เราก็ไม่ได้ถามเขากลับไป เพราะโดยมารยาทแล้ว ควรจะถามกลับ...

จาก 1 ชม. เป็น 2 ชม. ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ผ่านไปร่วม 5 ชม. พวกเราก็ยังอยู่ในเต็นท์ เวลาเขาจะลุกไปไหน ก็จะหันมาบอกเราว่า "เดี๋ยวผมมานะ..." เราก็เออๆออๆ ค่ะๆ ไป...และแล้วเวลาที่เราจะได้เคลื่อนแถวก็มาถึง รู้สึกดีใจ โล่งอก เราก็หันมายิ้มให้กันโดยบังเอิญ เหมือนกับว่าใกล้จะบรรลุเป้าหมายกันแล้วนะ... ด้วยเวลาตอนนั้น 4 ทุ่มกว่าแล้ว เนื่องจากต้องรอพิธีและส่งเสด็จให้เรียบร้อย จึงจะเข้าไปสักการะพระบรมศพได้ ทำให้เจ้าหน้าที่พยายามเร่งให้ทุกคนรีบเข้าวังให้เร็วที่สุด เพราะมีคนรออยู่ในเต็นท์อีกเยอะ เราก็เดินแกมวิ่ง ขณะที่คุณชายขายาวข้างๆก็แค่ก้าวถึ่ๆ ช่วงนี้เองทำให้แถวสลับมั่วเล็กน้อย เพื่อนๆที่มาด้วยกันไปรวมตัวอยู่แถวเดียวกัน และอยู่ถัดหน้าแถวเราไปอีก 1 แถว โดยมีคนอื่นมาคั่นแถวนึง แต่ก็ยังอยู่ในสายตา ช่วงที่เดิน เรามีหิ้วกระเป๋า 2 ใบ ใบหนึ่งใส่ของโน่นนี่นั่น อีกใบเป็นกระเป๋าสะพาย เขาก็หันมาถามว่าช่วยถือของมั้ย? แต่ก็ปฎิเสธไปแบบเกรงใจ เพราะก็ไม่ได้สนิทไรกันเพิ่งรู้จักจะให้ช่วยก็กระไรอยู่ ก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ...แล้วเราก็ถามเขาไปว่า มาคนเดียวเหรอค่ะ  "ครับ" เขาตอบกลับมา...ช่วงที่เดินเข้าไปในรั้ววัง ในวังเปิดไฟสวยมาก ไม่เคยมาช่วงกลางคืนมาก่อนตะลึงกันเลย ขณะนั้นเองเขาก็หันมาบอกกับเราว่า ตอนกลางคืนสวยดีเนอะ... อืมม..สวยมากเลย เคยเห็นแต่ตอนกลางวัน ได้มาเห็นตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบเนอะ...เราตอบเขาไป  จากนั้นเราก็เดินกันไปเงียบ เพราะอยู่ในวังแล้ว เราก็พยายามสงบเสงี่ยม อีกอย่างก็เริ่มใจเต้นที่จะได้เข้าสักการะพระบรมศพจริงๆ ระหว่างเดินเข้าบริเวณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าหน้าที่ก็ให้ถอดรองเท้าใส่ถุงดำไว้ ทำให้ถุงสัมภาระของเราเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง พะรุงพะรังไปอีก เขาก็ถามอีกครั้งว่าช่วยถือมั้ย เราก็ยังปฎิเสธเหมือนเดิม และเหตุผลเดิม...พอเข้าไปในบริเวณปราสาทจากแถวหน้ากระดานเรียง 4 ปรับให้เหลือ 2 ทำให้เรากับเพื่อนห่างกันไกลจนเริ่มไม่อยู่ในสายตา พอเข้าไปด้านในก็แยกให้ไปนั่งรอที่เต็นท์ พอได้ที่นั่งก็เจอเพื่อนว่าอยู่อีกด้านนึง จึงหันไปบอกเขาว่าเดี๋ยวจะย้ายที่ไปนั่งกับเพื่อนๆนะ ไม่ทันไร เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ลุกขึ้นตั้งแถวอีก ตอนนี้ชุลมุนมาก พลัดจากเพื่อนไปคนละทิศละทาง ตอนนั้นใจเสียมากเพราะดึกแล้ว และไม่คุ้นเคยกับแถวนั้นด้วย ใจก็คิดไปว่าถ้าไม่เจอเพื่อนจะกลับยังไงดี ตอนนั้นเราก็เดินเกาะติดไปกับเขาตลอด สักพักหลังจากเรียกตั้งแถวสลับไปสลับมา ก็กลับมาได้ยืนแถวเดียวกับเพื่อนอีกครั้ง ใจก็เริ่มชื้นขึ้นมา  แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกเป็นแถว 2 อีก ก็พลัดกับเพื่อนอีก ช่วงที่ตัดคนจะขึ้นสักการะบนปราสาท มีการตัดเศษเกินมาคนนึงทำให้เรากับเขาไม่ได้ยืนคู่กัน  ระหว่างที่ยืนรอจะขึ้น คนที่นั่งแถวหลังเราก็มายืนคู่เราแทน เขาก็ถามว่า เป็นแฟนกันหรือเปล่า มาด้วยกันใช่ม่ะ จะสลับที่มายืนคู่กันมั้ย เราก็รีบปฎิเสธไปบอกว่าไม่ใช่ค่ะ แค่อยู่แถวเดียวกัน แล้วเราก็ต่างคนต่างขึ้นไปไหว้ แต่ก็ได้นั่งข้างกันนะ แต่ตอนลงมาเรามัวแต่หาเงินทำบุญ เขาก็เลยเดินไปก่อน แต่เราก็พยายามมองหานะ...ก็เห็นเขากำลังใส่รองเท้า แต่เราก็เดินออกมาก่อน  จนมาด้านนอกยืนรอเพื่อน กำลังโทรหาเพื่อน ก็เห็นเขาเดินออกมา แล้วก็ข้ามถนนไปรอคิวมอร์เตอร์ไซด์ พอเพี่อนเราออกมาก็แยกย้ายกัน  เรากับเพื่อนอีกคนนั่งรถเมล์มาลงที่หน้ากองสลาก...

ค่ำคืนที่ผ่านมานอกเหนือจากความปลื้มปิติที่ได้เข้าสักการะพระบรมศพดังที่ตั้งใจไว้แล้ว อีกด้านนึงทำให้เห็นบรรยากาศของคนไทยที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่ต้องรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ทุกคนพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ ในสิ่งที่ตัวเองพอจะหยิบยื่นอะไรให้ได้ แม้แต่เพียงการช่วยหยิบจับเล็กน้อยๆ แบ่งปันอาหาร เครื่องดื่ม กระดาษทิชชู ฯ แม้ว่าการรอคอยจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ช่วงเวลานั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือขุ่นเคืองใจใดๆ เพราะทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็เพียงรอๆๆเวลาที่เราจะได้เข้าไปทำในสิ่งที่เราตั้งใจมาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว....

แต่...มีอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาทำให้รู้สึกประทับใจ ก็คือมิตรภาพของคนข้างๆ ที่ใช้เวลาร่วมกันไม่กี่ชั่วโมง ที่แม้จะคุยกันไม่กี่ประโยค แต่ก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ความใส่ใจ รู้สึกว่าเขาอยู่ข้างๆแล้วเราจะปลอดภัย ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร ถามว่าถ้าเจอเขาอีกครั้งจะจำได้มั้ย บอกเลยว่าจำหน้าไม่ได้แน่ๆ เพราะนั่งติดกันไม่กล้ามองหน้า แต่ถ้าเจอก็อาจจะคุ้นกับหนุ่มสูงขาวขายาว เสียงทุ้มๆน่าฟัง (แอบได้ยินตอนเขาคุยโทรศัพท์) ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ (ตอนที่เพื่อนๆหายไป) ขอบคุณน้ำใจที่คอยหยิบยื่นให้ ขอบคุณที่ทำให้ใจเต้น ขอบคุณที่ทำให้ค่ำคืนนี้มีอะไรพิเศษมากกว่าที่คิด...ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เรามาเจอกันในคืนนี้ แต่อยากบอกว่ารู้สึกดีที่ได้เจอ...ขอบคุณคนบนฟ้าที่ทำให้เราได้มาเจอกัน

ตัดภาพหลังจากลงรถเมล์...
ตอนนั้นก็ 5 ทุ่มกว่า เรากับเพื่อนอีกคนวิ่งข้ามถนนมาหน้าร้านศึกษาภัณฑ์...มีผู้ชายตัวเล็กๆเสื้อขาวนั่งรออยู่ (สามีที่รักมานั่งรอตั้งแต่ 4 ทุ่ม) ...เธอ มาแล้ว กลับบ้านกัน... ขึ้นรถ แล้วก็ส่งเพื่อนไปเอารถที่ทำงาน แล้วก็กลับบ้าน ถึงบ้านเที่ยงคืนกว่ารีบเข้าห้องไปหา 2 สาวที่คืนนี้คุณยายมานอนด้วย เพราะพ่อกับแม่กลับดึก ^^

........................................................................................................................................................................................................

ปล.ขอบคุณอารมณ์เผลอๆเมื่อเจอเธอ ที่ทำให้รุ้สึกเหมือนอายุถอยหลังไปสัก 20 ปี ฮ่าๆๆๆๆๆ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ  กระทู้นี้ตั้งขึ้นแค่อยากบันทึกเอาไว้ในความทรงจำที่เป็นความประทับใจหนึ่งในชีวิต (หลังแต่งาน)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่