“ถ้าคิดถึงฟ้า... ก็ให้แหงนหน้าขึ้นมอง เครื่องบินบนฟ้า…ไปแทนละกันนะอิๆๆ” เป็นประโยคที่เธอเอยขึ้นเล่นๆกับผมอย่างไม่จริงจัง ทีแรกที่ได้ยินก็ทำเอาปลื้มใจ แหงนคอมองหาเครื่องบินบนฟ้าใหญ่เลยแต่เอ๊ะสำนวนที่ว่า “หมามองเครื่องบิน” ก็ฝุดขึ้นมา อ้าวอีน้องฟ้า นี่เมิงหลอกด่ากรูนี่หว่า
ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งแรกที่เราพบกันได้ดี ในรถตู้สายกรุงเทพ-ชลบุรี จากหมอชิตสองมาได้ประมาณ30นาที ภายในรถแถวหลังสุด ผมนั่งตัวเกร็งอยู่เอามือจิกหน้าขาตัวเองเหงื่อไหลโทรมเต็มหน้า พร้อมกับท่อง พุธโทๆ ในใจ เดี่ยวก็ถึงโรงงานแล้วหนอ แป๊บเดี่ยวหนอ....ท้องเสียหนอ รู้สึกปวดขี้หนอ จะออกแล้วหนอ แต่จะลงก็มิได้ไม่ค่อยรู้ทางเพราะเข้ากรุงครั้งแรกกลัวหลงทาง
ผมเริ่มท้องเสียอย่างหนัก จนเผลอปล่อยอาวุธชีวภาพที่ไม่มีเสียงแต่มีกลิ่น ให้ทุกๆคนที่อยู่ในรถตู้ได้สูบดมกันอย่างทั่วถึง ตั้งแต่พี่ผู้ชายที่นั่งข้างๆจนไปถึงพี่คนขับตู้ เหม็นบรมขมคอไปทั่วรถ เสียงซุบซิบปนสาปแช่งดังระงมไปทั่วรถ
“ใครแม่ ง ตดวะ ไส้เน่าเหี๊ ยๆ เหม็นชิ หาย” ผมได้ยิ้มลอบตอบในใจ “กรูเองแหละ”
กลิ่นตดตลบอบอวนไปทั่วรถไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป จนพี่คนขับแกทนไม่ไหวถึงกับเลี้ยวรถเข้าปั๊ม ผมละขอบคุณพี่แกจริงๆ
“ผู้โดยสารครับ!” คนขับรถตู้พูดอย่างสุภาพ ผมลอบมองกระจกหน้า ถึงจะพูดไพเราะแต่ใบหน้าแกตอนนี้กลับชวนทะเลาะมากว่า
“ผมจะเติมแก๊ส ใครไม่ได้เข้าห้องน้ำ ก็รีบไปขี้เลยไป๊” แกตะคอกเสียงดัง แล้วตะคอกแบบนี้กรูก็กลัว ขี้หดตดหาย เดี่ยวขี้ไม่ออกกันพอดี
เมื่อประตูรถเปิดปุ๊บ ผู้โดยสารสิบกว่าคนก็แย่งกันกระโจนออกไปหาอากาศอันบริสุทธิ์หายใจ แต่กลับไม่มีใครคนไหนเดินออกห่างจากตัวรถเลย แน่ละใครเดินไปเข้าห้องน้ำเป็นคนแรกมันก็คือที่ตดอัดในรถไง ผมขี้แตกใส่กางเกงครั้งสุดท้ายก็ตอนอนุบาลและมันจะไม่มีครั้งสอง
ผมค่อยๆลุกขึ้นและยิ้มอย่างสุภาพจากเบาะนั่งเป็นคนสุดท้าย คว้ากระเป๋าสะพาย ก้าวลงจากรถ ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผม รู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่มิอาจสั่นคลอนจิตใจผมได้ ผมรีบจวงเดินไปห้องน้ำทันทีโดยไม่สนสายตาที่จ้องจะด่าผม แต่ก็เดินได้ไม่ถนัดนัก สภาพเหมือนคนเดินหวงตูดตัวเอง เอามือข้างหนึ่งกุมตูดไว้ จะเดินเหมือนคนปกติก็ไม่ได้มันทำไม่ได้จริงๆ เพราะต้องใช้ตูดหนีบคลี่เอาไว้นั้นเอง
อาสวรรค์มีอยู่จริงๆ เมื่อผมห้องน้ำเสร็จแล้ว ความทุกข์หายไปความอายก็บังเกิดรู้ ก็แหมผมตดให้ดมกันทั้งรถ คงทำอะไรได้นอกจากเดินขึ้นรถยิ้มอย่างเอียงอาย
แต่ใครจะรู้ละ ว่าจะในรถตู้คันนี้จะมีคนฝึกงานที่เดียวกับผม เมื่อรถตู้จอดที่หน้าโรงงานแห่งหนึ่งแถวๆบางปะกง ผู้หญิงสองคนตัวเล็กๆท่าทางจะสวย หอบเอาข้าวของลงจากรถมาพะรุงพะรัง หนึ่งในนั้นก็คือน้องฟ้าผมหลงใหลนั้นเอง
ผมเดินตามหลังเธอสองคนเข้าไปในโรงงานได้สักครู่หนึ่ง เพราะระยะทางไกลอยู่พอสมควร จนพวกเธอเริ่มไม่ไว้ใจหันหน้ามามองผม แล้วหันหน้าเอามือป้องหูกันทำท่ากระซิบกระซาบ แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน
“แกๆ ไอ้ขี้ มันเดินตามเรามา”
อะเห้อผมคิดในใจ “กระซิบเ หี้ยอะไรกัน เมิงพูดซะดังเลย แล้วคำว่า ไอ้คลี่นี่เน้นจังเลยนะ เมิงไม่เคยปวดขี้ในที่สาธารณะกันหรือไง หา” ผมเดือดปุดๆแต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน จนกระทั่งอีกร้อยเมตรผ่านไป
“คนอะไร ไส้เน่า ตดเม๊น เหม็น เนอ แหวะ”
“แก๊ เสียมารยาท! พูดเงียบซิๆ เดี่ยวเค้าก็ยินได้หรอกอิๆ คิกคักๆ ” พวกเธอพูดพลางชายตามองผมแล้วหันหน้าไปวีดวายกระตู้ฮู้กันใหญ่
“แหม๊ เสียมารยาท เสียงพวกเมิงนี่ชาวบ้านเค้าได้ยินกันทั่วนิคมแล้วม้าง หันหน้ามาแล้วพูดกะกรูตรงๆก็ได้ พ่อก็ตบปากเรียงตัวแม่ ง” ผมคิดในใจ
"เออคือ สองคนหน้าข้างมีปัญหาอะไรกับผมไหมครับ” ผมถามด้วยความสุภาพทำหน้าขึงขัง ได้ผล
ยัยสองคนหยุดเดินแล้วหันกลับมามองผมทำหน้าแอบแบ๊วใส่
“หาหือ ตะกี้พูดอะไรเหรอค่ะ” คนหนึ่งยิ้มอย่างใสซื่อตอบมา ทำเอาผมใจอ่อน
“เปล่าครับๆ” ผมยิ้มเจื่อนตอบ คิดว่าเจตนาของพวกเธอคงมิได้ตั้งล้อผม
“ค่ะ ปัญหาน่ะไม่มีค่ะ แต่คราวหน้าอย่าไปตดให้ใครดมอีกนะคร้า มันเหม็น อ๊ะๆฮ่าๆ ฮิ้วๆ” เอิมตั้งใจล้อกรูจริงๆนี่หว่า
“ ไปเร็วววว นั้นๆ อีฟ้าเค้าโกรธแล้วเมิง ไปเร็วววๆ”
“เมิงอะ ไปล้อเค้า เดี่ยวก็โดนผู้ชายต่อยหรอก อิๆๆคิๆๆ” ว่ายัยสองคนนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปลับตา
“อีพวกนังชะนี! ขอให้พวกเมิงหาผัวไม่ได้” ผมได้แต่ตะโกนสาปแช่งตามท้ายไป
ผมก้มหน้า ยืนกำหมัดแน่นทั้งขายหน้า ทั้งคิดแค้นใจหาที่ระบายไม่ได้ เออมันผิดที่ตูดกรูไอ้ตูดไม่รักดี เนรคุณเจ้าของทำให้ข้าต้องอับอาย ตัดทิ้งแม ่ง ผมยกมือขึ้นพนมไหว้
"ต่อหน้าฟ้าดิน ข้านาย.....ขอตั้งสัตย์ปฏิภาณว่า คราใดที่ขี้นรถสาธารณะ จักมิทำตนสร้างความเดือนให้อาณาประชาราษฎร์ด้วยตดแล้วไซร์ หากข้าตระบัดสัตย์แล้วฉันใด ขอให้โดนอัดถั่วดำตายนฉันนั้นแล อ้ออีกอย่างขออย่าให้พอเจอะเจอนังชนะนีสองตัวนี้ด้วยเทอญ สาธุ" กระทืบเท้าอีกสามทีเพื่อตัดไม้ข่มนาม นี่กรูทำต้องขนาดเลยเหรอ
แต่เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ผมจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ ณ ไลน์การผลิตของโรงงานแห่งนี้ก็ได้เจอยัยคนสองนี้ นี่เป็นบทเริ่มต้นแห่งการชำระแค้นและความรักกันน้องฟ้า!
ถ้าคิดถึง ฟ้า
ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งแรกที่เราพบกันได้ดี ในรถตู้สายกรุงเทพ-ชลบุรี จากหมอชิตสองมาได้ประมาณ30นาที ภายในรถแถวหลังสุด ผมนั่งตัวเกร็งอยู่เอามือจิกหน้าขาตัวเองเหงื่อไหลโทรมเต็มหน้า พร้อมกับท่อง พุธโทๆ ในใจ เดี่ยวก็ถึงโรงงานแล้วหนอ แป๊บเดี่ยวหนอ....ท้องเสียหนอ รู้สึกปวดขี้หนอ จะออกแล้วหนอ แต่จะลงก็มิได้ไม่ค่อยรู้ทางเพราะเข้ากรุงครั้งแรกกลัวหลงทาง
ผมเริ่มท้องเสียอย่างหนัก จนเผลอปล่อยอาวุธชีวภาพที่ไม่มีเสียงแต่มีกลิ่น ให้ทุกๆคนที่อยู่ในรถตู้ได้สูบดมกันอย่างทั่วถึง ตั้งแต่พี่ผู้ชายที่นั่งข้างๆจนไปถึงพี่คนขับตู้ เหม็นบรมขมคอไปทั่วรถ เสียงซุบซิบปนสาปแช่งดังระงมไปทั่วรถ
“ใครแม่ ง ตดวะ ไส้เน่าเหี๊ ยๆ เหม็นชิ หาย” ผมได้ยิ้มลอบตอบในใจ “กรูเองแหละ”
กลิ่นตดตลบอบอวนไปทั่วรถไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป จนพี่คนขับแกทนไม่ไหวถึงกับเลี้ยวรถเข้าปั๊ม ผมละขอบคุณพี่แกจริงๆ
“ผู้โดยสารครับ!” คนขับรถตู้พูดอย่างสุภาพ ผมลอบมองกระจกหน้า ถึงจะพูดไพเราะแต่ใบหน้าแกตอนนี้กลับชวนทะเลาะมากว่า
“ผมจะเติมแก๊ส ใครไม่ได้เข้าห้องน้ำ ก็รีบไปขี้เลยไป๊” แกตะคอกเสียงดัง แล้วตะคอกแบบนี้กรูก็กลัว ขี้หดตดหาย เดี่ยวขี้ไม่ออกกันพอดี
เมื่อประตูรถเปิดปุ๊บ ผู้โดยสารสิบกว่าคนก็แย่งกันกระโจนออกไปหาอากาศอันบริสุทธิ์หายใจ แต่กลับไม่มีใครคนไหนเดินออกห่างจากตัวรถเลย แน่ละใครเดินไปเข้าห้องน้ำเป็นคนแรกมันก็คือที่ตดอัดในรถไง ผมขี้แตกใส่กางเกงครั้งสุดท้ายก็ตอนอนุบาลและมันจะไม่มีครั้งสอง
ผมค่อยๆลุกขึ้นและยิ้มอย่างสุภาพจากเบาะนั่งเป็นคนสุดท้าย คว้ากระเป๋าสะพาย ก้าวลงจากรถ ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผม รู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่มิอาจสั่นคลอนจิตใจผมได้ ผมรีบจวงเดินไปห้องน้ำทันทีโดยไม่สนสายตาที่จ้องจะด่าผม แต่ก็เดินได้ไม่ถนัดนัก สภาพเหมือนคนเดินหวงตูดตัวเอง เอามือข้างหนึ่งกุมตูดไว้ จะเดินเหมือนคนปกติก็ไม่ได้มันทำไม่ได้จริงๆ เพราะต้องใช้ตูดหนีบคลี่เอาไว้นั้นเอง
อาสวรรค์มีอยู่จริงๆ เมื่อผมห้องน้ำเสร็จแล้ว ความทุกข์หายไปความอายก็บังเกิดรู้ ก็แหมผมตดให้ดมกันทั้งรถ คงทำอะไรได้นอกจากเดินขึ้นรถยิ้มอย่างเอียงอาย
แต่ใครจะรู้ละ ว่าจะในรถตู้คันนี้จะมีคนฝึกงานที่เดียวกับผม เมื่อรถตู้จอดที่หน้าโรงงานแห่งหนึ่งแถวๆบางปะกง ผู้หญิงสองคนตัวเล็กๆท่าทางจะสวย หอบเอาข้าวของลงจากรถมาพะรุงพะรัง หนึ่งในนั้นก็คือน้องฟ้าผมหลงใหลนั้นเอง
ผมเดินตามหลังเธอสองคนเข้าไปในโรงงานได้สักครู่หนึ่ง เพราะระยะทางไกลอยู่พอสมควร จนพวกเธอเริ่มไม่ไว้ใจหันหน้ามามองผม แล้วหันหน้าเอามือป้องหูกันทำท่ากระซิบกระซาบ แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน
“แกๆ ไอ้ขี้ มันเดินตามเรามา”
อะเห้อผมคิดในใจ “กระซิบเ หี้ยอะไรกัน เมิงพูดซะดังเลย แล้วคำว่า ไอ้คลี่นี่เน้นจังเลยนะ เมิงไม่เคยปวดขี้ในที่สาธารณะกันหรือไง หา” ผมเดือดปุดๆแต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน จนกระทั่งอีกร้อยเมตรผ่านไป
“คนอะไร ไส้เน่า ตดเม๊น เหม็น เนอ แหวะ”
“แก๊ เสียมารยาท! พูดเงียบซิๆ เดี่ยวเค้าก็ยินได้หรอกอิๆ คิกคักๆ ” พวกเธอพูดพลางชายตามองผมแล้วหันหน้าไปวีดวายกระตู้ฮู้กันใหญ่
“แหม๊ เสียมารยาท เสียงพวกเมิงนี่ชาวบ้านเค้าได้ยินกันทั่วนิคมแล้วม้าง หันหน้ามาแล้วพูดกะกรูตรงๆก็ได้ พ่อก็ตบปากเรียงตัวแม่ ง” ผมคิดในใจ
"เออคือ สองคนหน้าข้างมีปัญหาอะไรกับผมไหมครับ” ผมถามด้วยความสุภาพทำหน้าขึงขัง ได้ผล
ยัยสองคนหยุดเดินแล้วหันกลับมามองผมทำหน้าแอบแบ๊วใส่
“หาหือ ตะกี้พูดอะไรเหรอค่ะ” คนหนึ่งยิ้มอย่างใสซื่อตอบมา ทำเอาผมใจอ่อน
“เปล่าครับๆ” ผมยิ้มเจื่อนตอบ คิดว่าเจตนาของพวกเธอคงมิได้ตั้งล้อผม
“ค่ะ ปัญหาน่ะไม่มีค่ะ แต่คราวหน้าอย่าไปตดให้ใครดมอีกนะคร้า มันเหม็น อ๊ะๆฮ่าๆ ฮิ้วๆ” เอิมตั้งใจล้อกรูจริงๆนี่หว่า
“ ไปเร็วววว นั้นๆ อีฟ้าเค้าโกรธแล้วเมิง ไปเร็วววๆ”
“เมิงอะ ไปล้อเค้า เดี่ยวก็โดนผู้ชายต่อยหรอก อิๆๆคิๆๆ” ว่ายัยสองคนนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปลับตา
“อีพวกนังชะนี! ขอให้พวกเมิงหาผัวไม่ได้” ผมได้แต่ตะโกนสาปแช่งตามท้ายไป
ผมก้มหน้า ยืนกำหมัดแน่นทั้งขายหน้า ทั้งคิดแค้นใจหาที่ระบายไม่ได้ เออมันผิดที่ตูดกรูไอ้ตูดไม่รักดี เนรคุณเจ้าของทำให้ข้าต้องอับอาย ตัดทิ้งแม ่ง ผมยกมือขึ้นพนมไหว้
"ต่อหน้าฟ้าดิน ข้านาย.....ขอตั้งสัตย์ปฏิภาณว่า คราใดที่ขี้นรถสาธารณะ จักมิทำตนสร้างความเดือนให้อาณาประชาราษฎร์ด้วยตดแล้วไซร์ หากข้าตระบัดสัตย์แล้วฉันใด ขอให้โดนอัดถั่วดำตายนฉันนั้นแล อ้ออีกอย่างขออย่าให้พอเจอะเจอนังชนะนีสองตัวนี้ด้วยเทอญ สาธุ" กระทืบเท้าอีกสามทีเพื่อตัดไม้ข่มนาม นี่กรูทำต้องขนาดเลยเหรอ
แต่เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ผมจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ ณ ไลน์การผลิตของโรงงานแห่งนี้ก็ได้เจอยัยคนสองนี้ นี่เป็นบทเริ่มต้นแห่งการชำระแค้นและความรักกันน้องฟ้า!