สวัสดีครับ...หลายๆคนน่าจะงงตั้งแต่หัวกระทู้แล้ว ว่าเนื้อหาในนี้จะเป็นยังไง
ตามที่บอกครับ ทริปนี้เป้าหมายหลักคือมาดูคอนเสิร์ตของ Aoi Eir แต่ก็เป็นการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกด้วย ดังนั้นทั้งคอนเสิร์ตทั้งเที่ยวต้องเอาให้ครบ
เนื่องจากช่วงเย็นของวันที่ 4-5 พ.ย. จะมาดูคอนเสิร์ตที่บุโดกัน ทริปนี้เลยเน้นเที่ยวอยู่ในตัวเมืองโตเกียวและใช้ Tokyo Metro PASS เป็นหลักครับ
โดยครั้งนี้ได้ลากเพื่อนมาช่วยนำทางคร่าวๆด้วยอีกหนึ่งคน พอดีเพื่อนเค้าตั้งใจว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงๆนี้ เลยตัดสินใจมาด้วยกัน แต่ช่วงที่ผมไปดูคอนเสิร์ต จะแยกตัวออกไปเที่ยวของเค้าเอง
ตารางการเที่ยว 5 วัน ตามนี้ครับ
Day 1 : กรุงเทพ - ฮาเนดะ ,โยโกฮาม่า
Day 2 : อาซาคุสะ ,อิเคะโบคุโระ
Day 3 : สวนรอบพระราชวัง ,อากิฮาบาร่า
Day 4 : นาคาโนะ ,ชินจูกุ ,ชิบุยะ ,อุเอโนะ
Day 5 : ซึคิจิ ,ฮาราจุกุ ,ศาลเจ้าเมจิ ,โอไดบะ ,ฮาเนดะ
ตั๋วเครื่องบิน
ตอนที่ประกาศวันจัดคอนเสิร์ตออกมา พวกlow cost ไม่มีโปรอะไรออกมา เลยไปเลือกสายการบินฟลูเซอร์วิสไปลงที่ฮาเนดะ
ทริปนี้เลยจองสายการบิน ANA ตอนต้นเดือนส.ค. ได้มาที่ราคา 18,800บาท (อันนี้พลาดไปหน่อย พอดีมีรอเพื่อนอีกคนนึงว่าเค้าจะไปด้วยรึเปล่า เลยจองช้าไปอาทิตย์นึง ถ้าจองช่วงปลาย ก.ค. จะได้ราคาที่ 17,800บาท)
ไฟลท์ที่ได้ ขาไปออกจากกรุงเทพตอน 22.45 น. ของวันที่ 2 พ.ย.
ส่วนขากลับจะเป็นตอน 00.30 น. ของวันที่ 8 พ.ย.
ที่เลือกไปลงฮาเนดะ เพราะมีข้อดีเรื่องรถไฟเข้าออกเมืองครับ ประหยัดเงินกว่าในเวลาที่พอๆกัน ค่ารถไฟรอบนึงไม่ถึง 500เยน ถ้าเป็นนาริตะต้องใช้รถด่วนเข้าเมือง ไป-กลับก็มีส่วนต่างขั้นต่ำร่วม 3,000เยนเลยล่ะครับ
แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องตารางเวลามาก เพราะเป็นรถไฟปกติ มีวิ่งเรื่อยๆตลอด
ซิมมือถือ
AIS sim2fly 399บาท
เรื่องสัญญาณ ไม่มีปัญหาครับ ใช้ได้สบาย จะมีติดขัดแค่เวลาอยู่ในรถไฟใต้ดิน แต่แค่บางจุดระยะสั้นๆ โดนรวมไม่มีปัญหาครับ
แต่ซิมของเพื่อนได้แบบหน้าแพ็คเกตเป็นราคา50บาท แล้วเติมเงินเพิ่มตอนซื้อซิม ตัวนี้มีปัญหาต้องไปนั่งเคลียร์กับcall center อยู่ระยะนึง
ของผมได้แบบหน้าแพ็คเกตเป็นราคา399บาท อันนี้ใช้ได้เลย ไม่มีปัญหาอะไร
ที่พัก
Toyoko Inn : Nishi-Kasai
ราคาสำหรับ4คืนหักส่วนลดเมมเบอร์ 30,508 เยน (หารกับเพื่อนเหลือคนละ 15,000เยนนิดๆ)
Kasai เป็นเขตเมืองใหม่ ดูน่าอยู่ ร้านค้า,ร้านอาหาร มีพร้อม
อาจจะดูไกลหน่อย แต่เดินทางสะดวก เหมาะกับคนที่ใช้ Tokyo metro PASS ครับ เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟมาก แต่ถ้าไม่ได้ใช้พาสนี้ ก็ไม่ค่อยแนะนำเพราะอาจจะเปลืองค่ารถไฟ
ดูรีวิวโรงแรมได้ที่นี่ครับ
http://ppantip.com/topic/35842360
อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายรูป
PANASONIC GX1 + เลนส์ 14-42x (จะมีกล้องมือถือMI3 แซมมาบ้าง)
ภาพทั้งหมดเอาไฟล์ JPG จากกล้องมาย่อขนาดอย่างเดียว
มาเข้าส่วนของการเดินทางท่องเที่ยวกันดีกว่าครับ
DAY 1 : กรุงเทพ - ฮาเนดะ ,โยโกฮาม่า
ไฟลท์ออกเวลา 22.45น. ของวันที่ 2 พ.ย. ครับ
ถึงฮาเนดะตอน 6.30น. ของวันที่ 3 พ.ย. พร้อมลุยเที่ยวทั้งวัน
ถึงญี่ปุ่นแล้ว
ที่ฮาเนดะจะมีโซนร้านอาหาร ,ร้านขายของ เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นอยู่ครับ
มีจุดให้ออกไปดูบริเวณสนามบินอยู่ อากาศช่วงนั้นเย็นกำลังดีเลย (แต่ถ้าลมพัดมาแรงๆก็หนาวสั่นเหมือนกัน)
จากนั้นก็ลงมาซื้อพาส พวกผมเน้นอยู่ในเมืองโตเกียว เลยซื้อ Tokyo metro PASS แบบ 72ชม. กับ 24ชม. ครอบคลุมช่วงที่อยู่พอดี
แล้วบูทของ Tokyo Metro เค้าก็มีขายบัตร PASMO ราคา3,000เยน (ใช้งานได้ 2,500เยน) และเขียนไว้ว่าเวลาคืนบัตร จะได้เงินค่าบัตร500เยน+เงินที่เหลือแบบเต็มๆไม่มีหักค่าธรรมเนียม (รู้สึกถ้าSuica ของJR คืนบัตรจะโดนหักไป 220เยน)
เลยจัดPASMO มาด้วย เพราะวันนี้ต้องใช้ แล้วก็เผื่อใช้วันอื่นๆอีก
มาเข้าเมืองกันดีกว่า
ถ้าจะเข้าไปในโตเกียวโดยรถไฟ จะมี2ทางครับ อย่างแรกคือ Tokyo Monorail
โดย Tokyo Monorail จะลงไปที่สถานี Hamamatsucho ใช้เวลา 15-20นาที
ผมลองใช้สายนี้ตอนขากลับ รถไฟจะค่อนข้างเล็กนะครับ เวลานั่งออกจะสั่นๆอยู่ แต่ถ้าใครกลับไฟลท์ดึกๆ ตอนเช้าเอากระเป๋ามาเก็บไว้ที่สถานี Hamamatsucho แล้วค่อยไปเดินเที่ยวก็ได้ครับ ตู้ล็อคเกอร์ให้เช่ามีเยอะ แล้วสถานีไม่ใหญ่มาก ไม่หลงเวลาหากระเป๋าแน่นอน
ปล. เหมาะกับคนที่ใช้ Tokyo metro pass อยู่นะ ใช้PassมาลงสถานีDaimon แล้วเดินมานิดเดียวเอง (ถ้าไปทาง Shinagawa ต้องไปใช้ของ JR)
อีกสายนึงคือ Keikyu ถ้าจะเข้าโตเกียวก็ไปลงที่ Shinagawa ครับ ใช้เวลาราวๆ 20นาที ส่วนวันนี้ผมนั่งไป Yokohama ครับ
ราคาเบาๆ 450เยน นั่งไปราวๆ30นาที
มาถึงโยโกฮาม่าเกือบ 9 โมงได้ จากนั้นก็ไปหาตู้ล็อคเกอร์เพื่อเก็บกระเป๋า แล้วก็เดินสำรวจรอบๆสถานีจนเกือบสิบโมง
โยโดบาชิเปิดพอดี เลยเริ่มทริปโดยการแวะไปซื้อของกันก่อนเลย
เริ่มทริปเที่ยวจริงๆจังๆซักที ที่แรกคือ โรงเบียร์คิริน
นั่งรถไฟย้อนขึ้นจากสถานี Yokahama ไปลงที่สถานี Shin-Koyasu
จากนั้นเปิด Google map ลุย
ออกจากสถานีให้ไปทางซ้าย พอเจอถนนใหญ่ก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงยาวขึ้นไปเลย
เดินไปซักพักจะเห็นตึกที่มีป้าย Kirin อยู่
อ้าว...ไม่ใช่ ให้เดินต่อไปอีก 555
อันนี้ถึงจริงๆล่ะ พอดีโรงเบียร์เค้าโดนทางด่วนบังด้านหน้า เลยไปเช่าตึกเมื่อกี้ติดเหมือนป้ายโฆษณาให้คนเห็น
ด้านหน้าจะมีร้านอาหาร SPRING VALLEY BREWERY ตั้งใจจะมากินข้าวเที่ยงที่นี่หลังจากทัวร์ในโรงเบียร์เสร็จ
ตอนไปถึงพนักงานต้อนรับก็เชิญเราอย่างดี มีให้กรอกข้อมูลลงทะเบียนเข้าชมนิดหน่อย แต่เข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
แล้วรอบทัวร์ใกล้จะเริ่มพอดี แต่รอบนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น เค้าถามว่าเราโอเคไหม
พวกผมก็โอเค พอฟังญี่ปุ่นได้นิดนึง กะว่าเดี๋ยวนั่งดำน้ำเอาแล้วกัน แต่เค้ามีเอกสารภาษาอังกฤษให้เอาไปอ่านระหว่างทัวร์ด้วย
ห้องที่ให้นั่งรอ จะมีตู้โชว์ผลิตภัณฑ์ของKirin มีตั้งแต่เหล้าเบียร์ ยันซอฟท์ดริ้ง
มอลล์กับฮอป วัตถุดิบหลักของเบียร์
ฮอป
ขวดใส่มอลล์ สำหรับให้เทเอามาชิมกัน
หม้อต้มเบียร์
จุดขายหลักของเบียร์คิริน ส่วนของน้ำมอลล์ที่ใช้ ยี่ห้ออื่นจะเอาน้ำหนึ่งกับน้ำสองเอามาผสมกัน แต่ของคิรินจะใช้แค่น้ำหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
ช่วงนี้เค้าให้ชิม น้ำมอลล์ น้ำหนึ่งกับน้ำสองเทียบกันเลย
แค่สีก็ต่างกันคนละเรื่องแล้ว
น้ำหนึ่งรสชาติอร่อยมาก หวานอ่อนๆมีกลิ่นหอมของมอลล์เข้มข้น จนอยากจะบอกคิรินว่า ทำตัวนี้ออกมาขายได้มั้ย ไม่ต้องเอาไปหมักทำเบียร์หรอก
ส่วนน้ำสองนี่ออกจืดๆฝาดๆ เกือบจะเป็นน้ำข้าวต้มเลยทีเดียว
จากนั้นเค้าก็แนะนำและพาชมกรรมวิธีผลิตเบียร์จนกระทั่งการบรรจุหีบห่อ ทัวร์ใช้เวลาทั้งหมดราวๆ 1ชม.
จากนั้นถึงเวลาที่หลายคนรอคอย ....ชิมเบียร์
มีเบียร์3อย่างให้เลือก คนนึงให้ชิมได้ชนิดละแก้วครับ
เบียร์ตัวหลักของKirin
น่าจะเป็นรุ่นที่เพิ่มฮอปเป็นพิเศษ
เบียร์ดำ
ปกติไม่ใช่คนดื่มเบียร์ เลยอธิบายไม่ได้ว่ารสชาติเป็นยังไง แต่รู้สึกเบียร์ของเค้าจะมีรสชาติมากกว่าของบ้านเรา (ส่วนตัวไม่ชอบกินเบียร์ เพราะรู้สึกมันจืดๆ ขมๆ แต่ของที่ชิมนี่ถือว่ารสชาติโอเคเลย)
ตอนแรกพวกผมหยิบเบียร์ตัวหลักมากินคนละแก้ว กินไปนี่เริ่มจุกนิดๆ แต่ยังอยากชิมให้ครบ เลยไปเอาอีกชนิดมาคนละแก้วแล้วแบ่งๆกันชิม
สรุปคือกินกันคนละ2แก้ว...........เมาซะงั้นล่ะครับ ปกติที่เคยกินแค่นั้นไม่น่าจะเมาได้
แต่สงสัยเพราะตอนนั้นท้องว่างพอดี เรียบร้อยครับ หัวมึนๆไปร่วมชั่วโมง 555
พอจบการทัวร์ มีร้านขายขนม,ของที่ระลึก อยู่ตรงทางออก
กะว่าจะมาเที่ยวฟรี สุดท้ายก็ซื้อขนมกลับไป 3-4อย่างจนได้
ออกมาที่สวนด้านข้างโรงงาน เดินตามทางจะกลับไปที่ด้านหน้าโรงงาน
วนกลับมาเจอร้าน SVB
.......ยังมึนหัวอยู่ แล้วก็จุกเบียร์ด้วย ขอกลับก่อนล่ะรอบนี้ ยังกินข้าวไม่ลง
วันหลังจะมาใหม่นะ จะไม่ชิมเบียร์เยอะๆตอนท้องว่างอีกแล้ว T_T
แล้วขากลับ เห็นฝั่งตรงข้ามของโรงเบียร์ กำลังก่อสร้างอะไรอยู่ ลองอ่านป้ายที่ติดไว้ เหมือนเค้ากำลังจะสร้างเพิ่มสถานีตรงจุดนี้ (แต่ไม่ชัวร์นะครับ ภาษาญี่ปุ่นกากๆอยู่ อ่านได้บ้าง เดาบ้าง)
หลังจากนั้นก็กลับไปสถานี Yokohama เพื่อจะไปเที่ยวจุดอื่นต่อไป
[CR] TOKYO TRiP(+YOKAHAMA) ทริปเที่ยวญี่ปุ่นเพี้ยนๆ 5วัน (3-7 พ.ย. 2559) เพราะประเด็นหลักคือดูคอนเสิร์ต [DAY1 : Yokohama]
สวัสดีครับ...หลายๆคนน่าจะงงตั้งแต่หัวกระทู้แล้ว ว่าเนื้อหาในนี้จะเป็นยังไง
ตามที่บอกครับ ทริปนี้เป้าหมายหลักคือมาดูคอนเสิร์ตของ Aoi Eir แต่ก็เป็นการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกด้วย ดังนั้นทั้งคอนเสิร์ตทั้งเที่ยวต้องเอาให้ครบ
เนื่องจากช่วงเย็นของวันที่ 4-5 พ.ย. จะมาดูคอนเสิร์ตที่บุโดกัน ทริปนี้เลยเน้นเที่ยวอยู่ในตัวเมืองโตเกียวและใช้ Tokyo Metro PASS เป็นหลักครับ
โดยครั้งนี้ได้ลากเพื่อนมาช่วยนำทางคร่าวๆด้วยอีกหนึ่งคน พอดีเพื่อนเค้าตั้งใจว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงๆนี้ เลยตัดสินใจมาด้วยกัน แต่ช่วงที่ผมไปดูคอนเสิร์ต จะแยกตัวออกไปเที่ยวของเค้าเอง
ตารางการเที่ยว 5 วัน ตามนี้ครับ
Day 1 : กรุงเทพ - ฮาเนดะ ,โยโกฮาม่า
Day 2 : อาซาคุสะ ,อิเคะโบคุโระ
Day 3 : สวนรอบพระราชวัง ,อากิฮาบาร่า
Day 4 : นาคาโนะ ,ชินจูกุ ,ชิบุยะ ,อุเอโนะ
Day 5 : ซึคิจิ ,ฮาราจุกุ ,ศาลเจ้าเมจิ ,โอไดบะ ,ฮาเนดะ
ตั๋วเครื่องบิน
ตอนที่ประกาศวันจัดคอนเสิร์ตออกมา พวกlow cost ไม่มีโปรอะไรออกมา เลยไปเลือกสายการบินฟลูเซอร์วิสไปลงที่ฮาเนดะ
ทริปนี้เลยจองสายการบิน ANA ตอนต้นเดือนส.ค. ได้มาที่ราคา 18,800บาท (อันนี้พลาดไปหน่อย พอดีมีรอเพื่อนอีกคนนึงว่าเค้าจะไปด้วยรึเปล่า เลยจองช้าไปอาทิตย์นึง ถ้าจองช่วงปลาย ก.ค. จะได้ราคาที่ 17,800บาท)
ไฟลท์ที่ได้ ขาไปออกจากกรุงเทพตอน 22.45 น. ของวันที่ 2 พ.ย.
ส่วนขากลับจะเป็นตอน 00.30 น. ของวันที่ 8 พ.ย.
ที่เลือกไปลงฮาเนดะ เพราะมีข้อดีเรื่องรถไฟเข้าออกเมืองครับ ประหยัดเงินกว่าในเวลาที่พอๆกัน ค่ารถไฟรอบนึงไม่ถึง 500เยน ถ้าเป็นนาริตะต้องใช้รถด่วนเข้าเมือง ไป-กลับก็มีส่วนต่างขั้นต่ำร่วม 3,000เยนเลยล่ะครับ
แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องตารางเวลามาก เพราะเป็นรถไฟปกติ มีวิ่งเรื่อยๆตลอด
ซิมมือถือ
AIS sim2fly 399บาท
เรื่องสัญญาณ ไม่มีปัญหาครับ ใช้ได้สบาย จะมีติดขัดแค่เวลาอยู่ในรถไฟใต้ดิน แต่แค่บางจุดระยะสั้นๆ โดนรวมไม่มีปัญหาครับ
แต่ซิมของเพื่อนได้แบบหน้าแพ็คเกตเป็นราคา50บาท แล้วเติมเงินเพิ่มตอนซื้อซิม ตัวนี้มีปัญหาต้องไปนั่งเคลียร์กับcall center อยู่ระยะนึง
ของผมได้แบบหน้าแพ็คเกตเป็นราคา399บาท อันนี้ใช้ได้เลย ไม่มีปัญหาอะไร
ที่พัก
Toyoko Inn : Nishi-Kasai
ราคาสำหรับ4คืนหักส่วนลดเมมเบอร์ 30,508 เยน (หารกับเพื่อนเหลือคนละ 15,000เยนนิดๆ)
Kasai เป็นเขตเมืองใหม่ ดูน่าอยู่ ร้านค้า,ร้านอาหาร มีพร้อม
อาจจะดูไกลหน่อย แต่เดินทางสะดวก เหมาะกับคนที่ใช้ Tokyo metro PASS ครับ เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟมาก แต่ถ้าไม่ได้ใช้พาสนี้ ก็ไม่ค่อยแนะนำเพราะอาจจะเปลืองค่ารถไฟ
ดูรีวิวโรงแรมได้ที่นี่ครับ http://ppantip.com/topic/35842360
อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายรูป
PANASONIC GX1 + เลนส์ 14-42x (จะมีกล้องมือถือMI3 แซมมาบ้าง)
ภาพทั้งหมดเอาไฟล์ JPG จากกล้องมาย่อขนาดอย่างเดียว
มาเข้าส่วนของการเดินทางท่องเที่ยวกันดีกว่าครับ
DAY 1 : กรุงเทพ - ฮาเนดะ ,โยโกฮาม่า
ไฟลท์ออกเวลา 22.45น. ของวันที่ 2 พ.ย. ครับ
ถึงฮาเนดะตอน 6.30น. ของวันที่ 3 พ.ย. พร้อมลุยเที่ยวทั้งวัน
ถึงญี่ปุ่นแล้ว
ที่ฮาเนดะจะมีโซนร้านอาหาร ,ร้านขายของ เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นอยู่ครับ
มีจุดให้ออกไปดูบริเวณสนามบินอยู่ อากาศช่วงนั้นเย็นกำลังดีเลย (แต่ถ้าลมพัดมาแรงๆก็หนาวสั่นเหมือนกัน)
จากนั้นก็ลงมาซื้อพาส พวกผมเน้นอยู่ในเมืองโตเกียว เลยซื้อ Tokyo metro PASS แบบ 72ชม. กับ 24ชม. ครอบคลุมช่วงที่อยู่พอดี
แล้วบูทของ Tokyo Metro เค้าก็มีขายบัตร PASMO ราคา3,000เยน (ใช้งานได้ 2,500เยน) และเขียนไว้ว่าเวลาคืนบัตร จะได้เงินค่าบัตร500เยน+เงินที่เหลือแบบเต็มๆไม่มีหักค่าธรรมเนียม (รู้สึกถ้าSuica ของJR คืนบัตรจะโดนหักไป 220เยน)
เลยจัดPASMO มาด้วย เพราะวันนี้ต้องใช้ แล้วก็เผื่อใช้วันอื่นๆอีก
มาเข้าเมืองกันดีกว่า
ถ้าจะเข้าไปในโตเกียวโดยรถไฟ จะมี2ทางครับ อย่างแรกคือ Tokyo Monorail
โดย Tokyo Monorail จะลงไปที่สถานี Hamamatsucho ใช้เวลา 15-20นาที
ผมลองใช้สายนี้ตอนขากลับ รถไฟจะค่อนข้างเล็กนะครับ เวลานั่งออกจะสั่นๆอยู่ แต่ถ้าใครกลับไฟลท์ดึกๆ ตอนเช้าเอากระเป๋ามาเก็บไว้ที่สถานี Hamamatsucho แล้วค่อยไปเดินเที่ยวก็ได้ครับ ตู้ล็อคเกอร์ให้เช่ามีเยอะ แล้วสถานีไม่ใหญ่มาก ไม่หลงเวลาหากระเป๋าแน่นอน
ปล. เหมาะกับคนที่ใช้ Tokyo metro pass อยู่นะ ใช้PassมาลงสถานีDaimon แล้วเดินมานิดเดียวเอง (ถ้าไปทาง Shinagawa ต้องไปใช้ของ JR)
อีกสายนึงคือ Keikyu ถ้าจะเข้าโตเกียวก็ไปลงที่ Shinagawa ครับ ใช้เวลาราวๆ 20นาที ส่วนวันนี้ผมนั่งไป Yokohama ครับ
ราคาเบาๆ 450เยน นั่งไปราวๆ30นาที
มาถึงโยโกฮาม่าเกือบ 9 โมงได้ จากนั้นก็ไปหาตู้ล็อคเกอร์เพื่อเก็บกระเป๋า แล้วก็เดินสำรวจรอบๆสถานีจนเกือบสิบโมง
โยโดบาชิเปิดพอดี เลยเริ่มทริปโดยการแวะไปซื้อของกันก่อนเลย
เริ่มทริปเที่ยวจริงๆจังๆซักที ที่แรกคือ โรงเบียร์คิริน
นั่งรถไฟย้อนขึ้นจากสถานี Yokahama ไปลงที่สถานี Shin-Koyasu
จากนั้นเปิด Google map ลุย
ออกจากสถานีให้ไปทางซ้าย พอเจอถนนใหญ่ก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงยาวขึ้นไปเลย
เดินไปซักพักจะเห็นตึกที่มีป้าย Kirin อยู่
อ้าว...ไม่ใช่ ให้เดินต่อไปอีก 555
อันนี้ถึงจริงๆล่ะ พอดีโรงเบียร์เค้าโดนทางด่วนบังด้านหน้า เลยไปเช่าตึกเมื่อกี้ติดเหมือนป้ายโฆษณาให้คนเห็น
ด้านหน้าจะมีร้านอาหาร SPRING VALLEY BREWERY ตั้งใจจะมากินข้าวเที่ยงที่นี่หลังจากทัวร์ในโรงเบียร์เสร็จ
ตอนไปถึงพนักงานต้อนรับก็เชิญเราอย่างดี มีให้กรอกข้อมูลลงทะเบียนเข้าชมนิดหน่อย แต่เข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
แล้วรอบทัวร์ใกล้จะเริ่มพอดี แต่รอบนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น เค้าถามว่าเราโอเคไหม
พวกผมก็โอเค พอฟังญี่ปุ่นได้นิดนึง กะว่าเดี๋ยวนั่งดำน้ำเอาแล้วกัน แต่เค้ามีเอกสารภาษาอังกฤษให้เอาไปอ่านระหว่างทัวร์ด้วย
ห้องที่ให้นั่งรอ จะมีตู้โชว์ผลิตภัณฑ์ของKirin มีตั้งแต่เหล้าเบียร์ ยันซอฟท์ดริ้ง
มอลล์กับฮอป วัตถุดิบหลักของเบียร์
ฮอป
ขวดใส่มอลล์ สำหรับให้เทเอามาชิมกัน
หม้อต้มเบียร์
จุดขายหลักของเบียร์คิริน ส่วนของน้ำมอลล์ที่ใช้ ยี่ห้ออื่นจะเอาน้ำหนึ่งกับน้ำสองเอามาผสมกัน แต่ของคิรินจะใช้แค่น้ำหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
ช่วงนี้เค้าให้ชิม น้ำมอลล์ น้ำหนึ่งกับน้ำสองเทียบกันเลย
แค่สีก็ต่างกันคนละเรื่องแล้ว
น้ำหนึ่งรสชาติอร่อยมาก หวานอ่อนๆมีกลิ่นหอมของมอลล์เข้มข้น จนอยากจะบอกคิรินว่า ทำตัวนี้ออกมาขายได้มั้ย ไม่ต้องเอาไปหมักทำเบียร์หรอก
ส่วนน้ำสองนี่ออกจืดๆฝาดๆ เกือบจะเป็นน้ำข้าวต้มเลยทีเดียว
จากนั้นเค้าก็แนะนำและพาชมกรรมวิธีผลิตเบียร์จนกระทั่งการบรรจุหีบห่อ ทัวร์ใช้เวลาทั้งหมดราวๆ 1ชม.
จากนั้นถึงเวลาที่หลายคนรอคอย ....ชิมเบียร์
มีเบียร์3อย่างให้เลือก คนนึงให้ชิมได้ชนิดละแก้วครับ
เบียร์ตัวหลักของKirin
น่าจะเป็นรุ่นที่เพิ่มฮอปเป็นพิเศษ
เบียร์ดำ
ปกติไม่ใช่คนดื่มเบียร์ เลยอธิบายไม่ได้ว่ารสชาติเป็นยังไง แต่รู้สึกเบียร์ของเค้าจะมีรสชาติมากกว่าของบ้านเรา (ส่วนตัวไม่ชอบกินเบียร์ เพราะรู้สึกมันจืดๆ ขมๆ แต่ของที่ชิมนี่ถือว่ารสชาติโอเคเลย)
ตอนแรกพวกผมหยิบเบียร์ตัวหลักมากินคนละแก้ว กินไปนี่เริ่มจุกนิดๆ แต่ยังอยากชิมให้ครบ เลยไปเอาอีกชนิดมาคนละแก้วแล้วแบ่งๆกันชิม
สรุปคือกินกันคนละ2แก้ว...........เมาซะงั้นล่ะครับ ปกติที่เคยกินแค่นั้นไม่น่าจะเมาได้
แต่สงสัยเพราะตอนนั้นท้องว่างพอดี เรียบร้อยครับ หัวมึนๆไปร่วมชั่วโมง 555
พอจบการทัวร์ มีร้านขายขนม,ของที่ระลึก อยู่ตรงทางออก
กะว่าจะมาเที่ยวฟรี สุดท้ายก็ซื้อขนมกลับไป 3-4อย่างจนได้
ออกมาที่สวนด้านข้างโรงงาน เดินตามทางจะกลับไปที่ด้านหน้าโรงงาน
วนกลับมาเจอร้าน SVB
.......ยังมึนหัวอยู่ แล้วก็จุกเบียร์ด้วย ขอกลับก่อนล่ะรอบนี้ ยังกินข้าวไม่ลง
วันหลังจะมาใหม่นะ จะไม่ชิมเบียร์เยอะๆตอนท้องว่างอีกแล้ว T_T
แล้วขากลับ เห็นฝั่งตรงข้ามของโรงเบียร์ กำลังก่อสร้างอะไรอยู่ ลองอ่านป้ายที่ติดไว้ เหมือนเค้ากำลังจะสร้างเพิ่มสถานีตรงจุดนี้ (แต่ไม่ชัวร์นะครับ ภาษาญี่ปุ่นกากๆอยู่ อ่านได้บ้าง เดาบ้าง)
หลังจากนั้นก็กลับไปสถานี Yokohama เพื่อจะไปเที่ยวจุดอื่นต่อไป